จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 446 ไม่กลัวจวินซื่อจื่อจะเข้าใจผิดหรือ

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่446 ไม่กลัวจวินซื่อจื่อจะเข้าใจผิดหรือ

บ่าวรับใช้ชายคนหนึ่งพากงกงท่านหนึ่งเข้ามา “ซื่อจื่อเฟย กงกงท่านนี้บอกว่าเขารับใช้อยู่ข้างเฟิ่งจาวหยี มาขอพบท่าน”

(จาวหยี เป็นตำแหน่งของพระสนม)

หยุนถิงชำเลืองมองกงกงคนนั้น เป็นขันทีน้อยที่หน้าตาดี “เจ้าหาข้ามีเรื่องอะไร?”

เสี่ยวยิ่นจื่อทำความเคารพทันที “เสี่ยวยิ่นจื่อคำนับซื่อจื่อเฟย จาวหยีของข้าบอกว่าอยากเชิญซื่อจื่อเฟยเข้าวัง”

“จาวหยี?” หยุนถิงขมวดคิ้ว

“เรียนซื่อจื่อเฟย จาวหยีของข้าไม่ตั้งท้องมาหลายปี หมอหลวงในโรงหมอหลวงรักษามาหลายปี แต่ก็ไม่ได้ผล เมื่อไม่กี่วันก่อนจาวหยีของข้าได้ยินว่าหลู่หวางเฟยท้องแล้ว ดังนั้นจึงส่งคนไปสอบถามโดยเฉพาะ และได้รู้ว่าซื่อจื่อเฟยเป็นคนออกมือเอง ดังนั้นจึงสั่งให้บ่าวมาเชิญซื่อจื่อเฟยโดยเฉพาะ” เสี่ยวยิ่นจื่อตอบ

“เช่นนั้นข้าก็ไปกับเจ้าสักหน่อยก็ได้” หยุนถิงลุกขึ้นและจากไป

หลงเอ้อและรั่วจิ่งตามไปทันที ช่วงนี้รั่วจิ่งฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์แล้ว หลิงเฟิงตามซื่อจื่อไปที่หอเทพเซียน รั่วจิ่งเองก็ไม่ไว้ใจที่ซื่อจื่อเฟยไปคนเดียว

หลังขึ้นรถม้า ก็ตรงไปที่พระราชวัง

เมื่อลงจากรถม้า เสี่ยวยิ่นจื่อกำลังจะเอื้อมมือไปประคองหยุนถิง แต่กลับถูกหลงเอ้อห้ามเอาไว้ “ซื่อจื่อเฟยของข้า ข้ามาประคองเอง”

“พ่ะย่ะค่ะ เป็นบ่าวเองที่เลยเถิดไป”

หยุนถิงเหลือบมองไปเห็นแผลเป็นบนแขนของเสี่ยวยิ่นจื่อ “เจ้าบาดเจ็บหรือ?”

เสี่ยวยิ่นจื่อเก็บแขนทันที “บ่าวแค่ไม่ระวังไปทำโดน ทำให้ซื่อจื่อเฟยตื่นตระหนกตกใจแล้ว”

“ไม่เป็นไร สิ่งนี้สามารถช่วยการไหลเวียนของเลือดและลบรอยแผลเป็นได้ เจ้าทาวันละสามครั้งก็ได้แล้ว” หยุนถิงยื่นขวดให้

เสี่ยวยิ่นจื่อตกใจ คิดไม่ถึงว่าซื่อจื่อเฟยจะเป็นคนที่ละเอียดอ่อนเยี่ยงนี้ กลับเอายาให้ตัวเอง ทำให้เขาได้รับความโปรดปรานอย่างไม่คาดฝันจนรู้สึกประหลาดใจ

“ขอบคุณซื่อจื่อเฟย แต่ไม่ต้องแล้ว ชีวิตที่ต่ำทรามนี้ของบ่าว ไม่คู่ควรกับยาที่ดีนี้ของซื่อจื่อเฟย!”

“ในสายตาของข้า สรรพสัตว์ทั้งหมดล้วนเท่าเทียมกันหมด การที่เจ้าเป็นบ่าวไม่ใช่สิ่งที่เจ้าสามารถเลือกได้ หากมีภูมิหลังที่ดีใครจะยอมเข้าวังมารับใช้ผู้อื่น ดูสีหน้าคนอื่น และอดทนต่อการเหยียดหยามดูถูกของผู้อื่น”

ดังนั้นอย่าดูถูกตัวเอง แม้ว่าจะเป็นขันที พอเพียงเจ้ามีความทะเยอทะยาน และมีความสามารถ ก็ยังสามารถไต่เต้าได้ และกลายเป็นคนสนิทไว้เนื้อเชื่อใจของฝ่าบาทได้ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วก็เคยมีขันทีบริหารเรื่องการเมือง มีอำนาจท่วมท้น ไม่มีผู้ใดเทียบได้” หยุนถิงกล่าว

เสี่ยวยิ่นจื่อตกตะลึงยิ่งนัก มองดูซื่อจื่อเฟยตรงหน้าด้วยความไม่น่าเชื่อ

นางเป็นซื่อจื่อเฟยผู้สูงศักดิ์ และยิ่งเป็นคนที่จวินซื่อจื่อโปรดปราน ของมกุฏราชกุมาร ในอดีตคนมักกล่าวว่าหยุนถิงหยิ่งยโสโอหัง กำเริบเสิบสาน หลงระเริง และไร้ประโยชน์ แต่ภายหลังหยุนถิงโดดเด่นและเก่งในทุกด่าน มีความสามารถ หน้าตาสวยงาม และได้รับความสำคัญมากเป็นพิเศษ

แต่นางกลับไม่ได้ถือสาฐานะของตัวเอง แถมยังบอกสิ่งเหล่านี้กับตัวเอง ไม่มีใครเคยพูดสิ่งเหล่านี้กับเสี่ยวยิ่นจื่อเลย ปกติเฟิ่งจาวหยีก็มักจะทุบตีและดุว่าเขาเป็นประจำ ไม่เคยเห็นเขาเป็นคนเลย แต่ซื่อจื่อเฟยที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนนั้นกลับมาให้กำลังใจเขาเช่นนี้ ซึ่งทำให้เสี่ยวยิ่นจื่อซาบซึ้งยิ่งนัก จนขอบตาแดง

“ลูกผู้ชายคนหนึ่งแท้ๆร้องไห้ทำไม ยาของซื่อจื่อเฟยนั้นเป็นสิ่งที่มีเงินก็ขอได้ยาก ยังไม่รีบรับเอาไว้” หลงเอ้อกล่าว

เสี่ยวยิ่นจื่อเอื้อมมือไปรับทันที และคุกเข่าลงทันที “ขอบคุณซื่อจื่อเฟยที่ประทานยาให้”

“เอาล่ะ ลุกขึ้นเถอะ ก็แค่ยาขวดเดียว” หยุนถิงเดินตรงออกไปนอกลาน

หลังจากทุกคนขึ้นรถม้า ก็ตรงไปที่พระราชวัง

เสี่ยวยิ่นจื่อพาหยุนถิงและคนอื่น ๆ ตรงไปที่ตำหนักชิ่นหยางของเฟิ่งจาวหยี ระหว่างทางก็บังเอิญเจอกับองค์ชายสี่ที่กำลังเข้าวังพอดี

“หยุนถิง เหตุใดเจ้าจึงเข้ามาในพระราชวัง เสด็จพี่มีเรื่องหาเจ้าหรือ?” โม่ฉือชิงถาม

“เฟิ่งจาวหยีหาข้า ดังนั้นข้าจึงมา” หยุนถิงตอบ

“อะไรนะ เฟิ่งจาวหยี ผู้หญิงคนนั้นหาเจ้าทำไม เจ้าต้องระวังให้ดี เฟิ่งจาวหยีเป็นคนใจแคบ ชอบคิดแค้นที่สุด เป็นคนที่เรื่องมาก เจ้าต้องรับมืออย่างระมัดระวังด้วย”

“ออ ที่แท้ท่านเข้าใจเฟิ่งจาวหยีคนนี้มากเยี่ยงนี้หรือ?” หยุนถิงถามกลับ

โม่ฉือชิงจิกตาใส่ “อีนังหนูเจ้าอย่าทำให้ข้าต้องเดือดร้อน ข้าเคยเห็นนางสั่งสอนคนกับตาเลย วิธีการนั้นไม่ต้องพูดถึงว่าโหดร้ายเพียงใด ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะฝ่าบาทต้องการอิทธิพลของตระกูลเฟิ่ง เกรงว่าก็คงยอมให้นางกำเริบเสิบสานและโอหังอวดดีเช่นนี้ไม่ได้”

หยุนถิงขมวดคิ้ว นางจำได้ว่ากองทัพตระกูลเฟิ่งตั้งมั่นรักษาอยู่ที่ชายแดนทางใต้ และปกป้องความปลอดภัยในทางใต้ของแคว้นต้าเยียนมาโดยตลอดไม่ใช่หรือ ถูกเรียกว่ากำแพงเหล็กของแคว้นต้าเยียน

หลายปีมาเฟิ่งจาวหยีก็ยังไม่ท้อง จู่ๆหยุนถิงก็นึกถึงหัวเฟยละครสงครามนางในในยุคสมัยใหม่ หรือว่าฝ่าบาททรงไม่อยากให้เฟิ่งจาวหยีมีลูก?

“คุณหนูหยุน จาวหยีของข้าเผด็จการไปหน่อยจริง สักครู่ท่านต้องระวังหน่อย” เสี่ยวยิ่นจื่อพูดเตือน

“เช่นนี้ ข้าก็ยิ่งต้องประลองกับนางดูหน่อยแล้ว” หยุนถิงตะคอกอย่างเย็นชา

“ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้า” โม่ฉือชิงไม่ไว้ใจ

“อืม”

ตำหนักชิ่นหยาง

เฟิ่งจาวหยีมองดูหยุนถิงที่เข้ามา ใบหน้างดงาม ชุดสีน้ำเงินทำให้หุ่นที่ดีของนางดูโดดเด่นยิ่งนัก ทุกการเครื่องไหวของนางดูสง่างามและหรูหรา ทำเอาเฟิ่งจาวหยีรู้สึกอิจฉายิ่งนัก

“ข้าเพียงแค่เรียกคุณหนูหยุนเข้าวัง เหตุใดองค์ชายสี่จึงมาด้วย?” น้ำเสียงของเฟิ่งจาวหยีเย็นชาเล็กน้อย

“เมื่อครู่ข้าได้พบกับหยุนถิงในระหว่างทางพอดี ดังนั้นจึงตามมาด้วย” โม่ฉือชิงตอบ

“คุณหนูหยุนเก่งยิ่งนัก สามารถทำให้องค์ชายสี่มาเป็นเพื่อนได้ ไม่กลัวจวินซื่อจื่อจะเข้าใจผิดหรือ?”

หยุนถิงมองดูเฟิ่งจาวหยีอย่างเย็นชา สวยจริงๆ แต่หน้าตากลับธรรมดาเกินไป ทำหน้าไม่พูดไม่จา โดยใช้ใบหน้าแสดงอาการออกมา ราวกับว่าอยู่เหนือกว่าคนอื่นๆ

“องค์ชายสี่เป็นน้องชายแท้ๆของฝ่าบาท ส่วนข้าก็เป็นองค์หญิงที่ฝ่าบาททรงแต่งตั้งขึ้นเอง ระหว่างข้าและองค์ชายสี่ก็คือพี่น้องกัน พี่น้องเดินด้วยกัน ขอเพียงไม่ใช่คนโง่ก็ย่อมไม่เข้าใจผิดอยู่แล้ว” หยุนถิงโต้กลับ

หากเฟิ่งจาวหยียังพูดอีก ก็แสดงว่านางเป็นคนโง่

โม่ฉือชิงอดไม่ได้ที่จะยกนิ้วให้กับหยุนถิง “หยุนถิงคำพูดนี้ของเจ้าถูกใจข้ายิ่งนัก”

“นึกไม่ถึงว่าคุณหนูหยุนจะพูดเก่งขนาดนี้ ครั้งนี้ที่ข้าหาเจ้าก็เพราะได้ยินว่าหลู่หวางเฟยสามารถท้องได้ก็เป็นเพราะเจ้าช่วยนางรักษา ข้าเองก็เป็นเช่นนี้มาหลายปีแล้ว ดังนั้นจึงเรียกเจ้ามาโดยเฉพาะ หากเจ้าสามารถทำให้ข้าตั้งท้องลูกของฝ่าบาทได้ ข้าจะขอบพระคุณเป็นอันมาก! ”

“ให้ตรวจชีพจรให้จาวหยีก่อน” หยุนถิงกล่าว

“อืม!” เฟิ่งจาวหยีนั่งลงทันที และยื่นมือออก

หยุนถิงช่วยนางจับชีพจร หลังจากนั้นไม่นานสีหน้าก็ดูจริงจัง จากนั้นก็ถามเกี่ยวกับสถานการณ์บางอย่างแล้วจึงค่อยกล่าวว่า “ร่างกายของจาวหยีกินยาเป็นประจำทุกปี ซึ่งได้ทำร้ายร่างกายไปแล้ว หากจะตั้งท้องคงยากมาก”

“ไม่ว่าจะยากแค่ไหน ไม่ว่าจะใช้ยาสมุนไพรล้ำค่าเพียงใด ไม่ว่าจะยอมเสียหรือใช้วิธีใดก็ตาม!” เฟิ่งจาวหยีพูดอย่างจริงจัง

“จาวหยีจะตั้งครรภ์ได้หรือไม่ ข้าไม่สามารถรับประกันได้ สามารถเบิกยาเพื่อปรับสภาพร่างกายก่อนเท่านั้น ส่วนจะต้องปรับสภาพร่างกายนานแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับการฟื้นฟูร่างกายของจาวหยี” หยุนถิงตอบ

“เด็กๆไปเอาพู่กัน หมึกมา”

นางกำนัลคนหนึ่งยื่นพู่กันและกระดาษมาทันที หยุนถิงเขียนใบสั่งยาเสร็จแล้วจึงค่อยจากไป

เฟิ่งจาวหยีไม่ได้ให้คนไปจับยาในทันที แต่กลับให้คนสนิทไว้เนื้อเชื่อใจของตัวเองเอาใบสั่งยาไปสอบถามหมอหลวง หลังแน่ใจว่าใบสั่งยานั้นมีไว้สำหรับปรับสภาพร่างกายของสตรีจริงๆ จึงค่อยให้คนไปจับยา

หลังจากออกจากตำหนักชิ่นหยาง โม่ฉือชิงจึงค่อยโล่งใจลง “หยุนถิง เจ้าจะช่วยเฟิ่งจาวหยีท้องให้ได้จริงหรือ ข้าแอบบอกเจ้านะ ห้ามเจ้ากี้เจ้าการมากเกินไป หลายปีที่นางไม่ท้องเป็นเพราะได้รับการแจ้งเจตนารมณ์จากเสด็จพี่ของข้า แน่นอนว่านี่ก็เป็นเพียงการคาดเดาของข้าเท่านั้น ดังนั้นเจ้าอย่าล่วงเกินคนที่ไม่ควรล่วงเกินโดยเด็ดขาด”

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท