จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 447 ใครกล้าแต่งงานกับคนเยี่ยงข้า

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่447 ใครกล้าแต่งงานกับคนเยี่ยงข้า

หยุนถิงรู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อย โม่ฉือชิงคนนี้คิดเพื่อตัวเองมากจริงๆเลย ไม่เช่นนั้นก็คงไม่บอกความลับนี้ออกมา

“ท่านไม่กลัวข้าหักหลังท่านหรือ นำคำพูดที่ท่านพูดในเมื่อครู่บอกให้กับฝ่าบาทหรือเฟิ่งจาวหยี?” หยุนถิงจงใจแกล้งเขา

โม่ฉือชิงรู้สึกกระวนกระวายในทันที “เมื่อกี้ข้าพูดอะไร จำไม่ได้ ลืมแล้ว”

หยุนถิงรู้สึกขบขันกับเขา “ขอบเจ้าสำหรับคำเตือนของท่าน”

“แบบนี้หน่อยสิถึงค่อยยังชั่ว”

ทั้งสองเดินตรงไปข้างหน้า องค์ชายสี่กำลังจะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท ส่วนหยุนถิงก็หันหลังและเดินไปที่ประตูพระราชวัง

“คุณหนูหยุนโปรดช้าก่อน ฝ่าบาททรงเรียกท่านเข้าพบ!” ซูกงกงรีบวิ่งมา

หยุนถิงยิ้มจางๆ สายลับของฝ่าบาทค่อนข้างเยอะนัก นางเพิ่งไปที่เฟิ่งจาวหยีมา ฝ่าบาทก็จะพบนาง เห็นได้ว่าการคาดเดาของนางไม่ผิดจริงด้วย

“พวกข้าสองคนไปพร้อมกันพอดีเลย” โม่ฉือชิงกล่าวอย่างดีใจ

ดังนั้นทั้งสองจึงเดินไปที่ห้องโถงข้างๆ พร้อมกัน เมื่อฝ่าบาทเห็นพวกเขา สีหน้าก็จริงจังขึ้นมาทันที

“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าไปที่ตำหนักชิ่นหยาง สุขภาพของเฟิ่งจาวหยีเป็นอย่างไรบ้าง?” ฝ่าบาทพูดอย่างตรงไปตรงมา

“ทูลฝ่าบาท สุขภาพของเฟิ่งจาวหยีแย่มาก ใช้ยาเป็นประจำทำร้ายรากฐานของร่างกายไปแล้ว หากจะตั้งครรภ์คงยากยิ่งนัก แต่ก็ไม่ใช่ไม่ได้ หากหม่อมฉันออกมือ ปรับสภาพร่างกายระยะหนึ่งก็ยังมีความหวังอยู่ หม่อมฉันได้ให้ใบสั่งยาการปรับสภาพร่างกายไว้ให้เฟิ่งจาวหยี” หยุนถิงตอบตามตรง

ฝ่าบาทขมวดคิ้ว สีหน้าเย็นชาลงทันที เหลือบมององค์ชายสี่ที่อยู่ข้างๆ “เจ้ามาทำไม?”

“ข้ามารายงานเรื่องค้าขายให้เสด็จพี่” องค์ชายสี่ตรัส

“กลับไปเขียนรายละเอียดใบหนึ่งมา และส่งให้ข้าในวันพรุ่งนี้!” ฝ่าบาทสั่ง

“ห้ะ ยังต้องเขียนรายละเอียดอีกหรือ เสด็จพี่ข้ารายงานตรงถึงเจ้ามาโดยตลอด ทำไมต้องทำให้มันยุ่งยากเช่นนั้นด้วย เสด็จพี่เจ้าตั้งใจให้ข้าออกไป หรือว่าเป็นเพราะต้องการพูดเรื่องเฟิ่งจาวหยีกับหยุนถิง แท้จริงแล้วในใจข้ารู้ดี”โม่ฉือชิงแบะปาก

สีหน้าของฝ่าบาทเย็นชากว่าเดิม “ในใจเจ้ารู้ดีอะไร?”

“องค์ชายสี่ท่านออกไปก่อน ครีมความงามที่ท่านอยากได้ข้าจะให้คนส่งไปที่จวนของท่านในภายหลัง” หยุนถิงกล่าวทันที

แม้ว่าทุกคนจะรู้อยู่แก่ใจโดยไม่ต้องอธิบาย แต่หากถูกโม่ฉือชิงพูดออกมา ก็คงต้องทำให้ฝ่าบาททรงโกรธแน่นอน

โม่ฉือชิงตะลึงไปครู่หนึ่ง เสด็จพี่งั้นข้าไปก่อนแล้ว” พูดจบก็เดินออกไปทันที

ในห้องโถงด้านข้างขนาดใหญ่ เหลือเพียงหยุนถิงและฝ่าบาทเท่านั้น

ฝ่าบาทมองมาอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม “ข้าไม่อยากให้เฟิ่งจาวหยีตั้งครรภ์!”

หยุนถิงแอบเย้ยหยันในใจ ว่าแล้วนี่ต่างหากที่เป็นจุดประสงค์ของฝ่าบาท

“หม่อมฉันรับทราบ!” หยุนถิงตอบด้วยความเคารพ ด้วยสีหน้าสงบและไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ

“เรื่องนี้ข้าหวังว่าจะไม่มีบุคคลที่สามรู้”

“เพคะ!”

หลังจากออกจากพระราชวัง หยุนถิงนั่งอยู่ในรถม้า มองดูกำแพงพระราชวังอันโอ่อ่านั้นก็อดไม่ได้ที่อุทานว่า เป็นเรื่องจริงนักที่ว่ากันว่าตั้งแต่สมัยโบราณเชื้อพระวงศ์นั้นล้วนโหดเหี้ยม

เมื่อคิดแบบนี้ ซื่อจื่อของนางก็ดีมากเลย

ไม่รู้ว่าตอนนี้ซื่อจื่อเป็นอย่างไรแล้ว ถึงหอเทพเซียนหรือยัง

รถม้าแล่นผ่านถนนสองสาย หยุนถิงก็บังเอิญเห็นชายชราข้างถนนที่ขายเกาลัดคั่วน้ำตาลพอดี จึงให้คนขับหยุดรถม้าทันที

หยุนถิงเดินตรงมา “ท่านลุง ใส่ให้ข้าสองชุด”

“ได้เลย แต่ต้องรอสักครู่ สุกเดี๋ยวนี้เลย!” ชายชรารีบคั่ว

“หลงเอ้อเจ้าไปซื้อขนมกุ้ยฮวามา จู่ๆ ข้าก็อยากกินขนมกุ้ยฮวา” หยุนถิงกล่าว

“ขอรับ!” หลงเอ้อรีบไปซื้อที่ร้านข้างๆ

ก่อนซื่อจื่อจะจากไปได้สั่งไว้แล้วว่า หากซื่อจื่อเฟยอยากกินอะไร ก็ต้องให้นางได้สมใจ ตอนนี้นางสูงศักดิ์ที่สุดแล้ว

ไม่ไกลนัก มีรถม้าคันหนึ่งเร่งมาอย่างเร็ว “หลบไป ทุกคนรีบหลบไป ม้าตัวนี้บ้าไปแล้ว!” คนที่อยู่บนรถม้าตะโกนด้วยความตื่นตระหนก และพยายามหยุดมัน แต่ม้าบ้าก็ยังคงวิ่งตรงไปข้างหน้า

ผู้คนทั้งสองฝั่งถนนต่างก็ตื่นตระหนกและรีบหลบเมื่อได้ยินสิ่งนี้ หยุนถิงที่กำลังรอเกาลัดคั่วน้ำตาลอยู่นั้นจู่ๆก็ถูกใครชนไม่รู้ และล้มลงไปที่หม้อข้างๆ

ข้างในเป็นหินร้อนที่กำลังคั่วเกาลัดอยู่ อุณหภูมิสูงมาก ถ้าโดนลวกคงเสียโฉมแน่นอน

ฉากนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป มันสายเกินไปที่หยุนถิงจะหลบทัน หลงเอ้อที่อยู่ข้างๆ รีบวิ่งเข้ามา หากซื่อจื่อเฟยเกิดขึ้น ซื่อจื่อคงต้องถลกหนังเขาออกทั้งเป็นอย่างแน่นอน

ร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาเร็วราวกับสายฟ้า คว้าตัวหยุนถิงที่กำลังจะชนโดนหม้อ ใช้แรงดึง หยุนถิงก็ชนเข้าอ้อมแขนของเขา

ออร่าที่เย็นชา ทำให้หยุนถิงรู้สึกคุ้นเคยและสบายใจในทันที

“เจ้าเป็นไรหรือไม่?” ซวนอ๋องถาม

เมื่อครู่เขาบังเอิญผ่านมาพอดี ก็เห็นหยุนถิงเกือบชนโดนพอดี ในเวลานั้นโม่เหลิ่งเหยียนรีบพุ่งมาโดยไม่ได้คิดเลย

ขณะนี้จับร่างเพรียวบางและอ่อนนุ่มของนางเอาไว้ กลิ่นสดชื่นจางๆ ที่อยู่ใกล้จมูกนั้น ทำให้หัวใจที่ตึงแน่นของโม่เหลิ่งเหยียนเต้นเร็วขึ้น

“ขอบคุณซวนอ๋อง โชคดีที่ท่านออกมือ มิฉะนั้น หน้าของข้าคงเสียโฉมแน่นอน!” หยุนถิงกล่าวขอบคุณ

เมื่อโม่เหลิ่งเหยียนได้ยินประโยคนั้น ดวงตาก็เฉียบคมทันที เหลือบมองไปยังฝูงชน ร่างสีขาวที่ชนหยุนถิงใรเมื่อกี้นั้นก็ได้หายไปแล้ว

บ้าเอ๊ย ปล่อยให้เขาหนีไปได้ สีหน้าของโม่เหลิ่งเหยียนดูแย่ลงกว่าเดิม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

เขาไม่อยากให้หยุนถิงกังวล ฟุ้งซ่าน เพราะตอนนี้นางต้องพักผ่อนอย่างสงบ

“ไม่เป็นไร ข้าก็บังเอิญผ่านมาพอดี ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?” โม่เหลิ่งเหยียนถาม

“ซื้อเกาลัดคั่วน้ำตาล”

เมื่อครู่ชายชราก็ตกใจกลัวยิ่งนัก ตอนนี้พึ่งตั้งสติได้ “คุณหนูหยุนท่านไม่เป็นไรก็ดีแล้ว เมื่อครู่ทำเอาข้าตกใจไปหมด เกาลัดนี้ข้าไม่เก็บเงินแล้ว ถือว่าเป็นการปลอดขวัญให้เจ้าละกัน” จากนั้นก็ยื่นถุงสองใบให้

“ไม่ต้อง เจ้าทำธุรกิจเล็กๆนี้ก็ไม่ใช่ง่าย” หยุนถิงรับเกาลัดมาให้เงินหนึ่งก้อนไปแล้วจากไป

ชายชรารู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่ง ขอบคุณครั้งแล้วครั้งเล่า

“หากไม่รีบกลับไป พวกข้าไปโรงน้ำชาดื่มชากันเถอะ” โม่เหลิ่งเหยียนกล่าว

“อืม”

ทั้งสองคนเดินไปที่โรงน้ำชาที่อยู่ไม่ไกล หลงเอ้อก็ตามไปทันที คราวนี้เขาไม่กล้าออกห่างแม้แต่ครึ่งก้าวเลย

นอกฝูงชน ร่างเหงาสีขาวที่ซ่อนตัวอยู่ที่มุมกำแพง ตอนนี้กำลังจ้องมองแผ่นหลังของหยุนถิงด้วยความโกรธ

คนคนนั้นไม่ใช่คนอื่น เป็นซูซินโหรวนั่นเอง

ก่อนหน้านี้ถูกหยุนถิงทำให้ขายหน้ามาหลายครั้ง ซูซินโหรวคิดแค้นในใจ เมื่อครู่นางก็แค่บังเอิญเดินผ่านถนนพอดี ก็เห็นหยุนถิงที่ยืนอยู่หน้าแผงขายเกาลัด ซูซินโหรวก็เกิดความอาฆาตทันที และวิ่งไปชนหยุนถิงภายใต้ตีโอบคุ้มกัน

แต่คิดไม่ถึงว่า ซวนอ๋องกลับออกมาช่วยนาง ให้ตายเถอะ ทำไมหยุนถิงแต่งงานกับจวินซื่อจื่อแล้ว ยังทำให้ซวนอ๋องปฏิบัติกับนางแบบนี้ได้ด้วย

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ดวงตาของซูซินโหรวก็ฉายร่องรอยของความอิจฉาริษยาและความโหดร้าย เขา

ให้ตายเถอะ หยุนถิงช่างโชคดียิ่งนัก ขนาดนี้ก็ยังทำร้ายนางไม่ได้ บ้าเอ๊ย ซวนอ๋องไม่ชอบผู้หญิงมาโดยตลอดไม่ใช่หรือ เมื่อครู่กลับยอมตีคนจนกระเด็นออกไปเพื่อไปช่วยหยุนถิง ดวงตาแสนสวยของซูซินโหรวฉายความริษยาและโหดร้าย

ในเมื่อซวนอ๋องเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็อย่าหาว่านางไม่เกรงใจแล้ว

โรงน้ำชา ห้องพิเศษชั้นเอก

หยุนถิงนั่งลง หยิบเกาลัดคั่วน้ำตาลและกำลังจะปอก “ข้ามาเถอะ” ซวนอ๋องกล่าว รับถุงมาและปอกเกาลัดแล้วยื่นให้

หยุนถิงยื่นมือออกไปรับ “คิดไม่ถึงว่าซวนอ๋องจะเอาใจใส่คนมาเช่นนี้ คิดว่าพระชายาในอนาคตของท่านคงจะมีความสุขมาแน่นอน”

มือที่ถือเกาลัดของโม่เหลิ่งเหยียนกำแน่นเล็กน้อย “ใครกล้าแต่งงานกับคนเยี่ยงข้าเช่นนี้?”

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท