จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 454 ข้าจะชนะได้อย่างไร

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 454 ข้าจะชนะได้อย่างไร

“ได้แน่นอนอยู่แล้ว” หยุนถิงรับปาก เพียงแต่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย คุณหนูในห้องส่วนตัวอย่างซูชิงโยวไม่น่าจะชอบค่ายทหารนี่นา

หยุนถิงคิดเพียงว่านางแค่อยากจะไปเปิดประสบการณ์เท่านั้น ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก

องครักษ์ไปจูงม้าที่ลานหลัง หนานเทียนหลินที่กำลังให้อาหารม้าถามขึ้นมาคำหนึ่ง “ซื่อจื่อจะออกไปข้างนอกหรือ?”

“ซื่อจื่อเฟย เจ้ารีบสวมรถม้าเอาไว้ให้เรียบร้อย อีกเดี๋ยวข้าจะมาจูง!” องครักษ์เอ่ยปาก

“ขอรับ!”

องครักษ์หันหลังจากไป ความมืดมนและดุร้ายเล็กน้อยในดวงตาของหนานเทียนหลินนั่น ในที่สุดโอกาสก็มาถึงแล้ว

ทางด้านนี้ ซูหลินกับเยว่เอ๋อร์ไปเก็บข้าวของ จากนั้นองครักษ์ก็จูงรถม้ามา ทั้งหมดก็ออกเดินทาง

หนานเทียนหลินที่หลบอยู่ในมุมเห็นหยุนถิงขึ้นรถม้าคันนั้น มุมปากยกขึ้นอย่างได้ใจเล็กน้อย

ทางด้านนี้ รถม้าของหยุนถิงเพิ่งจะออกไปหนึ่งถนน ก็ถูกคนขวางเอาไว้แล้ว คนที่มาคือฟู่อี้เฉิน เขาจงใจนำข้ารับใช้ชายมาด้วยสิบกว่าคนมาขวางตรงหน้ารถม้าโดยเฉพาะ

“หยุนถิงคนที่ดาบพันเล่มฟันก็ไม่หายแค้นอย่างเจ้า เมื่อคืนสั่งสอนข้าเช่นนั้น วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้เจอดีแน่!” ฟู่อี้เฉินกล่าวด้วยความเดือดดาล

ซูชิงโยวที่อยู่ในรถม้าขมวดคิ้วขึ้นมา มองมาด้วยความเป็นห่วง “ถ้าอย่างไรเราเดินอ้อมดีไหม?”

“คุณหนู ท่านต้องระวังตัวนะ” เยว่เอ๋อร์เตือนสติ

ซูหลินยิ่งทำหน้าตึงเครียด เตรียมพร้อมจะต่อสู้ทุกเมื่อ

“เหตุใดต้องเปลี่ยนเส้นทางด้วย เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าเลยด้วยซ้ำ เจ้ารอชมการแสดงเถอะ!” หยุนถิงปลอบโยน

ซูชิงโยวก็ไม่ได้พูดอะไรอีก รอชมการแสดงเงียบๆ

เยว่เอ๋อร์กับซูหลินก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่งเช่นกัน ความสามารถของคุณหนูใหญ่พวกนางรู้ดีที่สุด

รั่วจิ่งกับหลงเอ้อนั่งอยู่ด้านหน้ารถม้า ทันทีที่เห็นฟู่อี้เฉินนำกำลังคนมาหาเรื่อง ก็ไปขวางอยู่ตรงหน้ารถม้าทันที “ฟู่ซื่อจื่อ หรือว่าเมื่อวานยังถูกสั่งสอนไม่พออีก?”

ใบหน้าของฟู่อี้เฉินเต็มไปด้วยการถูกบีบให้ยอมรับความพ่ายแพ้ เขาจงใจจะเอาหน้ากลับในที่สาธารณะ ย่อมขี้ขลาดไม่ได้อยู่แล้ว

“หยุนถิงเจ้าลงมาเลยนะ ข้าต้องการจะสู้ตัวต่อตัวกับเจ้า” ฟู่อี้เฉินตะโกนแหกปากเสียงดัง

หยุนถิงที่อยู่ในรถม้ามองออกมาผ่านม่านรถม้า “อย่างเจ้าน่ะหรือ เอาชนะองครักษ์ของข้าให้ได้ก่อนเถอะ”

“ทำเช่นนั้นไม่ได้หรอก พวกเขาสองคนคือคนของจวินหย่วนโยว หลงเอ้อก็เป็นองครักษ์เงามังกรด้วย เจ้าให้ข้าสู้กับเขาคือจงใจทำให้อับอายหรือ”

เหลือบมองไปทางผู้คนที่ล้อมรอบอยู่บนถนน ดวงตาคู่สวยของหยุนถิงเลิกขึ้นเล็กน้อย ถึงได้เดินลงมาจากรถม้า บังเอิญเหลือบไปเห็นรอยเลือดใต้อานม้าเล็กน้อยนั่นโดยไม่ได้ตั้งใจ

แค่ชั่วครู่เดียว หยุนถิงก็กลับมาเป็นปกติ แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น

ซูชิงโยวกับเยว่เอ๋อร์ก็ตามลงมาเช่นกัน ยืนอยู่ด้านข้างอย่างเชื่อฟังและมองดูอย่างเงียบๆ

“เจ้าพูดถูกแล้ว เจ้าไม่คู่ควรให้องครักษ์เงามังกรลงมือจริงๆ ว่ามาเถอะ ตัวต่อตัวอย่างไร?” หยุนถิงถาม

“ต่อสู้ หากกระบี่ของข้าถูกตัวเจ้าถือว่าเจ้าแพ้ เจ้าต้องชดใช้ความเสียหายที่ทำกับของข้าเมื่อวานนี้!” ฟู่อี้เฉินกล่าว

“ตกลง!” หยุนถิงรับปากโดยตรง

“ซื่อจื่อเฟย” รั่วจิ่งกับหลงเอ้อรีบส่งเสียงทันที

คนอื่นไม่รู้ พวกเขาสองคนรู้ว่าหยุนถิงกำลังตั้งครรภ์ เวลานี้จำเป็นต้องพักผ่อนเงียบๆ จะต่อสู้ได้อย่างไร

“ไม่เป็นไร!”

“เจ้าเป็นคนรับปากด้วยตัวเองนะ ทุกคนได้ยินกันหมดแล้วอย่ามาหาว่าข้ารังแกเจ้านะ” ฟู่อี้เฉินเดินเข้ามาอย่างได้ใจ

สีหน้าของหยุนถิงราบเรียบ ไม่มีการแสดงออกทางสีหน้าใดๆ ไม่ขยับเขยื้อนเลย

อันที่จริงในใจของฟู่อี้เฉินประหม่าจะตายอยู่แล้ว แต่กลับจงใจทำเป็นใจกล้าพุ่งเข้ามา เขากับหยุนถิงประมือกันมาหลายครั้งรู้ความเก่งกาจของนาง ดังนั้นจะต้องเอาชนะในกระบวนท่าเดียวให้ได้

ในนาทีที่กระบี่ของฟู่อี้เฉินแตะถูกหยุนถิง แม้แต่ตัวเขาเองยังตะลึงงันไป “ข้าไม่ได้มองผิดไปใช่ไหม ข้าชนะแบบนี้เลยหรือ?”

“ถูกต้อง เจ้าชนะแล้ว!”

“เป็นไปไม่ได้ เจ้าต้องเล่นโกงแน่ๆ ข้าจะชนะได้อย่างไรกัน นี่มันน่าแปลกเกินไปแล้ว?” แม้แต่ตัวฟู่อี้เฉินก็ยังไม่เชื่อ

“ข้าเล่นโกง ยังให้เจ้าชนะได้ สมองเจ้าถูกลาเตะจนโง่หรือ?” หยุนถิงถามกลับ

ฟู่อี้เฉินจ้องมองมาด้วยความโกรธ “เจ้าต่างหากที่ถูกลาเตะมา ข้าชนะแล้ว เจ้าต้องชดเชยให้ข้า!”

“ตกลง เช่นนั้นรถม้าคันนี้ก็ชดใช้ให้เจ้า ถือเป็นการชดเชย นี่คือรถม้าของซื่อจื่อเชียวนะ ไม้แต่ละชิ้นล้วนเป็นไม้จินสื่อหนานที่มีมูลค่านับหมื่นตำลึงทอง หรือเจ้าไม่อยากลองนั่งรถม้าของจวินหย่วนโยวดู?” หยุนถิงจงใจกล่าวขึ้นมา

ฟู่อี้เฉินฟังแล้วก็รู้สึกว่ามีเหตุผลมาก เหลือบมองรถม้าคันนั้นอีกครู่หนึ่ง ในเวลาปกติจวินหย่วนโยวโอหังอวดดีอย่างมาก ไม่เคยให้ฟู่อี้เฉินขึ้นรถม้าของตัวเองเลย จู่ๆก็ได้รถม้ามาหนึ่งคัน ฟู่อี้เฉินย่อมดีใจอยู่แล้ว

“ได้ ตามที่เจ้าว่ามา รถม้าคันนี้เป็นของข้าแล้ว ข้าจะนั่งรถม้าเดินเล่นรอบเมืองสักสองสามรอบเดี๋ยวนี้เลย!” ฟู่อี้เฉินกล่าวอย่างได้ใจ และเดินขึ้นรถม้าไปโดยตรง

บรรดาผู้ติดตามรีบวิ่งเข้ามา จูงรถม้าจากไปทันที

ซูชิงโยวมองมา “หยุนถิง เจ้าจะยกรถม้าให้เขาไปเช่นนี้จริงหรือ แล้วเรายังจะไปอีกไหม?”

“หลงเอ้อ ไปซื้อรถม้ามาคันหนึ่ง!” หยุนถิงเอ่ยปาก

“ขอรับ!”

หยุนถิงและคนอื่นขึ้นไปบนรถม้าคันใหม่ และเดินทางต่อไป พวกเขากำลังจะออกจากเมืองหลวง ก็ได้ยินองครักษ์ลับกลับมารายงาน

“ซื่อจื่อเฟย ฟู่ซื่อจื่อนั่งรถม้าคันนั้นของเรา จู่ๆม้าก็เกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมา อาละวาดพุ่งชนไปทั่ว ชนแผงขายของพลิกคว่ำไปมากมาย โชคดีที่มีผู้ติดตามมาด้วย เลยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ”

“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ม้าของจวนซื่อจื่อเราล้วนผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีทั้งนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะคลุ้มคลั่งกะทันหันนี่นา?” รั่วจิ่งงุนงง

“เรื่องนี้ห้ามเปิดเผยออกไป กลับไปตรวจสอบดูหน่อยว่าตอนนี้ใครเป็นผู้รับผิดชอบดูแลม้า” หยุนถิงตอบ

“ซื่อจื่อเฟยกำลังสงสัยหรือ?” สีหน้าของซูหลินตึงเครียด

“หวังว่าข้าจะคิดมากไปเอง”

“คุณหนู ท่านต้องระวังตัวให้มากๆนะ” เยว่เอ๋อร์กล่าวด้วยความเป็นห่วง

“หยุนถิงยังดีที่เจ้าฉลาด เอารถม้าที่มีปัญหาคันนั้นชดใช้ให้กับฟู่ซื่อจื่อ มิเช่นนั้นคนที่ได้รับบาดเจ็บก็คือเราแล้ว แต่ว่าเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าม้าตัวนั้นผิดปกติ?” ซูชิงโยวมองมาด้วยความงุนงง

“เมื่อครู่ตอนที่ลงจากรถม้าเห็นใต้อานม้ามีรอยเลือดอยู่เล็กน้อย ดังนั้นข้าก็เลยใช้แผนซ้อนแผน” หยุนถิงอธิบาย

ซูชิงโยวชูนิ้วโป้งให้นาง “เจ้าช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!”

ค่ายทหารนอกเมือง

หยุนถิงและคนอื่นๆลงจากรถม้าเดินเข้าไปข้างใน เมื่อทหารที่อยู่หน้าประตูเห็นก็คำนับด้วยความเคารพนบนอบทันที กระตือรือร้นอย่างมาก ให้คนเข้าไปรายงานทันที

หยุนไห่เทียนออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง ในตอนที่เห็นซูชิงโยวก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

“พี่ใหญ่ ชิงโยวไปหาข้าที่จวนซื่อจื่อ ข้าก็เลยพานางมาด้วย” หยุนถิงอธิบาย

“ยินดีต้อนรับคุณหนูซู ทุกคนรีบเข้ามาเถอะ” หยุนไห่เทียนเอ่ยปาก

“ตกลง!” หยุนถิงและคนอื่นๆติดตามหยุนไห่เทียนเดินเข้าไป

ในสนามฝึกซ้อม

บรรดาทหารเห็นว่าหยุนถิงมา ต่างก็รู้สึกกระตือรือร้นและตื่นเต้นอย่างยิ่ง พากันตะโกนโห่เรียกคุณหนูหยุนเสียงดัง

หยุนถิงเห็นพวกเขาก็สนิทสนมอย่างมากเช่นกัน “พี่ใหญ่ ท่านจัดวางขบวนรบไม่ใช่หรือ รีบแสดงให้ข้าดูเร็ว”

“ดูความใจร้อนของเจ้านี่สิ ตกลง!” หยุนไห่เทียนเรียกระดมพลทันที

ทุกคนเตรียมพร้อมนานแล้ว เข้าแถวจัดขบวนทันที ล้วนมีจิตใจฮึกเหิมกันทุกคน

หยุนถิงกับซูชิงโยวและคนอื่นๆยืนอยู่บนแท่นสูงของสนามฝึกซ้อม มองดูคนนับพันที่เรียงแถวอยู่ด้านล่าง ลักษณะท่าทางที่ทรงพลัง และตระการตาเช่นนี้ ซูชิงโยวยังอดที่จะรู้สึกฮึกเหิมไปด้วยไม่ได้

“ทุกคนเปลี่ยนรูปแบบ!” ภายใต้คำสั่งของหยุนไห่เทียน ทุกคนได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ชั่วพริบตาเดียวก็เปลี่ยนแปลงรูปแบบแล้ว

หยุนถิงมองด้วยความพอใจอย่างยิ่ง มองดูท่าทางที่พี่ใหญ่นำทหารทั้งหมดเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน รู้สึกปลื้มปิติอย่างมาก

ในบรรดาทหาร ทหารนายหนึ่งที่มีรูปร่างเตี้ยเล็กมองไปทางหยุนถิงที่อยู่บนแท่นสูง รูปร่างหน้าตามีความโหดเหี้ยมแว๊บผ่านไปเล็กน้อย ฉวยโอกาสตอนเปลี่ยนรูปแบบ เกาทัณฑ์แขนเสื้อที่อยู่ตรงข้อมือของคนผู้นั้นยิงไปทางหยุนถิงอย่างรวดเร็ว!

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท