จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 469 คนที่เขาชอบคือเจ้า

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 469 คนที่เขาชอบคือเจ้า

หยุนถิงรีบตามพ่อบ้านมา พูดสั่งงานเขาไว้ แล้วก็ให้องครักษ์ที่เคยแปลงโฉมเป็นตนเองคนนั้น มาแปลงโฉมเป็นตนเองใหม่ พูดสั่งงานทุกคนแล้ว ก็ออกไปพร้อมกับหมิงจิ่วซาง

หลงเอ้อกับองครักษ์เงามังกรรีบตามไปด้วย ตอนนี้ซื่อจื่อเฟยกำลังตั้งครรภ์ เกิดเหตุอันตรายอะไรขึ้นไม่ได้เด็ดขาด

เพราะเป็นห่วงโม่เหลิ่งเหยียนมาก ดังนั้นหมิงจิ่วซางจึงใช้วิชาตัวเบาพาหยุนถิงจากไป

เขารู้ว่าหยุนถิงตั้งครรภ์ ขับรถม้าเร็วไม่ได้ ไม่อย่างนั้นกระแทกไปมาไม่ดีต่อสุขภาพของนาง ใช้วิชาตัวเบาทั้งไวทั้งปลอดภัย

หยุนถิงก็ค่อนข้างแปลกใจ วิชาตัวเบานั้นสิ้นเปลืองกำลังกายและกำลังภายใน หมิงจิ่วซางทำแบบนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นห่วงโม่เหลิ่งเหยียนอย่างมาก

พวกหมิงจิ่วซางออกมาจากเมืองหลวง ภายใต้การปกคลุมของความมืดยามค่ำคืน

จู่ๆหยุนถิงก็พูดขึ้นมาว่า “ช่วงนี้ข้าเพิ่งคิดค้นเครื่องมือในการช่วยเดินทางขึ้นมาใหม่ สามารถใช้ได้พอดี”

หลงเอ้อฟังแล้วก็รีบวางซื่อจื่อเฟยลงมา หยุนถิงเอารถเปลือกไข่คันเล็กออกมาจากในมิติหลายคัน ซึ่งปรับเปลี่ยนดัดแปลงมาจากสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ารุ่นเก่าในสมัยใหม่

หมิงจิ่วซางตกตะลึงอย่างมาก พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้ามั่นใจว่านี้ใช้เดินทางได้ ทำไมดูเหมือนไข่ไก่ และเป็นไข่ไก่ที่ใหญ่มาก?”

พวกองครักษ์เงามังกรทั้งหมดรู้ความสามารถของซื่อจื่อเฟย เทียบกับหมิงจิ่วซางแล้ว พวกเขายิ่งดีใจและตื่นเต้นมาก

“ซื่อจื่อเฟย หรือนี่เป็นรถสามล้อที่ท่านบอกว่าจะให้ข้า?” หลงเอ้อพูดขึ้นมาอย่างดีใจ

“ถือว่าใช่ แต่ว่าข้าดัดแปลงแล้ว ด้านนอกนี้กันกระสุน ป้องกันระเบิด และเป็นฉนวนกันความร้อน ต่อให้ลูกไฟหล่นใส่ก็ไม่เป็นไร เหมาะในการใช้เดินทางและทำสงคราม” หยุนถิงพูดอธิบายวิธีการใช้อย่างง่ายๆ

ทุกคนรีบเข้าไปลองนั่ง พวกเขาสัมผัสครั้งแรก เริ่มแรกก็จะชนอยู่หลายครั้ง แต่รถเปลือกส้มกลับไม่เสียหายอะไร ทุกคนดีใจอย่างมาก ไม่นานก็รู้วิธีใช้ ทุกคนจึงรีบเดินทาง

หยุนถิงทำมาเยอะมาก มีเป็นเดี่ยว มีสองที่นั่ง และยังมีสามที่นั่ง แบบนี้เมื่อคนหนึ่งขับคนอื่นก็จะได้พักผ่อน

หมิงจิ่วซางกับหลงเอ้อ หยุนถิงนั่งสามที่นั่ง คนอื่นเลือกกันเอง จากนั้นทุกคนก็รีบออกเดินทาง

“เครื่องมือนี้เป็นเพียงหนึ่งเดียวในสี่ประเทศ หยุนถิง เจ้าเก่งมากจริงๆ” หมิงจิ่วซางอดไม่ได้พูดชมขึ้นมา

“ซื่อจื่อเฟยของเราไร้เทียมทาน ต่อไปเวลาเดินทางกลางคืน ก็ไม่ต้องกลัวมองไม่เห็นทางแล้ว แสงไฟล้ำเลิศอย่างมาก” หลงเอ้อใช้คำศัพท์ที่เพิ่งเรียนรู้มาจากซื่อจื่อเฟย

“หยุนถิง เครื่องมือนี้ของเจ้าขายให้ข้าได้ไหม เท่าไหร่ข้าก็ซื้อ?” หมิงจิ่วซางถามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

“ไม่ต้อง ข้ายกให้เจ้า กับความห่วงใยที่เจ้ามีให้โม่เหลิ่งเหยียน ยกให้เจ้าสิบเครื่อง” หยุนถิงพูดตอบ

“ดีมากเลย ไม่เลวจริงๆ”

เดิมระยะการเดินทางสองวัน พวกเขารีบเดินทางทั้งคืน วันที่สองฟ้าเริ่มสว่างก็มาถึงตระกูลหานแล้ว ล้วนเป็นเพราะฝีมือของหยุนถิง

หยุนถิงรีบฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีใคร รีบเอารถเปลือกไข่พวกนั้นเก็บเข้าไปในมิติ หันไปมองจวนที่อยู่ไม่ไกลอย่างค่อนข้างสงสัย

“ทำไมตระกูลหานถึงมาสร้างไว้ด้านนอก?”

“เจ้าบ้านตระกูลหานสุภาพไม่ดี ชอบความสงบ และตระกูลหานชำนาญค่ายกลและวิทยากล บริเวณรอบบ้านล้วนเต็มไปด้วยค่ายกล ดังนั้นจึงไม่ต้องกลัวมีคนมาลอบทำร้ายหรือรบกวน เดี๋ยวพวกเจ้าไปพร้อมกับข้า อย่าเดินหลงทาง” หมิงจิ่วซางพูดเตือนขึ้นมา

“ได้” พวกหยุนถิงรีบเดินตามเขาไป

หมิงจิ่วซางพาทุกคนผ่านค่ายกลมาได้อย่างชำนาญ หยุนถิงให้หลงเอ้อพานางบนขึ้นไปดูบนกำแพง

จวนอันกว้างใหญ่ งามและแปลกแบบโบราณ ประดับด้วยดอกไม้และต้นไม้ที่ดูเรียบง่าย แต่ถ้ามองให้ลึกลงไป ทุกสิ่งล้วนเป็นปริศนา ทั่วทั้งลานเต็มไปด้วยผ้าไหมสีแดงและโคมไฟสีแดง ดูแล้วเหมือนกำลังจะมีงานมงคล

“มีคนตระกูลหานกำลังจะแต่งงาน?” หลงเอ้อถามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

“ไม่น่าใช่ ได้ยินว่าเจ้าบ้านตระกูลหานป่วยหนักจนใกล้ตายแล้ว จะจัดงานแต่งงานตอนนี้ได้อย่างไร” หมิงจิ่วซางพูดขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจ

“จวนนี้เต็มไปด้วยค่ายกล หลงเอ้อกับหมิงจิ่วซางตามข้าเข้ามา คนที่เหลือคนอื่นหาที่หลบซ่อนแยกย้ายกันไป ไม่มีคำสั่งของข้าห้ามออกมา จะได้ไม่เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น” หยุนถิงพูดขึ้นมา

“ขอรับ”

ทุกคนรีบไปหลบ หยุนถิงทั้งสามคนปืนกำแพงเข้ามา ทุกคนรีบแยกย้ายกันไปตามหา

หยุนถิงได้ยินฝีเท้ามาจากไม่ไกล จึงรีบหลบไปยังพุ่มไม้ด้านข้าง

“ครั้งที่แล้วซวนอ๋องมายังไม่แสดงท่าทีใดๆกับคุณหนูใหญ่ ทำไมจู่ๆทั้งสองคนถึงจะแต่งงานกันแล้ว?” สาวใช้คนหนึ่งพูดขึ้นมา

“เจ้าบ้านสุขภาพไม่ค่อยดี คงอยู่ได้ไม่นานแล้ว เข้าจึงอยากยกคุณหนูใหญ่ให้ซวนอ๋องดูแล”

“แต่นิสัยของซวนอ๋องนั้นน่ากลัวอย่างมาก เขาจะดีกับคุณหนูใหญ่หรือ?”

“นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราควรสนใจ รีบเอาของไปส่งเถอะ”

หยุนถิงขมวดคิ้วมุ่น โม่เหลิ่งเหยียนจะแต่งงานกับคุณหนูใหญ่ตระกูลหาน ทำไมตนเองไม่เคยได้ยินเขาพูดถึง

มองดูสาวใช้สองคนนั้นจะเดินไปไกลแล้ว หยุนถิงรีบยกเท้าก้าวเดินตามไป

เดินผ่านระเบียงไปสองข้าง เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา จนมาถึงห้องโถงแห่งหนึ่ง

เมื่อมองเห็นคนสองคนที่กำลังทำพิธีแต่งงานกันในห้องโถง หยุนถิงนิ่งอึ้งไปทันที

ชายหนุ่มที่สวมชุดเจ้าบ่าวก็คือโม่เหลิ่งเหยียน

คนคนนี้ปกติสวมแต่ชุดดำ เฉยเมยเย็นชา ตอนนี้สวมชุดสีแดง ยิ่งดูเข้ากับใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา สุขุมคมคาย แลดูหยิ่ง ชั่วร้าย สะดุดตา

“ข้าไม่ได้ดูผิดไปใช่ไหม ม่เหลิ่งเหยียนแต่งงานแล้ว เขาจะต้องถูกบีบบังคับแน่ ข้าจะไปช่วยเขาเดี๋ยวนี้” หมิงจิ่วซางพูดขึ้นมาอย่างตกตะลึง เขาเดินวนรอบแล้วเพิ่งมาถึงที่นี่

หยุนถิงค่อยได้สติกลับมา รีบคว้าดึงเขาไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าไปแบบนี้มีแต่จะไปตาย เจ้ากับข้าล้วนรู้นิสัยโม่เหลิ่งเหยียนเป็นอย่างดี นอกเสียจากเขายินยอม ไม่อย่างนั้นไม่มีใครสามารถบีบบังคับเขาได้ ไม่แน่เขาอาจจะชอบคุณหนูหานก็ได้”

“เป็นไปได้อย่างไร คนที่โม่เหลิ่งเหยียนชอบคือเจ้า” หมิงจิ่วซางพูดเสร็จ ค่อยรู้ตัวว่าตนเองพลั้งปากไป จึงรีบพูดขึ้นมาว่า “ข้าหมายความว่า โม่เหลิ่งเหยียนไม่มีทางชอบหานยินยิน”

ที่จริงหยุนถิงรู้ความรู้สึกที่โม่เหลิ่งเหยียนมีต่อตนเอง แต่นางไม่สามารถให้อะไรเขาได้ จึงพูดกับเขาให้ชัดเจน

“ไปช่วยโม่เหลิ่งเหยียนก่อนเถอะ หรือจะรอลงมือตอนเข้าห้องหอ ถึงตอนนั้นคนน้อย?” หยุนถิงพูดเสนอ

“เป็นไปได้อย่างไร ถึงแม้จะเย็นชาไม่ชอบหานยินยิน แต่พวกเขาก็เข้าพิธีแต่งงานแล้ว ถึงตอนนั้นหานยินยินร้องห่มร้องไห้ ขู่ฆ่าตัวตาย ด้วยนิสัยของเหลิ่งเหยียนไม่มีทางไม่สนใจ แต่งงานกับผู้หญิงที่ตนเองไม่ได้รัก ยังต้องดูแลไปตลอดชีวิต น่าสลดใจแค่ไหน” หมิงจิ่วซางพูดขึ้นมา

หยุนถิงลืมไปแล้ว ที่นี่เป็นยุคโบราณ ให้ความสำคัญกับพิธีแต่งงานมาก มีการหนีงานแต่ง หย่าร้างเหมือนอย่างยุคปัจจุบันเสียที่ไหน

“เอาเถอะ ตายก็ตาย เดี๋ยวเจ้าลงมือตามสถานการณ์ หากจู่ๆข้าพาโม่เหลิ่งเหยียนหายตัวไปก็ไม่ต้องเป็นกังวล หลบซ่อนตัวให้ดี รอเมื่อไม่มีคนแล้วข้าจะส่งสัญญาณให้ เจ้าพาคนของเราไปก็พอ” หยุนถิงพูดสั่ง รีบเอาของออกมาจากในมิติ แปลงโฉมให้ตนเองอย่างง่ายๆ

ไม่ไกลออกไป มีเสียงดังขึ้นมาว่า “ไหว้ฟ้าดิน”

หยุนถิงรีบเดินพรวดออกไป พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าคัดค้าน”

ใยห้องโถงเต็มไปด้วยคนตระกูลหาน จู่ๆหลายสิบกว่าคนถูกเสียงนี้พูดแทรกขึ้นมา ทุกคนต่างหันไปมอง

เห็นเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง อุ้มท้องโตเดินออกมา

เจ้าบ้านตระกูลหานสีหน้ามืดมนลงทันที พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าเป็นใคร กล้ามาทำลายงานแต่งงานของหลานสาวข้า กล้าบุกเข้ามาในตระกูลหานล้วนต้องตาย”

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท