จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 473 ให้หยุนถิงเอนพิงบนไหล่ของตนเอง
หยุนถิงกำลังคิดอยู่ว่าจะช่วยให้เจ้าบ้านตระกูลหานอยู่ชีวิตได้นานยังไง คิดไม่ถึงว่าจู่ๆหานยินยินจะลงมือ รอเมื่อเขาได้สติกลับมา แสงดาบสีขาวก็ขวางอยู่หน้านางไว้ก่อนแล้ว
คนที่ลงมือก็คือหลงเอ้อ เขาใช้ดาบรับอาวุธลับไว้ จากนั้นก็ใช้กำลังภายใน ตีกลับไปทางเดิม
“อ้าก” เสียงกรีดร้องดังขึ้นมา อาวุธลับอันนั้นพุ่งไปโดนหน้าหานยินยิน ตรงแทงทะลุใบหน้าของนาง นางเจ็บปวดจนกรีดร้องขึ้นมา
หมิงจิ่วซางที่หลบซ่อนอยู่ก็ปรากฏตัวออกมา ยกฝ่ามือตบหานยินยินกระเด็นออกไป
ใบหน้าหานยินยินเต็มไปด้วยเลือดเนื้ออย่างเลือนลาง ร่างกายกระเด็นลอยไป ล้มกระแทกพื้นอย่างรุนแรง พร้อมกระอักออกมาเป็นเลือด
“หน้าของข้า เจ็บปวดมาก หน้าของข้า พี่ใหญ่ช่วยข้าด้วย ท่านปู่รองช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากเสียโฉม”
“น้องสาว พวกเจ้ากล้าลงมือทำร้ายน้องสาวของข้า ข้าจะฆ่าเจ้า” หานมู่ชิงตะคอกพูดพร้อมลงมือทำร้าย
หลงเอ้อไม่แยแส ตวัดดาบยาวในมือ หานมู่ชิงรู้สึกเพียงว่ามีดาบเล่มหนึ่งโจมตีด้านข้างหู เขาตกใจจนแทบหยุดหายใจ
จอนผมสีดำปลิวไสวหล่นลงไปตามสายลม สีหน้าหานมู่ชิงขาวซีด ตกใจจนไม่กล้าขยับเขยื้อน
หากดาบนั้นเอียงไปเพียงนิดเดียว เกรงว่าสิ่งที่หล่นลงพื้นตอนนี้คงจะเป็นหัวสมองของเขา
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” หมิงจิ่วซางหันมามองอย่างเป็นห่วง
หากเกิดอะไรขึ้นกับหยุนถิง โม่เหลิ่งเหยียนกลับมาจะไม่ฆ่าตนเองหรือ
“ข้าไม่เป็นไร” หยุนถิงพูดตอบ หันไปมองดูหานยินยินบนพื้น พร้อมพูดขึ้นว่า “คุณหนูหานเนรคุณ แอบลอบทำร้ายคนอื่น คุณชายหานก็ไม่แยกแยะเรื่องถูกผิดเช่นนี้ ในเมื่อพวกเจ้าอยากตาย งั้นข้าก็จะสงเคราะห์ วันนี้ส่งพวกเขาไปนรกเสียเถอะ”
“ครับ” ดาบในมือหลงเอ้อ กำลังจะแทงออกไป
“เดี๋ยวก่อน แม่นางโปรดอภัย ล้วนเป็นเพราะตระกูลหานสอนลูกหลานได้ไม่ดี ข้าขอโทษแทนยินยิน” ผู้อาวุโสรองของตระกูลหานเดินตรงมาพูดขึ้น
“ผู้อาวุโสรองของตระกูลหาน ขอโทษอย่างไม่มีความจริงใจเลย เมื่อกี้หากไม่ใช่เพราะคนของข้าว่องไว ตอนนี้ข้าคงกลายเป็นศพไปแล้ว ข้าช่วยชีวิตเจ้าบ้านตระกูลหานแล้ว คุณหนูหานกลับลอบทำร้ายข้า ต้องการจะเอาชีวิตข้า หากซวนอ๋องรู้เรื่อง เจ้าคิดว่าเขาจะยอมง่ายๆหรือ?” หยุนถิงถามกลับ
ผู้อาวุโสรองของตระกูลหานรู้จักโม่เหลิ่งเหยียนเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เมื่อกี้หานยินยินเป็นคนลงมือทำร้ายจริงๆ เขาอยากห้ามก็ไม่ทัน
“เรื่องนี้ตระกูลหานเรากระทำผิดต่อแม่นาง ข้าลงมือด้วยตนเอง” ผู้อาวุโสรองของตระกูลหานเดินตรงไปหาหานยินยิน
“ท่านปู่รองช่วนข้าด้วย ล้วนเป็นเพราะผู้หญิงคนนี้ หน้าของข้า ท่านปู่รอง ช่วยข้าฆ่านางเสีย” หานยินยินร้องขึ้นมาอย่างน่าสงสาร เจ็บปวดอย่างมาก
ผู้อาวุโสรองของตระกูลหานเดินตรงมาหา พูดขึ้นด้วยสีหน้าผิดหวังและเจ็บปวดว่า “ยินยิน ทำไมจนถึงตอนนี้เจ้ายังไม่รู้จักสำนึกผิด แม่นางคนนี้ช่วยชีวิตเจ้าบ้านไว้ นางเป็นคนมีบุญคุณของตระกูลหาน”
เจ้าเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูลหาน หลายปีมานี้ ข้ากับเจ้าบ้านต่างก็รักใคร่ตามใจเจ้ามาตลอด คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะกระทำเรื่องชั่วร้ายแบบนี้ ทำให้ข้าเจ็บปวดใจยิ่งนัก วันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าแทนเจ้าบ้าน
“ไม่ ท่านปู่รองอย่า เป็นเพราะผู้หญิงคนนี้แย่งเหลิ่งเหยียนไป ล้วนเป็นเพราะนาง ข้าเพียงแค่อยากแย่งเหลิ่งเหยียนกลับคืนมา เขาเป็นของข้า ชั่วชีวิตนี้เขาเป็นของข้าได้เท่านั้น….”
ผู้อาวุโสรองของตระกูลหานเคียดแค้นชิงชังเป็นอย่างยิ่ง ยกฝ่ามือกระแทกยอดหัวกระโหลกหานยินยิน
“อ้าก” เสียงกรีดร้องหานยินยินดังขึ้นมา นัยน์ตาคู่งามพลันเบิกกว้างและแตกร้าว จากนั้นก็หลับตาหมดสติไป
“ข้าทำลายพลังบำเพ็ญกับกำลังภายในของยินยิน นับจากนี้ต่อไปนางก็จะเป็นเหมือนคนไร้ประโยชน์คนหนึ่ง ขอแม่นางเห็นแก่หน้าข้า ขอให้เรื่องนี้จบลงเพียงเท่านี้” ผู้อาวุโสรองของตระกูลหานพูดขึ้นมา
“ผู้อาวุโสรองของตระกูลหานรู้จักแยกแยะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็จะไม่บอกซวนอ๋อง” หยุนถิงพูดขึ้นมา
นางไม่อยากให้โม่เหลิ่งเหยียนลำบากใจ และยิ่งไม่อยากให้เขาทำอะไรตระกูลหานเพื่อตนเอง
“ขอบคุณแม่นาง”
ไม่นานหานเหล่าซานก็พาซวนอ๋องกลับมา ในมือโม่เหลิ่งเหยียนถือป้ายวิญญาณที่ห่อด้วยผ้าสีดำ
หานยินยินกับหานมู่ชิง
“หวังเฟย เราไปกันเถอะ” โม่เหลิ่งเหยียนเดินมา ยื่นมือไปจูงมือหยุนถิงไว้
“ได้” หยุนถิงหัวเราะขึ้นมา แล้วจากไปพร้อมกับโม่เหลิ่งเหยียน
ตระกูลหานคนอื่นๆ รีบหลีกทางให้ หลงเอ้อกับหมิงจิ่วซางรีบตามหลังไป พวกเขาหลายคนพากันเดินออกมาจากตระกูลหาน
ออกมาจากเรือนตระกูลหานแล้ว โม่เหลิ่งเหยียนรีบหันไปมองหยุนถิง พร้อมถามขึ้นว่า “ร่างกายเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีไหม?”
หยุนถิงยิ้มให้เขาอย่างปลอบโยน พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไร แค่ค่อนข้างเหนื่อย”
“งั้นก็รีบหาที่พักผ่อน หมิงจิ่วซางรีบไปขับรถม้ามา” โม่เหลิ่งเหยียนพูดสั่งขึ้นมา
หมิงจิ่วซางกระตุกมุมปาก พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่มีรถม้า”
“เกิดอะไรขึ้น?” โม่เหลิ่งเหยียนขมวดคิ้ว
“ก็เพราะเป็นห่วงเจ้า กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า ดังนั้นข้าจึงใช้วิชาตัวเบาพาหยุนถิงมา….”
“เหลวไหล ตอนนี้นางกำลังตั้งครรภ์อยู่ รีบเดินทางแบบนี้ได้อย่างไร หากนางเป็นอะไรไป ข้าจะไปสู้หน้าจวินหย่วนโยวยังไง” สีหน้าโม่เหลิ่งเหยียนเยือกเย็นเหมือนดั่งน้ำ พร้อมถลึงตาใส่หมิงจิ่วซาง
“เจ้าไม่ต้องโทษเขา เขาเพียงแค่เป็นห่วงเจ้า ช่วงนี้ข้าคิดค้นอุปกรณ์ช่วยในการเดินทางขึ้นมาใหม่ แต่ตอนนี้เป็นตอนกลางวันจึงไม่ได้เอาออกมา เดี๋ยวค่อยให้เจ้าดู ระหว่างทางข้าก็ได้พักผ่อน” หยุนถิงพูดอธิบาย
โม่เหลิ่งเหยียนไม่พูดอะไร อุ้มหยุนถิงขึ้นมา
“ซวนอ๋อง เจ้าวางข้าลงมา”
“ที่นี่ยังเป็นพื้นที่ของตระกูลหาน หรือเจ้าอยากให้ตระกูลหานรู้ว่า เจ้าเป็นซวนเฟยตัวปลอม พักผ่อนดีๆ” น้ำเสียงโม่เหลิ่งเหยียนเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง
หยุนถิงกำลังตั้งครรภ์ ควรที่จะได้พักผ่อนดีๆ กลับรีบเดินทางมายังตระกูลหานทั้งคืนเพื่อมาช่วยตนเอง ทำให้หัวใจโม่เหลิ่งเหยียนที่เยือกเย็น เต็มไปด้วยความอบอุ่นและซาบซึ้งใจ
ด้วยความที่หยุนถิงทำเพื่อตนเองขนาดนี้ โม่เหลิ่งเหยียนสาบานอยู่ในใจว่า จะปกป้องนางไปตลอดชีวิต
หยุนถิงจำต้องตอบตกลง นางรู้ว่าโม่เหลิ่งเหยียนดื้อรั้นที่สุด หากขัดขืนแบบนี้ต่อไป เขาก็ไม่ปล่อยตนเองลงมา ใช้พลังไปกับตระกูลหานมากมายขนาดนี้ หยุนถิงรู้สึกเหนื่อยจริงๆ
หลงเอ้อตกใจจนหัวใจสั่นสะท้าน คิดอยู่ในใจว่าห้ามบอกเรื่องนี้ให้ซื่อจื่อรู้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นซื่อจื่อจะโกรธโมโหจนถลอกหนังของเขาหรือ
องครักษ์เงามังกรที่หลบซ่อนอยู่รีบหารถม้ามา โม่เหลิ่งเหยียนเหลือบมองดูองครักษ์ลับคนนั้น สีหน้าย่ำแย่อย่างที่สุด องครักษ์เงามังกรพวกนี้น่าโมโหเหมือนจวินหย่วนโยวจริงๆ
โม่เหลิ่งเหยียนอุ้มหยุนถิงขึ้นมาบนรถม้า ตนเองก็ขึ้นไปนั่ง หลงเอ้อกับหมิงจิ่วซางนั่งขับรถม้าอยู่ข้างหน้า
“เหลิ่งเหยียน เจ้าทำให้ข้าตกใจแทบแย่ โชคดีที่ครั้งนี้มีหยุนถิง ไม่อย่างนั้นข้าไม่รับประกันว่าจะสามารถช่วยเจ้าออกมาได้” หมิงจิ่วซางอดไม่ได้ที่จะพูดบ่นขึ้นมา
“ข้ายังไม่ได้คิดบัญชีกับเจ้า” โม่เหลิ่งเหยียนพูดขึ้นมาด้วยเสียงเย็นชา
หมิงจิ่วซางกระตุกมุมปาก เจ้าคนนี้เห็นแก่ผู้หญิงมากกว่าตนเอง เขาง่ายไหม?
“ซวนอ๋อง ข้าไม่เป็นไร” หยุนถิงพูดขึ้นมา
“นอนพักเถอะ” โม่เหลิ่งเหยียนปูที่รองข้างใน ให้หยุนถิงได้นั่งสบายหน่อย
“ขอบคุณ” หยุนถิงเอนพิงตรงมุมรถม้า แล้วก็หลับตา
อาจเป็นเพราะเหนื่อยมากแล้ว ไม่นานหยุนถิงก็หลับไป หัวส่ายไปมา
ถึงแม้หลงเอ้อพยายามลดความเร็วของรถม้า แต่ยังไงก็เป็นรถที่ทำจากไม้ จึงค่อนข้างสั่นคลอน
ภายในรถม้า เห็นหน้าหยุนถิงกำลังจะกระแทกผนังรถม้า โม่เหลิ่งเหยียนรีบยื่นมือออกมา รองรับหัวของนางไว้ ขยับตัวมาใกล้ ให้หยุนถิงเอนพิงบนไหล่ตนเอง