จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 474 จวินหย่วนโยวหึง ซวนอ๋องต้มตุ๋น
หยุนถิงไม่ตื่น เสียงลมหายใจแผ่วเบาดังขึ้นมา มองดูใบหน้างดงามของนาง ตาคิ้วโม่เหลิ่งเหยียนแลดูอบอุ่นขึ้นมา
ทั้งๆที่รู้ว่านางรักจวินหย่วนโยว ทั้งๆที่รู้ว่านางเห็นตนเองเป็นเพียงเพื่อนคนหนึ่ง แต่เวลานี้หยุนถิงเอนพิงอยู่บนไหล่ตนเอง ยังคงทำให้หัวใจโม่เหลิ่งเหยียน อดไม่ได้ที่จะดีใจโลดเต้นขึ้นมา
เวลานี้ โม่เหลิ่งเหยียนเป็นเหมือนอย่างเด็กแอบกินลูกอม ต่อให้เป็นเพียงความหวานชั่วครู่ เขาก็ยินยอม
หลงเอ้อที่อยู่ด้านนอกรถม้าหันมาเหลือบมองดู เห็นแล้วก็ตกใจอย่างมาก กำลังจะพูดออกมา หมิงจิ่วซางกลับพูดขึ้นมาก่อนว่า “หมดกัน คราวนี้เหลิ่งเหยียนตกอยู่ในเงื้อมมือหยุนถิงแล้ว”
“เจ้าพูดขึ้นมาทำไม?” หลงเอ้อหันไปถลึงตาใส่เขา
“โม่เหลิ่งเหยียนชอบซื่อจื่อเฟยของพวกเจ้า คนตาบอดยังดูออก ตอนนี้หยุนถิงมาช่วยเหลิ่งเหยียนอย่างไม่คำนึงถึงร่างกายตนเอง คราวนี้เหลิ่งเหยียนยิ่งวางใจไม่ลง”
“ซื่อจื่อเฟยของข้ารักซื่อจื่อคนเดียว นางเพียงเห็นซวนอ๋องเป็นเพื่อนคนหนึ่ง ที่รู้ใจ เท่านั้นเอง” หลงเอ้อพูดขึ้นมา
“ดังนั้น เหลิ่งเหยียนไม่มีอนาคตแล้ว ผู้กล้ายากฝ่าด่านหญิงงามจริงๆ แต่ข้าก็อิจฉาเขา หากวันหนึ้งข้ามีอันตราย แล้วมีผู้หญิงคนหนึ่งยอมเดินทางไกลเป็นพันลี้เพื่อมาช่วยข้าแบบนี้….เพ้ย ทำไมข้าปากเสียสาปแช่งตนเอง”
หลงเอ้อกลอกตามองบน พร้อมพูดขึ้นว่า “งี่เง่า”
หลงเอ้อรู้อยู่แล้วว่าซวนอ๋องอยากให้ซื่อจื่อเฟยพักผ่อนแปบหนึ่ง เพราะเป็นห่วงสุขภาพของซื่อจื่อเฟย หลงเอ้ออดกลั้นไว้ไม่พูดอะไร
รถม้าเคลื่อนเดินทางไปข้างหน้า องครักษ์ลับที่คอยติดตามปกป้องหยุนถิง เล่าเรื่องทั้งหมดผ่านจดหมายไปรายงานให้ซื่อจื่อฟัง
ส่วนจวินหย่วนโยวที่อยู่ไกลเมื่อได้รับจดหมาย ก็ผ่านไปหลายวันแล้ว
เมื่อจวินหย่วนโยวเห็นเนื้อหาในจดหมาย คนทั้งคนก็โกรธจัด ใช้กำลังภายในทำลายจดหมาย กลายเป็นเถ้าถ่านทันที
โม่เหลิ่งเหยียนกล้าคิดแย่งเมียเขาจริงๆ แกล้งทำเป็นน่าส่งสาร ใช้แผนทรมานร่างกายตัวเอง น่าเกลียดที่สุด
“เป่ยหมิงฉี่ไปถึงไหนแล้ว ทำไมนานขนาดนี้แล้วก็ยังไปไม่ถึง ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ?” จวินหย่วนโยวโกรธโมโหใหญ่โต
“ซื่อจื่อ พวกเป่ยหมิงไท่จื่อเพิ่งมาถึง” หลงยีพูดตอบ
จวินหย่วนโยวหันเดินออกมา เป่ยหมิงฉี่พาคนสนิทเดินเข้ามาพอดี
“จวินหย่วนโยว เจ้าเร่งรีบเกินไปแล้ว ข้าเดินทางทั้งวันทั้งคืน ข้าคนเดียววิ่งจนม้าตายไปหลายตัวแล้วค่อยมาถึง…..” เป่ยหมิงฉี่กำลังจะพูดบ่น กลับถูกจวินหย่วนโยวพูดแทรกขึ้นมาว่า
“เรื่องหอเทพเซียนยกให้เจ้าจัดการ ข้าให้องครักษ์ลับอยู่ช่วยเจ้า หากครั้งนี้สามารถทำให้ข้าพอใจ ข้าจะยกเว้นการลงโทษแคว้นเป่ยลี่” จวินหย่วนโยวพูดขึ้นมาอย่างมีอำนาจ พร้อมยกเท้าเดินไป
เป่ยหมิงฉี่นิ่งอึ้ง พร้อมถามขึ้นว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ ทำไมเจ้าร้อนใจขนาดนี้ จวินหย่วนโยวเจ้าห้ามผิดคำพูด”
“ข้าไม่เคยผิดคำพูด” คนของจวินหย่วนโยวมาถึงด้านนอกประตูแล้ว
ท่านลั่วเดินเข้ามาพอดี จวินหย่วนโยวพูดสั่งงานเขาเสร็จ ก็เดินตรงออกไปแล้ว
“เจ้าเฒ่า เมื่อกี้จวินหย่วนโยวพูดอะไรกับเจ้า เกิดเรื่องอะไรในแคว้นต้าเยียนหรือเปล่า?” เป่ยหมิงฉี่ถามขึ้นมาอย่างแปลกใจ
“ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า” ท่านลั่วมองเมินใส่เขา
จวินหย่วนโยวไม่ทันรับไหว้ด้วยซ้ำ เห็นได้ชัดว่าร้อนใจแค่ไหน
พวกหลงยีรีบติดตามไป เหลือไว้เพียงองครักษ์ลับไม่กี่คนคอยช่วยเป่ยหมิงฉี่
ตอนนี้แคว้นชางเยว่กับแคว้นเทียนจิ่วยังไม่ได้จ้องจะทำร้ายแคว้นเป่ยลี่ จะต้องรีบจัดการทุกอย่างให้รวดเร็ว
เป่ยหมิงฉี่ที่เดิมตั้งใจจะพักผ่อนสักวันสองวันค่อยลงมือ รีบเรียกรวมตัวทุกคนกับองครักษ์ลับที่จวินหย่วนโยวทิ้งไว้ให้ ยังมีพวกท่านลั่วร่วมกันวางแผนเรื่องลงมือต่อสู้
พวกองครักษ์ลับพูดแผนการของซื่อจื่อออกมาให้ฟัง เป่ยหมิงฉี่ฟังอยู่อย่างตกตะลึง
ตนเองโชคดีอะไรอย่างนี้ แค่ต้องทำตามแผน แม้แต่แผนการต่อสู้จวินหย่วนโยวก็กำหนดไว้แล้ว หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับหยุนถิง เขาถึงได้ร้อนใจขนาดนี้ ยกความดีความชอบให้ตนเองทั้งหมด
นอกจากเรื่องนี้แล้ว เป่ยหมิงฉี่คิดสาเหตุอื่นไม่ออก
คืนวันนั้น เป่ยหมิงฉี่ก็พาไปลอบทำร้ายหอเทพเซียนจากด้านหลังเขา เพราะพวกองครักษ์ลับ สืบสำรวจรู้ลักษณะทางภูมิศาสตร์กับการเปลี่ยนเวรยามของหอเทพเซียนอย่างชัดเจนแล้ว ดังนั้นคนของเป่ยหมิงฉี่จึงลงมือได้อย่างรวดเร็ว
ส่วนมู่เทียนบาในหอเทพเซียนไม่รู้ตัวเลย หลังจากมีอะไรกันกับซ่างกวนหรูแล้ว เขาก็อาศัยอยู่แต่ในห้องซ่างกวนหรูหลายวัน
มีเพศสัมพันธ์กันทั้งวันทั้งคืน สูญเสียกำลังเกินเหตุ จนร่างกายอ่อนเพลีย
มู่เทียนบาคิดไม่ถึงเลยว่า คนที่ถูกกักขังไว้ข้างหลังเขาถูกปล่อยไปหมดแล้ว แม้แต่ศิษย์ภายในหอเทพเซียนมากมายล้วนถูกเปลี่ยนตัว
ท่านลั่วใช้หน้ากากคนที่จวินหย่วนโยวทิ้งไว้ให้ เปลี่ยนโฉมคนเป่ยหมิงฉี่ทั้งหมดให้กลายเป็นลูกศิษย์ของหอเทพเซียน แบบนี้พวกเขาก็สามารถเข้าไปในหอเทพเซียนได้อย่างราบรื่น
เช้าวันนี้ มู่เทียนบาออกมาจากห้องซ่างกวนหรู แล้วก็ไปจัดการงาน จู่ๆมู่เซียวเซียวก็เข้ามาในเรือนของนาง
ซ่างกวนหรูค่อนข้างแปลกใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “หากคุณหนูใหญ่มู่มาหาข้า อยากให้ข้าไปจากท่านเจ้าหอ งั้นก็เชิญกลับเถอะ”
มู่เซียวเซียวกระตุกมุมปากหัวเราะเย้ยอย่างไม่พอใจ สีหน้ากลับเรียบเฉย พร้อมพูดขึ้น “เจ้าคิดมากไปแล้ว ข้าไม่ได้อยากให้เจ้าไปจากพ่อของข้า นับจากที่พ่ออยู่กับเจ้า ข้าเห็นใบหน้าของเขามีรอยยิ้มมากขึ้น หลายปีมานี้พ่อดูแลหอเทพเซียนคนเดียว ยังต้องดูแลพวกเราสองพี่น้อง ซึ่งลำบากไม่น้อย ตอนนี้มีเจ้าคอยอยู่เป็นเพื่อนพ่อ ข้าซาบซึ้งใจอย่างมาก”
ซ่างกวนหรูตกตะลึงอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าคุณหนูใหญ่มู่จะใจกว้างขนาดนี้
“เช่นนี้ ต้องขอขอบคุณคุณหนูใหญ่”
“ไม่ต้องเกรงใจ ล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน” มู่เซียวเซียวพูดเสร็จ แล้วก็หันเดินจากไป
ซ่างกวนหรูมองดูเหงาหลังของนาง นัยน์ตาคู่งามฉายแววโหดเหี้ยม ไม่ว่ามู่เซียวเซียวจะต้องการอะไร ขอเพียงไม่ไล่ตนเองไป งั้นก็ยังไม่ใช่ศัตรูกัน
ทางนี้จวินหย่วนโยวรีบเร่งเดินทางทั้งวันทั้งคืน ขี่ม้าพันธุ์เหงื่อโลหิต เดินทางทั้งวันทั้งคืน แม้แต่ตอนกลางคืนก็ไม่พักผ่อน เหนื่อยมากแล้วง่วงนอนก็ให้ดื่มสารอาหารเหลวที่หยุนถิงให้เขา ตลอดการเดินทางขี่ม้าพันธุ์เหงื่อโลหิตตายไปแล้วเจ็ดแปดตัว ในที่สุดวันที่สิบก็กลับไปถึงแล้ว
ได้ยินว่าหยุนถิงไปยังจวนซวนอ๋อง จวินหย่วนโยวโกรธโมโหจัด ขี่ม้าตรงไปยังจวนซวนอ๋อง
ภายในเรือน หยุนถิงเอารถเปลือกไข่ที่ตนคิดค้นออกมาจากในมิติ ทั้งสองคนกำลังปรึกษากัน สุดท้ายก็ได้ยินเสียงวุ่นวายดังขึ้น
จวินหย่วนโยวพาคนพุ่งออกมาจากเรือนอย่างโกรธโมโหจัด องครักษ์ในจวนห้ามไว้ก็ไม่ไหว
“โม่เหลิ่งเหยียน เอาชีวิตมา”
หยุนถิงตกตะลึง พร้อมพูดขึ้นว่า “ซื่อจื่อ เจ้ากลับมาได้อย่างไร เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?”
จวินหย่วนโยวยังไม่สนใจหยุนถิง คนก็พุ่งโจมตีมา
โม่เหลิ่งเหยียนรีบหลบไป หันมือโจมตีกลับทันที
ทั้งๆที่จวินหย่วนโยวสามารถหลบฝ่ามือนั้นได้ แต่เมื่อคิดถึงโม่เหลิ่งเหยียนใช้แผนทรมานร่างกายตัวเองต่อหน้าหยุนถิง จวินหย่วนโยวจึงไม่หลบซ่อนแล้ว
“ซื่อจื่อระวัง ซวนอ๋องหยุดเดี๋ยวนี้” หยุนถิงตะโกนขึ้นมา
โม่เหลิ่งเหยียนก็คิดไม่ถึงว่าจวินหย่วนโยวจะไม่หลบ จึงรีบหลบเขา เพราะรวบพลังกลับกะทันหัน โม่เหลิ่งเหยียนจึงถูกสะท้อนกลับมาทำร้าย จนเจ็บหน้าอก
ส่วนจวินหย่วนโยว เมื่อเห็นหยุนถิงพุ่งมาหา ก็เป็นกังวล คิดอยากไปห้ามนาง จู่ๆสายตาก็มืดมนหมดสติไป
“ซื่อจื่อ ซื่อจื่อเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” หยุนถิงรีบวิ่งไปหาโอบกอดจวินหย่วนโยวที่กำลังจะล้มลง
โม่เหลิ่งเหยียนแสดงสีหน้ารังเกียจและดูถูก พร้อมพูดขึ้นว่า “จวินหย่วนโยว ต้มตุ๋นก็ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้หรอก เมื่อกี้ข้าไม่ได้ตีถูกเจ้าเลย”