จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 476 ข้าแค่อยากกอดเจ้า

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 476 ข้าแค่อยากกอดเจ้า

จวินหย่วนโยวจูงมือหยุนถิงเดินออกมา หลงเอ้อได้รายงานทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ให้เขาฟังแล้ว จวินหย่วนโยวรู้ว่าโม่เหลิ่งเหยียนไม่ได้ตั้งใจใช้แผนทรมานตัวเอง อารมณ์โกรธจางหายไป

“ซื่อจื่อ เจ้าไม่ต้องโทษพวกเขา ข้าเองที่อยากทำกับข้าวพวกนี้ให้เจ้า” หยุนถิงพูดขึ้นมา

“ข้าแค่เป็นห่วงเจ้า ตอนนี้จะต้องพักผ่อน ต่อไปห้ามวิ่งไปไหนอีก” จวินหย่วนโยวพูดขึ้นมาด้วยเสียงชา

เขาไม่ได้พูดถึงโม่เหลิ่งเหยียนเลย ไม่อยากให้หยุนถิงคิดว่าตนเองเป็นคนใจแคบ ยิ่งไม่อยากให้นางคิดว่าตนเองไม่ให้อิสระแก่นาง

แต่ฉลาดเหมือนอย่างหยุนถิง ฟังรู้ความหมายแฝงของซื่อจื่ออยู่แล้ว

“ครั้งนี้ซวนอ๋องถูกคุณหนูหานวางแผน หมิงจิ่วซางไม่รู้วิทยากล ดังนั้นจึงมาหาให้ข้าไปช่วย โชคดีที่ข้าไปได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นเขาคงแต่งงานกับหานยินยินแล้ว” หยุนถิงพูดอธิบายขึ้นมา

“เจ้าไม่ควรไปเลย ให้พวกเขาแต่งงานกันอ่ะดีที่สุด” จวินหย่วนโยวพูดขึ้นมา

แบบนี้ โม่เหลิ่งเหยียนก็จะได้ไม่คิดถึงหยุนถิง

“ซื่อจื่อ ทำไมเจ้าพูดแบบนี้ แต่งงานกับผู้หญิงที่ตนเองไม่ได้รัก จะต้องหงุดหงิดใจไปตลอดชีวิต หากเป็นเจ้า เจ้ายินยอมหรือ?”

“ข้ามีเจ้าแล้ว ชั่วชีวิตนี้เพียงพอแล้ว” จวินหย่วนโยวพูดขึ้นมาอย่างเผด็จการ

หยุนถิงพูดไม่ออก จึงได้แต่พูดขึ้นว่า “ซวนอ๋องช่วยข้าจากอันตรายหลายครั้ง ยังช่วยข้าห้ามไม่ให้หยุนหลิงไปฟ้องฮ่องเต้ ด้วยมิตรภาพและเหตุผล ข้าล้วนควรไปช่วยเขา”

“ได้ เจ้าทำได้ดี ต่อไปทุกอย่างมีข้าอยู่ เจ้ารับผิดชอบพักผ่อนให้ดีก็พอ” จวินหย่วนโยวพูดขึ้นมาอย่างเจ็บปวด พร้อมเอื้อมมือวางลงบนท้องของนาง

“เจ้าเด็กน้อยอย่าทำให้ท่านแม่ของเจ้าเหนื่อยนะ เชื่อฟังหน่อย”

“ซื่อจื่อ เขายังเล็กอยู่ ฟังไม่รู้เรื่องหรอก” หยุนถิงพูดขึ้นมาอย่างขบขัน

“งั้นข้าก็จะเริ่มพูดกับเขาตั้งแต่ตอนนี้ จนถึงตอนที่เขาสามารถฟังรู้เรื่อง”

“เจ้ากลับมาแล้ว หอเทพเซียนเป็นอย่างไรบ้าง ท่านลั่วล่ะ?” หยุนถิงถามขึ้นมา

“ตอนที่ข้ากลับมาได้มอบหมายให้กับเป่ยหมิงฉี่ หากเพียงแค่หอเทพเซียนเขาก็รับมือไม่ได้ ก็อย่าคิดที่จะครอบครองแคว้นเป่ยลี่เลย”

หยุนถิงคิดไม่ถึงว่า ซื่อจื่อก็รู้จักโยนงานเป็น

ทำกับข้าวเสร็จแล้ว ในครัวยกอาหารมาวางบนโต๊ะ หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวทานอยู่อย่างเงียบๆ อาหารมื้อหนึ่งทั้งสองคนคีบกับข้าวให้กัน อบอุ่นอย่างมาก

ทานเสร็จแล้ว จวินหย่วนโยวกับหยุนถิง แอบแดดอยู่ด้วยกันในเรือน

“ซื่อจื่อ ข้าช่วยนวดหัวให้เจ้า หลีกเลี่ยงเดินทางมาขนาดนี้ คงเหนื่อยแย่แล้ว ต่อไปห้ามทำให้ตนเองเหนื่อยแบบนี้อีก ข้าเป็นห่วง” หยุนถิงพูดขึ้น

“ไม่เป็นไร ข้าเพียงแค่อยากเจอเจ้าเร็วๆ เห็นเจ้าไม่เป็นไร ข้าก็วางใจแล้ว”

หยุนถิงซาบซึ้งใจอย่างมาก ลุกขึ้นมายืนข้างกายจวินหย่วนโยว เอื้อมมือไปนวดจุดชีพจรทั้งสองข้างของเขา

แรงกำลังเหมาะสม ผ่อนคลายอย่างมาก

จวินหย่วนโยวเร่งเดินทางมาสิบกว่าวันนี้ ลำบากอย่างมากจริงๆ ถึงจะนอนไปแล้วสามวัน และก็ดื่มสารอาหารเหลว แต่ร่างกายก็ยังปวดเมื่อยอย่างมาก เหน็ดเหนื่อยอย่างที่สุด เพราะเขาก็ไม่เคยเร่งเดินทางขนาดนี้มาก่อน

สัมผัสได้ถึงปลายนิ้วอันอ่อนนุ่มของหยุนถิง จวินหย่วนโยวหลับตาทั้งคู่ มุมปากกระตุกขึ้นสูง

หยุนถิงช่วยนวดให้เขาอยู่อย่างสงบ ไม่ได้พูดอะไร ทั้งสองคนรู้ใจกันดี หัวใจทั้งสองดวงแนบชิดติดกัน

องครักษ์ลับกับองครักษ์เงามังกรที่หลบซ่อนอยู่ ล้วนต่างอิจฉา ต่างพากันหันหลังไป กลัวว่าตนเองจะเห็นจนตาบอด

คนที่รักกันจริงไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก ยิ่งไม่ต้องทำอะไรเลย ขอเพียงอีกฝ่ายอยู่เคียงข้างกายกัน ก็เพียงพอแล้ว

ไม่นาน จวินหย่วนโยวก็คว้าจับมือหยุนถิงไว้ ดึงนางมาข้างหน้า แล้วให้หยุนถิงมานั่งบนขาตนเอง

ใบหน้าหยุนถิงแดงขึ้นมาทันที พร้อมพูดขึ้นว่า “ซื่อจื่อ บนกำแพงยังมีคน อย่าทำแบบนี้”

“ข้าทำอะไร?” จวินหย่วนโยวแกล้งถามขึ้นมา ขยับใกล้ชิดคอหยุนถิง สูดดมกลิ่นหอมจางๆบนตัวนาง ทั้งคุ้นเคยและใกล้ชิด เพียงพอใจอย่างมาก

“ห้ามทำไปเรื่อย” หยุนถิงพูดห้าม

“ข้าไม่ได้ทำอะไรไปเรื่อย ข้าเพียงแค่อยากกอดเจ้า จากกันตั้งนาน ข้าคิดถึงเจ้า” จวินหย่วนโยวเอื้อมมือไปกอดหยุนถิงไว้ ไม่ได้ทำอะไรเลย เพียงกอดนางไว้อยู่อย่างเงียบๆ

หยุนถิงก็คิดถึงจวินหย่วนโยวมาก เอียงหัวซบแนบอกจวินหย่วนโยว ฟังเสียงหัวใจเต้นของเขาที่สม่ำเสมอ หัวใจหยุนถิงก็สงบลง

“ตอนนี้ข้ากลับมาแล้ว ให้หมอหลวงหลิวกลับไปเถอะ” จวินหย่วนโยวพูดขึ้นมา

“ดี”

แล้วคืนวันนั้น ซูหลินใช้ยาทำให้หมอหลวงหลิวตื่นขึ้นมา จากนั้นก็บอกเขาว่าหยุนถิงฟื้นขึ้นมาแล้ว หมอหลวงหลิวดีใจอย่างมาก รีบตรวจชีพจรให้กับหยุนถิง มั่นใจแล้วว่านางไม่เป็นไรอะไร คืนนั้นก็กลับเข้าวังไปกราบทูลรายงานแล้ว

ช่วงเวลานี้ หมอหลวงหลิวฟื้นตื่นขึ้นมาตอนช่วงเวลาที่มีความจำเป็นเท่านั้น ช่วงเวลาอื่นล้วนนอนหมดสติ ร่างกายปวดเมื่อยไปหมด ทุกข์ทรมานอย่างมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หมอหลวงหลิวยังสงสัยว่าร่างกายตนเองมีปัญหาอะไรหรือเปล่า

ฮ่องเต้รู้ว่าหยุนถิงฟื้นแล้ว กลับมาเป็นปกติแล้วก็ดีใจอยากมาก ดีมากเลยที่นางไม่เป็นอะไร

“ฝ่าบาท ผ่านไปไม่นานก็ถึงฤดูเก็บเกี่ยวพืชไร่แล้ว ถึงตอนนั้นให้คุณหนูหยุนมาร่วมงานด้วย การเก็บเกี่ยวพืชไร่ของพวกประชาชนถือเป็นการดี” ซูกงกงพูดเสนอขึ้นมา

ฮ่องเต้เห็นด้วยอยู่แล้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “ขอเสนอนี้ไม่เลว เจ้าไปแจ้งด้วยตนเอง”

“ขอรับ”

จวนซื่อจื่อ

จวินหย่วนโยวพักผ่อนอีกสองวัน ร่างกายหายดีขึ้นมากแล้ว ไม่นานวันครบรอบวันเกิดองค์หญิงใหญ่ก็มาถึง

เช้าวันรุ่งขึ้น หยุนถิงอยากตื่นขึ้นมาเช้าหน่อย แต่จวินหย่วนโยวกลับห้ามไว้ โดยอ้างว่าร่างกายของนางต้องการพักผ่อน ให้หยุนถิงนอนจนถึงเที่ยงค่อยลุกขึ้นมา

เมื่อทั้งสองคนมาถึงจวนองค์หญิง งานเลี้ยงตอนเที่ยงได้เริ่มขึ้นแล้ว

“จวินซื่อจื่อกับซื่อจื่อเฟยมีบารมีมากจริงๆ งานเลี้ยงครบรอบวันเกิดขององค์หญิงใหญ่เริ่มขึ้นแล้วค่อยมา” เสียงอันแข็งกร้าวพูดดังขึ้นมา ซึ่งก็คือฮูหยินกั๋วโก๋

ตอนที่นางยังไม่ได้แต่งงานก็เป็นเพื่อนสนิทขององค์หญิงใหญ่แล้ว แต่งงานกับเฉิงเซี่ยงฝ่ายซ้ายแคว้นเทียนจิ่วมานานหลายปี หาได้ยากที่ครั้งนี้มาทันงานครบรอบวันเกิดขององค์หญิงใหญ่ จึงมาหาตั้งแต่เช้า

หยุนถิงเหลือบมองดูผู้หญิงตรงหน้าที่อายุสามสิบกว่า สวมเสื้อผ้าหรูหรา หน้าตาธรรมดา รูปร่างอวบเล็กน้อย หว่างคิ้วเต็มไปด้วยความโอ้อวดไม่พอใจ ท่าทีเหมือนอยากจะกินนาง

ถึงตัวนางจะไม่อยู่แคว้นต้าเยียน แต่เรื่องระหว่างหยุนถิงกับจวินหย่วนโยว นางก็รู้มาไม่น้อย

ยิ่งไปกว่านั้นก่อนที่จะมาในครั้งนี้ องค์หญิงใหญ่ของแคว้นเทียนจิ่วมีรับสั่งลับให้กับนาง เวลานี้เห็นหยุนถิงงดงามมีเสน่ห์ขนาดนี้ ยังเป็นที่รักใคร่ของจวินหย่วนโยว ฮูหยินกั๋วโก๋จึงอิจฉาริษยา

“ข้ากับซื่อจื่อเฟยอยากมาเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น คนอื่นไม่ต้องมากำหนด” จวินหย่วนโยวปกป้องภรรยาอย่างเผด็จการ

สีหน้าฮูหยินกั๋วโก๋ดำมืดลงทันที พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าย่ำแย่ว่า “จวินซื่อจื่อ ท่านไม่เห็นองค์หญิงใหญ่อยู่ในสายตาเช่นนี้ ยังพูดจาไม่ให้เกียรติ นึกว่าองค์หญิงใหญ่รังแกได้ง่ายๆหรือ?”

“ล้วนเป็นคนกันเอง พูดอะไรรังแกไม่รังแก หยุนถิงเพิ่งหายจากการป่วยหนัก นอนนานหน่อยก็เป็นเรื่องปกติ เสด็จพี่ยังส่งหมอหลวงหลิวไปช่วยรักษาหยุนถิงที่จวนซื่อจื่อแล้ว” องค์ชายสี่โม่ฉือชิงช่วยพูดขึ้นมา

“เมื่อไม่นานหยุนถิงเพิ่งถูกคนทำร้ายบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้ร่างกายยังไม่หายเป็นปกติก็มาร่วมงานเลี้ยงครบรอบวันเกิดขององค์หญิงใหญ่ เห็นได้ชัดว่าเคารพให้เกียรติองค์หญิงใหญ่ขนาดไหน ขอองค์หญิงใหญ่อย่าได้ถือสา” ซูชิงโยวพูดขึ้นมา

มีเขาสองคนพูดขึ้นมา คนอื่นๆที่สนิทกับหยุนถิง ต่างก็ช่วยพูดให้กับหยุนถิง จนฮูหยินกั๋วโก๋ยิ่งโกรธโมโหจัด

“คิดไม่ถึงว่า คุณหนูหยุนจะซื้อใจคนได้เก่งขนาดนี้ คนไม่รู้ยังจะคิดว่าเมืองหลวงนี้ล้วนเป็นของเจ้าแล้วมั้ง”

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท