จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 479 ห้ามมองผู้ชายคนอื่นแบบนี้

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 479 ห้ามมองผู้ชายคนอื่นแบบนี้

“องค์หญิงใหญ่เป็นลูกสาวคนแรกของฮ่องเต้องค์ก่อน สถานะสูงศักดิ์อย่างมาก เป็นที่รักใคร่ของฮ่องเต้องค์ก่อน ดังนั้นฮ่องเต้องค์ก่อนได้ประทานตราอำนาจสั่งการทหารให้องค์หญิงใหญ่

แคว้นต้าเยียนมีกองกำลังทหารกลุ่มหนึ่งอยู่ที่หนานเจียง ฮ่องเต้องค์ก่อนเก็บไว้สั่งการในหนานเจียง และหนานเจียงเป็นประตูใหญ่ทางทิศใต้ของแคว้นต้าเยียน

แคว้นเทียนจิ่วอยู่ทางใต้ของแคว้นต้าเยียน หากอยากโจมตีแคว้นต้าเยียน ต้องทำลายหนานเจียงก่อน และกองกำลังนั้นก็คือกองกำลังที่น่าเกรงขามที่สุด” จวินหย่วนโยวพูดอธิบาย

หยุนถิงค่อยพูดขึ้นมาว่า “ถึงว่าองค์หญิงใหญ่เลี้ยงชายรูปงามไว้มากมายขนาดนี้ ฮ่องเต้ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง เป้าหมายฮูหยินกั๋วโก๋คนนั้นคงเป็นตราอำนาจสั่งการทหารแล้วแหละ”

จวินหย่วนโยวผงกหัวอย่างเห็นด้วย พร้อมพูดขึ้นว่า “ถึงแม้องค์หญิงใหญ่จะเลี้ยงดูชายหนุ่มมากมายอย่างเหลวไหล แต่ไม่ใช่คนไม่มีหัวสมอง สามารถอาศัยอยู่ในเมืองหลวงมาเป็นเวลานานหลายปี ยังสามารถทำให้ฮ่องเต้วางใจไม่หวาดระแวง แสดงว่ามีแผนอุบาย”

“แบบนี้ พวกเรารอดูเรื่องสนุกเถอะ” หยุนถิงพูดขึ้นมา

“ดี”

โม่เหลิ่งเหยียนที่อยู่ด้านข้างก็ไม่พูดขึ้นว่าอะไร เพียงสายตาที่หันไปมองหยุนถิงเต็มไปด้วยความชื่นชม

คิดไม่ถึงว่านางจะละเอียดอ่อนขนาดนี้ หากไม่ใช่เพราะนางพบความผิดปกติ เกรงว่าตนเองก็คงคิดไม่ถึงเป้าหมายของฮูหยินกั๋วโก๋

ทางนี้ หลังจากฮูหยินกั๋วโก๋ถูกคนพาตัวไป ก็ถูกพามายังห้องรับแขก

“เจ้าว่าเราต้องไปตามหมอมาไหม ฮูหยินกั๋วโก๋ถูกวินซื่อจื่อกับซวนอ๋องตบกระเด็น แลดูบาดเจ็บไม่น้อย?” สาวใช้คนหนึ่งถามขึ้นมา

“องค์หญิงใหญ่พูดเพียงว่าพาตัวนางไป ไม่ได้สั่งให้ไปตามหมอ ยิ่งไปกว่านั้น นางพยายามหาเรื่องจวินซื่อจื่อในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดองค์หญิงใหญ่หลายครั้ง หากนางหวังดีต่อองค์หญิงจริงๆ จะสร้างความลำบากใจให้องค์หญิงทำไม” สาวใช้คนหนึ่งพูดขึ้นมา

“พูดไม่ผิด ฮูหยินกั๋วโก๋คนนี้หาเรื่องจริงๆ เราไปกันเถอะ ไม่ต้องสนใจนาง”

“ดี”

สาวใช้สองคนจากไปแล้ว จู่ๆฮูหยินกั๋วโก๋ที่เดิมนอนหมดสติอยู่บนเตียงก็ลืมตาขึ้นมา สีหน้าขาวซีดเยือกเย็นเหมือนดั่งน้ำแข็ง แววตาฉายแววเฉียบคม

เมื่อกี้สาวใช้สองคนนั้นพูดคุยกัน นางได้ยินชัดเจน ฮูหยินกั๋วโก๋แสดงสีหน้าไม่พอใจ รีบลุกขึ้นมาจากเตียง ไม่ได้เดินไปทางหน้าประตู แต่ปืนกำแพงออกไปทางหน้าต่าง

หลงเอ้อกับหมิงจิ่วซางที่คอยจับตามองอยู่ข้างนอกเห็นนางออกมา ก็รีบตามไป

ฮูหยินกั๋วโก๋ไม่รู้ตัวเลย เมื่อก่อนนางเคยมายังจวนองค์หญิงหลายครั้ง มุ่งหน้าตรงไปยังห้องหนังสือของจวนองค์หญิงอย่างชำนาญทาง

ก่อนที่นางจะมา องค์หญิงใหญ่แคว้นเทียนจิ่วมีคำสั่งลับให้กับนาง ให้นางต้องเอาตราอำนาจสั่งการทหารมาให้ได้ แบบนี้แคว้นเทียนจิ่วก็จะสามารถโจมตีต้าเยียนได้สะดวก

ดังนั้นครั้งนี้ นางจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด

แต่ห้องหนังสือใหญ่มาก ฮูหยินกั๋วโก๋ค้นหาอยู่อย่างระมัดระวัง ไม่กล้าส่งเสียงดังสักนิด

บนหลังคาห้องหนังสือ หลงเอ้อกับหมิงจิ่วซางมองดูอยู่อย่างเยือกเย็น ทั้งสองคนส่งสัญญาณมือให้กัน หลงเอ้อรีบกระโดดลอยจากไป

ทางนี้ หยุนถิงกำลังออกมาสูดอากาศหายใจ หลงเอ้อรีบมารายงานให้หยุนถิงฟัง ฮูหยินกั๋วโก๋ไม่ธรรมดาจริงๆ

“ซื่อจื่อเฟย เราจะทำอย่างไรดี?” หลงเอ้อถามขึ้นมา

“รอดูสถานการณ์ไปก่อน อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น” หยุนถิงพูดตอบ

“ขอรับ”

หยุนถิงกำลังพูดอยู่ ก็มองเห็นชายหนุ่มรูปหล่อในชุดขาวยืนอยู่ริมสระน้ำไม่ไกลออก เหมือนกำลังจะกระโดดน้ำตาย

“คุณหนู คนคนนั้นคงไม่ได้คิดที่จะฆ่าตัวตายมั้ง?” เยว่เอ๋อร์พูดขึ้นมาอย่างตกตะลึง

หยุนถิงมองดูคุณชายคนนั้นแวบหนึ่ง ตาคิ้วได้รูป หน้าตาคล้ายผู้หญิง แฝงไปด้วยความอ่อนช้อย งดงามยิ่งนัก แต่สีหน้าค่อนข้างขาวซีด

คนนั้นดูเหมือนจะกระโดดลงไปหลายรอบ แต่เมื่อเท้าก้าวไปถึงริมสระก็ลังเล ถอยกลับออกมา เหมือนทำใจไม่ได้

“ทำไมเจ้าจะต้องคิดสั้น?” หยุนถิงถามขึ้นมา

คนคนนั้นเห็นหยุนถิง ก็ตกใจอย่างมาก ฝีเท้ายืนไม่มั่นคง คนก็ล้มตกลงไปในสระน้ำ

“ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย”

หยุนถิงรีบลงมือ คว้าดึงตัวนางไว้ ย้อนกลับไปทางเดิม โยนลงไปด้านข้าง

อาเหรินตกใจตบหน้าอก พร้อมพูดขึ้นว่า “ถวายบังคมคุณหนูหยุน ขอบคุณที่คุณหนูหยุนช่วยชีวิตไว้ ข้านึกว่าตนเองเกือบตามไปแล้ว”

“เจ้าเป็นผู้ชาย ทำไมถึงคิดสั้น?”

“เฮ้อ ข้าเคยเป็นคนโปรดขององค์หญิงใหญ่ ตอนนี้ข้างกายองค์หญิงใหญ่เต็มไปด้วยชายรูปงาม ยิ้มแย้มกับคนใหม่ ปล่อยให้คนเก่าร้องไห้ ข้าจึงกลายเป็นเช่นนี้ แต่ข้าก็ไม่พอใจ ทำไมพวกเขากลายเป็นที่รัก ส่วนข้าต้องมาฆ่าตัวตาย ดังนั้นข้า….” อาเหรินถอนหายใจอย่างไม่พอใจ

“เจ้าเป็นผู้ชายทำอะไรอย่างอื่นไม่เป็นหรือ? ทำไมจะต้องมาเป็นสนมชาย?” ซูหลินพูดขึ้นสีหน้าเย็นชา

นางเกลียดคนที่ได้อะไรมาโดยเปล่าประโยชน์ โดยเฉพาะผู้ชาย

อาเหรินหัวเราะเย้ย พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้ากำพร้าพ่อแม่มาตั้งแต่เด็ก ติดตามคณะกายกรรมไปทุกหนทุกแห่งเพื่อหาเลี้ยงชีพ องค์หญิงใหญ่เป็นคนซื้อข้ากลับมา ไปจากที่นี่แล้วข้าไม่รู้จะไปที่ไหน ทำอะไรได้บ้าง”

“หากข้าให้โอกาสเจ้าได้มีชีวิตใหม่ล่ะ” หยุนถิงถามกลับ

อาเหรินหัวเราะอย่างขมขื่น พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าทำทุกวิถีทางก็ไม่สามารถอยู่ในสายตาขององค์หญิงใหญ่ได้ คุณหนูหยุนไม่ล้อเล่นแล้ว”

“ข้าไม่ได้ล้อเล่น ในเมื่อเจ้าไม่พอใจ ทำไมไม่ลองสักครั้ง” หยุนถิงพูดขึ้นมาอย่างเรียบเฉย

อาเหรินตกตะลึงอย่างไม่อยากเชื่อ พร้อมพูดขึ้นมาว่า “ขอบคุณคุณหนูหยุนที่ช่วยข้า หากสามารถทำสำเร็จ อาเหรินจะซาบซึ้งไปตลอดชีวิต”

หยุนถิงมองดูเงาหลังเขาเดินจากไป มุมปากกระตุกอมยิ้มขึ้นมา

“ห้ามมองผู้ชายคนอื่นแบบนี้” น้ำเสียงจวินหย่วนโยวดังขึ้นมาอย่างเย็นชา

เขาเพียงแค่ไปห้องน้ำแปบเดียว กลับมาก็เห็นหยุนถิง จับจ้องมองสนมชายคนหนึ่งอย่างอ่อนโยน จะให้จวินหย่วนโยวรับได้อย่างไร

หยุนถิงหันไปสบกับสายตาดำทมิฬคู่นั้นของจวินหย่วนโยว ดวงตาเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ได้ ซื่อจื่อเรากลับไปดูละครกัน”

“นี่ค่อยยังชั่วหน่อย” จวินหย่วนโยวยื่นมือลูบหัวหยุนถิง บ่งบอกว่าพอใจ

รอเมื่อพวกเขาสองคนกลับมาถึงงานเลี้ยง ก็เห็นอาเหรินที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดพุ่งมาในงานเลี้ยง พร้อมพูดขึ้นว่า “องค์หญิงใหญ่ แย่แล้ว มีคนแอบเข้าไปในห้องหนังสือของท่าน” พูดเสร็จ ก็เป็นลมหมดสติไป

องค์หญิงใหญ่ที่นั่งตรงตำแหน่งหลัก สีหน้าหนักใจขึ้นมาทันที ในห้องหนังสือเป็นสถานที่ที่นางเก็บตราอำนาจสั่งการทหาร พร้อมพูดขึ้นว่า “ทุกคนสนุกกันต่อ ข้าไปแปบเดียวก็กลับ”

มองเห็นท่าทีองค์หญิงใหญ่กระวนกระวาย ฝีเท้าเร่งรีบ ทุกคนต่างก็งุนงง พร้อมต่างพูดคุยกันขึ้นมา

“หยุนถิง เราตามไปดูไหม ดูจากท่าทีขององค์หญิงใหญ่ คงไม่เกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นมั้ง?” โม่ฉือชิงพูดเสนอขึ้นมา

หยุนถิงมองเมินใส่เขา พร้อมพูดขึ้นว่า “องค์หญิงใหญ่เพิ่งพูดว่าให้พวกเราสนุกกันต่อ หากพวกเราจากไป หากเกิดอะไรขึ้นจริงๆ จะต้องถูกสงสัยแน่ ดังนั้นนั่งรออยู่อย่างใจเย็นก็พอ”

“พูดมาก็ถูก แต่ว่าข้าแปลกใจ”

“ความแปลกใจสามารถทำให้แมวตายได้” หยุนถิงพูดขึ้นมาด้วยเสียงเย็นชา

โม่ฉือชิงค่อยตายใจ ดื่มเหล้าต่อไป

คนอื่นก็ต่างกระวนกระวาย จู่ๆก็มีคนเนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดโผล่มา แสดงว่าต้องเกิดเรื่องใหญ่ พวกจวินซื่อจื่อต่างไม่ได้ไปไหน พวกเขายิ่งไปไหนไม่ได้ ต่างพูดคุยกันว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ทางนี้องค์หญิงใหญ่ เดินไปด้วยสั่งองครักษ์กับองครักษ์ลับทั้งหมดล้วนไปตรวจดูในห้องหนังสือ หากตราอำนาจสั่งการทหารหายไปแล้วจริงๆ ผลที่จะตามมานั้นไม่อาจคาดคิด

รอเมื่อองค์หญิงใหญ่มาถึงห้องหนังสือ เปิดกล่องผ้าที่อยู่ด้านหลังช่องที่ซ่อนอยู่ กลับพบว่าตราอำนาจสั่งการทหารข้างในไม่เห็นแล้ว

สีหน้าองค์หญิงใหญ่ขาวซีด จากนั้นก็โกรธโมโหจัด พร้อมพูดขึ้นมาว่า “เจ้าโจรชั่วร้าย กล้ามาขโมยของของข้า ปิดล้อมจวนองค์หญิงไว้ ห้ามใครออกไปไหน หากใครกล้าขัดขืน ก็ให้จัดการได้ทันที”

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท