จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 480 ข้าพนันว่าซื่อจื่อของข้าฉันชนะ

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 480 ข้าพนันว่าซื่อจื่อของข้าฉันชนะ

“ขอรับ” องครักษ์กับองครักษ์ลับจวนองค์หญิงปิดล้อมจวนองค์หญิงไว้

ผู้คนมากมายที่มาร่วมฉลองงานเลี้ยงวันเกิด จู่ๆก็เห็นองครักษ์มามากมาย ปิดล้อมพวกเขาไว้ คราวนี้ทุกคนยิ่งกระวนกระวาย ตกใจแทบตาย

องค์หญิงใหญ่พาเหล่าองครักษ์เดินมาด้วยสีหน้าเยือกเย็น สายตาเฉียบคมกวาดมองทุกคนที่มาร่วมงาน

“องค์หญิงใหญ่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก?” หยินโหวผิงปั๋วถามขึ้นมาอย่างเป็นห่วง

“วันนี้มีโจรเข้ามาในจวนองค์หญิง สิ่งของล้ำค่าที่สุดของข้าหายไป ขอทุกท่านให้ความร่วมมือในการตรวจค้น” องค์หญิงใหญ่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง ไม่สามารถที่จะโต้เถียงอะไรได้

“ของในวนองค์หญิงใหญ่หายไป ยังไงก็ต้องตรวจค้น แต่พวกเราล้วนนั่งอยู่ที่นี่ตลอด คิดอยากขโมยภายใต้สายตาองค์หญิงใหญ่ก็ไม่มีโอกาส โจรคนนี้สามารถขโมยในจวนองค์หญิงใหญ่ไปได้ โดยที่องค์หญิงใหญ่ไม่รู้ตัว แสดงว่ารู้จักจวนองค์หญิงเป็นอย่างดี

องค์หญิงใหญ่ลองคิดดูว่าใครไม่อยู่ที่นี่ ยังไงคนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ ไม่แน่ว่าคนบางคน ตั้งใจหาเรื่องแกล้งหมดสติ จากนั้นก็หลบหนีจากสายตาองค์หญิงใหญ่แล้วลงมือล่ะ” หยุนถิงพูดขึ้นมาอย่างเรียบเฉย

องค์หญิงใหญ่ขมวดคิ้วย่น สายตากลายเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาทันที คำพูดของหยุนถิงเห็นได้ชัดว่ากำลังพูดถึงฮูหยินกั๋วโก๋

เมื่อกี้องค์หญิงใหญ่ก็สงสัย แต่นางไม่อยากเชื่อ ฮูหยินกั๋วโก๋รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก สามารถพูดได้ว่าเติบโตมาด้วยกัน เป็นเพื่อนสนิทกัน นางทำแบบนี้ได้อย่างไร

แต่เกี่ยวข้องกับตราอำนาจสั่งการทหาร องค์หญิงใหญ่จะเห็นแก่เรื่องส่วนตัวไม่ได้ พร้อมพูดขึ้นว่า “ทหาร รีบไปพาตัวฮูหยินกั๋วโก๋ออกมาจากห้องพักแขก”

“ขอรับ” องครักษ์สองคนรีบไปทำตาม

คนอื่นกระซิบกระซาบกันขึ้นมา ต่างเห็นด้วยกับคำพูดของหยุนถิง เพราะพวกเขาต่างก็อยู่ในงานเลี้ยงไม่ได้จากไปไหน

“ฮูหยินกั๋วโก๋คนนี้ คงไม่ได้ขโมยของจริงๆมั้ง?” มีคนหนึ่งพูดขึ้นมา

“คำพูดแบบนี้ห้ามพูดไปเรื่อย นางบอกว่าสนิทกับองค์หญิงใหญ่ไม่ใช่หรือ ทำไมจะต้องขโมยสิ่งขององค์หญิงใหญ่ มีไม่เท่ากับเป็นการตบหน้าตัวเองหรือ?”

“เกรงว่าสิ่งของที่หายคงไม่ใช่สิ่งของธรรมดา”

“คำกล่าวที่ว่าป้องกันไฟ ป้องกันขโมย ป้องกันเพื่อนสนิท ความหมายก็เป็นเช่นนี้ ต่อไปต้องระวังนะ ต่อให้สนิทกันแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ ตรงหน้าผลประโยชน์ญาติสนิทมิตรสหายล้วนกลายเป็นศัตรูกัน”

ฟังเสียงผู้คนกระซิบพูดคุยกัน สีหน้าองค์หญิงใหญ่เยือกเย็นลงอย่างมาก มือในแขนเสื้อกำหมัดแน่น

หากเป็นฮูหยินกั๋วโก๋จริงๆ องค์หญิงใหญ่ไม่มีทางปล่อยนางไปแน่ หลอกใช้ตนเองด้วยจิตใจโฉดชั่วเสมือนหมาป่า น่ารังเกียจ

ไม่นาน องครักษ์คนหนึ่งรีบมารายงานว่า “เรียนองค์หญิงใหญ่ ฮูหยินกั๋วโก๋ไม่ได้อยู่ในห้องรับแขก ข้าน้อยได้สามคนไปตามหาแล้ว พร้อมรีบมารายงานเสียก่อน”

คำพูดประโยคนี้ ยิ่งบ่งบอกว่าฮูหยินกั๋วโก๋เป็นผู้ต้องสงสัย

“แย่ที่สุด” องค์หญิงใหญ่โกรธโมโหจนพลิกโต๊ะตรงหน้าคว่ำลง พร้อมพูดขึ้นว่า “ทหาร รีบตรวจค้นทั่วทั้งจวนองค์หญิง ต่อให้ต้องขุดดินลึกถึงสามฟุตก็ต้องตามหานางให้เจอ หากนางกล้าขัดขืน ก็ให้ข้าได้ทันที”

“ขอรับ” องครักษ์รีบไปทำตามคำสั่ง

“หากองค์หญิงใหญ่ไม่รังเกียจ องครักษ์ของซื่อจื่อข้าสามารถช่วยได้” หยุนถิงพูดเสนอขึ้นมา

องค์หญิงใหญ่เหลือบมองดูจวินหย่วนโยว ความสามารถขององครักษ์ของเขานั้น ถือเป็นยอดฝีมือ จึงพูดขึ้นว่า “เช่นนี้ งั้นก็ต้องรบกวนจวินซื่อจื่อแล้ว”

“องค์หญิงใหญ่ไม่ต้องเกรงใจ” จวินหย่วนโยวรีบสั่งให้หลิงเฟิงกับรั่วจิ่งไปช่วย

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าก็ไปช่วยด้วย จวินหย่วนโยวเรามาพนันกัน ดูซิว่าใครสามารถตามหาฮูหยินกั๋วโก๋เจอก่อน?” โม่เหลิ่งเหยียนพูดเสนอขึ้นมา

ยังไม่ทันรอให้จวินหย่วนโยวออกความคิดเห็น โม่ฉือชิงก็พูดขึ้นมาว่า “ข้อเสนอนี้ดี ข้าเป็นเจ้ามือ ทุกคนสามารถวางพนันว่า ใครจะแพ้ชนะ”

เมื่อพูดออกมาเช่นนี้ สีหน้าองค์หญิงใหญ่ยิ่งย่ำแย่กว่าเดิม คนพวกนี้รู้ไหมว่าตนเองกระวนกระวายแค่ไหน ยังกล้าวางพนันกัน ช่างคิดกันขึ้นมาได้

“ไม่เลว ข้าพนันซื่อจื่อของข้า” หยุนถิงนำก่อน

“งั้นข้าพนันซวนอ๋องชนะหนึ่งฟันตำลึง” ซูชิงโยวพูดตามขึ้นมา

คนอื่นๆเห็นแล้ว ไม่ง่ายที่คนพวกนี้จะวางพนัน ยังไงพวกเขาก็ว่างไม่มีอะไรทำ เข้าร่วมด้วยดีกว่า รออยู่อย่างนี้ก็น่าเบื่อ ในเมื่อรู้เป้าหมายแล้ว ทุกคนต่างก็ค่อยวางใจลง

“งั้นพนันซวนอ๋อง หนึ่งร้อยกำลึง”

“ข้าก็เหมือนกัน”

ทุกคนต่างวางพนัน ตั๋วเงิน สัญญาเงินกู้ เครื่องประดับ…..โต๊ะใหญ่สองโต๊ะล้วนถูกวางเต็มไปหมด

“โม่ฉือชิงเจ้าอย่างคิดโกง ข้าพนันทั้งสองฝั่ง” หยุนถิงพูดขึ้นมา

ม่ฉือชิงยิ้มหัวเราะอย่างเก้อเขิน พร้อมพูดขึ้นว่า “นังหนูคนนี้ เจ้าพูดมากจริงๆ เดิมข้าคิดเช่นนี้จริง แต่ข้าเกลียดจวินหย่วนโยวที่สุด เกลียดท่าทีสำคัญตนเองนั้น ข้าพนันซวนอ๋องชนะ”

โม่เหลิ่งเหยียนกระตุกมุมปากอมยิ้ม พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่เลว สายตาดี”

“ใครแพ้ชนะยังไม่รู้เลย” จวินหย่วนโยวพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา

องค์หญิงใหญ่ที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งหลัก พูดขึ้นมาว่า “ไม่ว่าจะเป็นใคร ขอเพียงสามารถช่วยข้าตามหาของเจอ ข้าให้รางวัลเป็นทองหมื่นตำลึง”

ได้ยินแบบนี้ ทุกคนต่างตกตะลึง

“องค์หญิง พวกเราไปตามหาด้วยได้ไหม?” หยุนถิงพูดเสนอขึ้นมา

“ได้ งั้นทุกคนไปด้วยกันเถอะ” องค์หญิงใหญ่ตอบตกลง

ทุกคนต่างร่วมด้วยช่วยกัน พากันแยกย้่ยตามหา

ในเมื่อคนพวกนี้ล้วนอยู่ที่นี่ ก็สืบไม่เจออะไร จึงทำให้เรื่องวุ่นวายดีกว่า ยังไงจวนองค์หญิงล้วนเป็นองครักษ์ลับกับองครักษ์ หากมีคนคิดอยากฉวยโอกาสหลบหนีไปตอนวุ่นวาย ถือเป็นการกระทำพิรุธ

จวนองค์หญิงใหญ่ที่กว้างใหญ่ ครึกครื้นขึ้นมาทันที ทุกคนตามหารอบๆ ค้นหาดู ทุกคนหลับมา

หยุนถิงก็เป็นหนึ่งในนั้น เดินเล่นไปทั่ว

จวินหย่วนโยวเดินตามอยู่ด้านข้าง พร้อมพูดขึ้นมาว่า “ไปพักผ่อนก่อนไหม ยังไงก็มีพวกหลงเอ้ออยู่”

“เอาแต่นั่งก็เมื่อย พอดีที่สามารถออกมาเดินเล่นได้” หยุนถิงพูดตอบ

“ได้ ข้าอยู่เป็นเพื่อนเจ้า”

โม่เหลิ่งเหยียนก็เดินเข้ามา แล้วผงกหัวให้กับหยุนถิง

“ทำไมที่ไหนก็มีเจ้า?” จวินหย่วนโยวพูดขึ้นมา

“ที่นี่เป็นจวนองค์หญิงใหญ่ ข้าเองก็กำลังตามสืบหา ใครกำหนดว่าเจ้ามาได้คนเดียว?” โม่เหลิ่งเหยียนถามกลับ

“พวกเจ้าสองคนพอได้แล้ว ตามหลักแล้วมีความเคลื่อนไหวกันใหญ่โตขนาดนี้ ต่อให้ฮูหยินกั๋วโก๋มีฝีมือบ้าง ก็ไม่น่าหลบซ่อนได้นานขนาดนี้ นอกเสียจากนางซ่อนตัวอยู่ในสถานที่ลึกลับที่สุด และสถานที่ที่ง่ายต่อการมองข้าม”

“มีหลงเอ้อติดตามไป ไม่รีบ” จวินหย่วนโยวพูดปลอบ

“จะว่าไปก็ถูก ซื่อจื่อ เราไปในครัวจวนองค์หญิงกันเถอะ ขนมเปี๊ยะเมื่อกี้นั่นอร่อยมาก ข้ายังอยากกินอีก”

“ได้”

โม่เหลิ่งเหยียนเห็นพวกเขาไป ก็ตามไปด้วย

ภายในห้องครัวกว้างขวาง มีแม่ครัวคนหนึ่งสวมชุดผ้ากระสอบ ใบหน้าปนเปื้อน เมื่อเห็นพวกเขามา สีหน้าค่อนข้างตกตะลึง พร้อมรีบทำความเคารพ

“เจ้าทำงานของเจ้าไป” ข้ามาดูว่าขนมเปี๊ยะยังมีไหม?” หยุนถิงถามขึ้นมา

“ข้าจะหาให้ท่านเดี๋ยวนี้” สตรีคนนั้นพูดขึ้น พร้อมรีบหันไปดูรอบๆ

หยุนถิงหันไปมองเห็นจานด้านข้างนั้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ แต่สตรีคนนั้นกลับมองข้าม หันไปหาบนชั้นวาง

“อันนั้นไม่ใช่หรือ?” หยุนถิงพูดขึ้นมา

สตรีคนนั้นรีบหันมามอง ยกมาให้ พร้อมพูดขึ้นว่า “ขออภัยคุณหนูหยุน ข้ายุ่งจนลืม ขอคุณหนูหยุนประทานอภัย” พูดเสร็จก็ยกจานขนมเปี๊ยะมาให้

“ไม่เป็นไร” หยุนถิงยื่นมือจะไปรับมา เมื่อมองเห็นมือที่ถือจาน สีหน้าเยือกเย็น พร้อมคว้าจับแขนสตรีคนนั้นไว้

“ฮูหยินกั๋วโก๋ เจ้าช่างตามตัวหายากจริงๆ”

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท