จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 485 ข้าอยากอยู่เป็นเพื่อนท่าน ตลอดชีวิต
“อ้า เจ็บจะตายอยู่แล้ว หัวเข่าข้า เจ้าชั่วจวินหย่วนโยว ข้าจะไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่ ขาของข้า ข้าผิดไปแล้ว ข้าสำนึกผิดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นข้อเสนออะไร ข้าก็ตอบตกลงทุกอย่าง ขอร้องได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะ……” คำพูดของเซียจิ่วเซียวยังพูดไม่ทันจบ ก็เจ็บปวดจนสลบไปเลย
“ความกล้าแค่นี้ ยังกล้ามายื่นข้อเสนอกับซื่อจื่ออย่างข้าอีก!” จวินหย่วนโยวพูดขึ้นมาอย่างดูถูก
“ซื่อจื่อ จะจัดการเขายังไงขอรับ?” รั่วจิ่งถามขึ้นมา
“ตีขาอีกข้างของเขาให้หัก จากนั้นก็เอาตัวไปโยนทิ้งไว้ที่หน้าประตูพระราชวัง!” จวินหย่วนโยวพูดเสียงเย็นออกมาประโยคหนึ่ง
“ขอรับ!”
พอออกมาจากคุกใต้ดิน จวินหย่วนโยวเงยหน้ามาก็เห็นหยุนถิงยืนอยู่ตรงหน้าประตูเลย
ตอนนี้เป็นเวลาช่วงบ่าย แสงแดดที่อบอุ่นส่องลงมาที่ตัวนาง นางยืนหันหลังให้กับแสงแดด แสงแดดด้านหลังเสริมทำให้นางดูอ่อนโยน และดูสนิทชิดเชื้อมาก
ใบหน้ายิ้มแย้มของนางยังคงมองมาที่ตัวเอง แล้วยิ้มเบ่งบานขึ้นมา ทำให้ใจที่เย็นเฉียบดวงนั้นของจวินหย่วนโยวอบอุ่นขึ้นมาเลย
เขาเดินก้าวยาว ๆ เข้ามา แล้วยื่นมือมารวบตัวหยุนถิงเข้าไปอยู่ในอก
“ทำไมไม่พักผ่อนอยู่ในห้องล่ะ?”
“ข้าอยากอยู่เป็นเพื่อนท่าน ทุกเวลาทุกวินาที ต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าก็จะอยู่เป็นเพื่อนท่าน!” หยุนถิงพูดขึ้นมาจากใจ
จวินหย่วนโยวรู้สึกซาบซึ้งมาก ก้มหน้าลงมาจูบเรียวปากหยุนถิงไว้
เขาช่างโชคดีจริง ๆ ชีวิตนี้สามารถมีภรรยาแบบหยุนถิงได้ ถือว่าเป็นเรื่องที่โชคดีที่สุดของเขาแล้ว
หยุนถิงสัมผัสถึงความอ่อนโยนของซื่อจื่อ มุมปากก็คลี่ยิ้มขึ้นมา
นางรู้ ถึงปากของซื่อจื่อจะพูดว่าไม่เป็นไร แต่จริง ๆ แล้วในใจต้องรู้สึกเจ็บปวดแน่นอน ดังนั้นนางจึงอยากอยู่เป็นเพื่อนเขา อยากเผชิญหน้ากับทุกอย่างพร้อมเขา อยู่เป็นเพื่อนเขาตลอดชีวิต
แสงแดดช่วงบ่าย สาดส่องมาที่ตัวทั้งสองคน ช่างอบอุ่นและสวยงามขนาดนั้น
อยู่ ๆ องครักษ์นายหนึ่งก็พาซูชิงโยวเข้ามา พอเห็นซื่อจื่อกับพระชายาซื่อจื่อใกล้ชิดกันเช่นนี้ แน่นอนว่าองครักษ์ก็ไม่กล้าเข้าไปรบกวน
ซูชิงโยวเองก็มีสีหน้าเขรอะเขิน แล้วรีบเบือนหน้าหนีไป
หยุนถิง จวินหย่วนโยว “ชิงโยว?”
ซูชิงโยวมีใบหน้าแดงระเรื่อขึ้นมา “หยุนถิงครั้งนี้เจ้าต้องช่วยข้านะ ฮูหยินหลี่พาคนมาสู่ขอข้าแล้ว แต่ว่าข้าไม่อยากแต่งงานกับคุณชายหลี่ เจ้าช่วยคิดหาวิธีไปถอนหมั้นในครั้งนี้ให้ข้าหน่อยได้ไหม?”
หยุนถิงขมวดคิ้วขึ้นมา “ฮูหยินหลี่คนไหนหรือ?”
“ก็ฮูหยินของซ่างซูของกรมข้าราชการพลเรือนไง นางบอกว่าเป็นข้าเต้นรำในงานเลี้ยงวันเกิดขององค์หญิงใหญ่ แล้วรู้สึกพอใจในตัวข้ามา ก็เลยส่งคนมาสู่ขอข้าที่บ้าน” ซูชิงโยวตอบกลับไป
“ก็ให้พ่อเจ้าปฏิเสธไปตรง ๆ เลยซิ?” หยุนถิงพูดขึ้นมา
ซูโหวเย่ตามใจซูชิงโยวมาตลอด ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นงานแต่งของนางด้วย ถ้าพูดตามหลักแล้วก็ไม่น่าจะบีบบังคับลูกสาวตัวเองนี่
“อย่าไปพูดถึงเลย พ่อข้ากับหลี่ซ่างซูเป็นเพื่อนเก่ากันก่อน ตอนข้ายังเด็ก เขากับหลี่ซ่างซูดื่มเหล้าหนักเกินไป จึงพูดจาล้อเล่นแล้วบอกว่าจะให้ข้ากับคุณชายหลี่หมั้นหมายกันตั้งแต่เด็ก ตอนนั้นพ่อข้าแค่ถือเป็นเรื่องสนุก แต่ตอนนี้ตระกูลหลี่มาสู่ขอแล้ว แถมยังตั้งใจเอ่ยถึงเรื่องหมั้นหมายกันตอนเด็กในตอนนั้นด้วย พ่อข้าจึงบอกปัดได้ยาก ก็เลยให้ข้ามาคิดหาวิธีเอง” ซูชิงโยวถอนหายใจออกมาทีหนึ่ง
หยุนถิงถึงจะเข้าใจขึ้นมา “ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง งั้นเรื่องมอบให้เป็นหน้าที่ข้าเถอะ”
“หยุนถิงขอบใจเจ้ามากนะ” ซูชิงโยวรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก
“แล้วเรื่องเจ้ากับพี่ใหญ่ไปถึงไหนกันแล้ว?” อยู่ ๆ หยุนถิงก็ถามขึ้นมา
ใบหน้าซูชิงโยวยิ่งแดงเข้าไปใหญ่ “ทำไมต้องเอ่ยถึงแม่ทัพหยุนด้วย คราวที่แล้วข้าไปที่กองทัพกับเจ้า แล้วได้เห็นหน้าเขาครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย”
ที่จริงนางก็ไม่แน่ใจว่าหยุนไห่เทียนชอบตัวเองหรือเปล่า ดังนั้นก็เลยถ่วงเวลายาวแบบนี้มาตลอด
“พี่ใหญ่คนนี้ของข้านี่เป็นท่อนไม้ท่อนหนึ่งจริง ในสายตามีแต่กองทัพ อีกไม่กี่วันจะเป็นฤดูเก็บเกี่ยวพืชไร่แล้ว ถึงตอนนั้นเจ้าไปกับข้า เดี๋ยวข้าจะหาโอกาสสอบถามความในใจพี่ชายข้าสักหน่อย” หยุนถิงพูดขึ้นมา
พี่ชายตัวเองดีหมดทุกอย่าง มีแต่ด้านความรักที่ซื่อบื้อ นางจะมีลูกอยู่แล้ว แต่พี่ใหญ่ยังเอาแต่เป็นแม่ทัพโดดเดี่ยวตัวคนเดียวอยู่ แล้วจะไม่ให้หยุนถิงเป็นกังวลได้อย่างไร
ซูชิงโยวมีสีหน้าเขินอายอยู่เต็มหน้า “ข้ายังมีธุระอีก ขอตัวก่อนนะ” พูดจบ ก็วิ่งเหยาะ ๆ จากไปเลย
“ถิงเอ๋อร์ ตอนนี้เจ้าตั้งครรภ์แล้ว ยังจะพาลูกวิ่งไปทั่วอีกหรือ?” น้ำเสียงของจวินหย่วนโยวมีความเย็นชาอยู่เล็กน้อย
“นี่เป็นความสุขทั้งชีวิตของพี่ชายข้า ยังไงข้าก็ต้องคอยจับคู่ให้พวกเขาใช่ไหม ในเมื่อมีท่านอยู่ข้างกายข้าอยู่แล้ว ข้าก็แค่ทำเป็นพิธีเท่านั้น” หยุนถิงยิ้มแฮะ ๆ ขึ้นมา
“ข้าทำอะไรเจ้าไม่ได้จริง ๆ เรื่องที่ฮูหยินหลี่ไปสู่ขอ ห้ามเจ้าเป็นกังวลเด็ดขาด มอบให้เป็นหน้าที่ข้าเอง” จวินหย่วนโยวใช้น้ำเสียงออกคำสั่งแบบห้ามขัดขืนเด็ดขาด
“ก็ได้ ยังไงก็ซื่อจื่อของข้าดีที่สุด”
ช่วงค่ำ จวินหย่วนโยวก็ส่งหลิงเฟิงไปที่บ้านตระกูลหลี่ เข้าไปแล้วออกมาใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งถ้วยชาด้วยซ้ำ ตระกูลหลี่ก็รีบไปยกเลิกการสู่ขอที่บ้านตระกูลซูเลย แถมยังเอาแต่พูดว่าเรื่องในวันนี้เป็นเพราะว่าพวกเขาเลอะเลือนไปเอง แล้วกล่าวขอโทษแล้วถึงจะจากไป
จนกระทั่งคนบ้านตระกูลหลี่จากไปแล้ว ซูโหวเย่ก็ยังรู้สึกมึนงงอยู่เต็มหัว “ชิงโยว นี่ตกลงเจ้าใช้วิธีอะไรกันแน่? นี่แค่เวลาวันเดียวเองตระกูลหลี่ก็มายกเลิกการสู่ขอเองแล้ว”
“ข้าไปขอให้หยุนถิงช่วยเหลือ คาดว่าหยุนถิงน่าจะลงมือทำอะไรบางอย่างไป” ซูชิงโยวตอบกลับมา
“สมแล้วที่เป็นคุณหนูหยุน นี่มันเร็วมากจริง ๆ พ่อรู้สึกอิจฉาเจ้าจริง ๆ ที่ชีวิตนี้สามารถมีเพื่อนที่จริงใจและดีกับเจ้าอย่างคุณหนูหยุนนี่ได้” ซูโหวเย่พึมพำออกไป
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว หยุนถิงจริงใจกับคนอื่นมาตลอด ข้าก็จะจริงใจต่อนางเช่นกัน”
ด้านนอกประตู นางโจวมาได้ยินคำพูดพวกนี้เข้าพอดี สีหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจ
ถ้าเกิดปล่อยให้ซูชิงโยวแต่งงานกับลูกชายของหลี่ซ่างซูไปจริง ๆ ต่อไปก็ต้องเหนือกว่าโหรวเอ๋อร์ไปทุกอย่าง นางโจวจึงต้องอิจฉาแน่นอน พอตอนนี้ฮูหยินหลี่มายกเลิกการสู่ขอแล้ว นางโจวก็รู้สึกพอใจมากจริง ๆ
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าโหรวเอ๋อร์ของนางไปอยู่ที่ไหนแล้ว ช่วงนี้บ้านตระกูลซูส่งคนทั้งหมดออกไปตามหา แต่ก็ตามหาซูซินโหรวไม่เจอ ในฐานะที่นางโจวเป็นแม่ของซูซินโหรวก็ยิ่งเป็นกังวลไม่หยุด
นางจะต้องรีบตามหาโหรวเอ๋อร์ให้เจอ แล้วเลือกคู่ครองที่ดี ๆ สักคนให้นางถึงจะได้
โหรวเอ๋อร์ของนางจะต้องได้แต่งงานกับคนที่ดีกว่าของซูชิงโยวให้ได้ แบบนี้ต่อไปอยู่ในบ้านตระกูลซู นางก็จะได้เชิดหน้าชูตาขึ้นมาแล้ว
แต่สิ่งที่นางโจวไม่รู้ก็คือ ซูซินโหรวลูกสาวที่นางใจจดใจจ่อเฝ้าตามหาอยู่นั้น ตอนนี้กำลังอยู่ในหมู่บ้านที่ต่ำทรามแห่งหนึ่ง และแต่งงานกับคนอื่นไปตั้งนานแล้ว
ตอนนี้ซูซินโหรวกำลังถูกชายหมูอ้วนคนหนึ่งกดทับอยู่บนตัว และกำลังระบายอารมณ์อย่างบ้าคลั่ง อย่างไม่มีเยื่อใยเลยสักนิด
วินาทีนี้ ซูซินโหรวรู้สึกเจ็บปวดจะตายอยู่แล้ว นางอยากร้องตะโกนออกมา แต่กลับเปล่งเสียงอะไรไม่ออก ได้แต่ร้องอู้อี้ไป นางอยากขัดขืนแต่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชายหมูอ้วนเลยสักนิด แล้วถ้าเกิดทำให้ชายหมูอ้วนโกรธขึ้นมา อีกฝ่ายก็จะยกฝ่ามือสะบัดมาใส่ ช่วงนี้ซูซินโหรวถูกเขาตบจนหวาดกลัวไปแล้ว จึงได้แต่ปล่อยให้เขาระบายอารมณ์และทรมานไป
ก่อนหน้านี้ ซูซินโหรวปล่อยข่าวลือเรื่องซวนอ๋องกับหยุนถิงออกมา ไม่ถึงเวลาหนึ่งก้านธูปก็ถูกซวนอ๋องตรวจสอบออกมาแล้วได้แล้วว่านางเป็นคนก่อกวนอยู่เบื้องหลัง และที่สำคัญตอนนั้นนางยังเกือบจะทำให้หยุนถิงล้มลงไปในกระทะคั่วเกาลัดร้อน ๆ อีก ซวนอ๋องส่งคนไปจับตัวนางมา แล้วตัดลิ้นนางทิ้ง แล้วขายนางให้กับพวกค้ามนุษย์ไป
พวกค้ามนุษย์ขายนางไปหลายทอด สุดท้ายก็ขายนางให้ไปเป็นเมียของผู้ชายอ้วนที่ฆ่าหมูคนนี้
ชายอ้วนคนนี้อายุสามสิบกว่าแล้ว เป็นคนโสดคนหนึ่ง เพราะว่าหน้าตาน่าเกลียดมาก ดังนั้นผู้หญิงในชนบทสิบกว่าลี้นี้ จึงไม่มีใครยอมแต่งงานกับเขา
เมื่อชายอ้วนทำอะไรไม่ได้แล้ว ก็เลยต้องเสียเงินซื้อเมียคนหนึ่งมาจากมือพวกค้ามนุษย์ ถึงจะเป็นคนใบ้ แต่หน้าตาก็พอใช้ได้ ดังนั้นชายอ้วนจึงพึงพอใจเป็นอย่างมาก
อายุสามสิบกว่าปีไม่เคยได้เสพสม กว่าจะได้เมียมาคนหนึ่ง ชายอ้วนจึงไม่สนใจว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน พออยากขึ้นมาก็จะทรมานซูซินโหรวเลย
พอทรมานขึ้นมาทีหนึ่งก็เป็นครึ่งวัน มีบางครั้งเป็นเวลาทั้งวันเลย และที่สำคัญก็ไม่มีความทะนุถนอม ซูซินโหรวมักจะเจ็บปวดจนสลบไปเลย ถ้าเกิดนางต่อต้านขึ้นมา ชายอ้วนก็จะตบตีและด่าสั่งสอนนาง ซูซินโหรวต้องมีชีวิตอยู่ราวกับตายทั้งเป็น