จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 492 ไม่ต้องปรานีนาง

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 492 ไม่ต้องปรานีนาง

“ไม่เลว กลางคืนเพิ่มน่องไก่!” หยุนถิงกล่าวด้วยความพึงพอใจ

“ขอบคุณซื่อจื่อเฟยมาก” หลงเอ้อดีใจอย่างยิ่ง

ภาพฉากนี้ถูกองค์หญิงห้าที่เดินผ่านมาบังเอิญได้ยินเข้าพอดี เดิมทีนางอยากจะกลับมาพักผ่อน แต่แล้วเมื่อเดินผ่านบ้านไร่ ก็ได้ยินคำสนทนาของหยุนถิงกับหลงเอ้อเข้าพอดี

ดวงตาคู่สวยขององค์หญิงห้ามีการวางแผนทำร้ายเล็กน้อยแว๊บผ่านไป ในงานวันเกิดก่อนหน้านี้หยุนถิงแย่งความโดดเด่นของตัวเองไป ความแค้นนี้นางจำเอาไว้ในใจตลอด

แต่นางไม่ใช่คนไร้สมองเหมือนองค์หญิงเจ็ด พุ่งชนไปเรื่อย อันคำว่าสุภาพบุรุษล้างแค้นสิบปีก็ไม่สาย โอกาสก็มาถึงแล้วนี่ไง

ถ้าหากตัวเองจับได้ว่าหยุนถิงขุดกับดักทำร้ายเสด็จพี่ล่ะก็ ถึงแม้จวินซื่อจื่อจะปกป้องนางก็ไม่มีประโยชน์ ถึงเวลานั้นทั่วทั้งจวนซื่อจื่อต้องพบกับหายนะอย่างแน่นอน

คิดถึงตรงนี้ ใบหน้าขององค์หญิงห้าเต็มไปด้วยความได้ใจ หันหลังเดินจากไปเงียบๆ

นางต้องการจะนำข่าวนี้ไปบอกฝ่าบาททันที แต่ก็กลัวว่าหลักฐานไม่เพียงพอ อย่างไรเสียหยุนถิงก็ขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าเล่ห์ ฟู่อี้เฉินยังเสียท่าหยุนถิงไปตั้งหลายครั้ง ตัวเองต้องหาหลักฐานให้ได้ก่อน

ดังนั้นองค์หญิงห้าจึงเก็บความตื่นเต้นในใจเอาไว้ ปล่อยให้หยุนถิงได้ใจอีกครู่หนึ่ง ขอเพียงตัวเองหากับดักนั่นเจอ ถึงเวลานั้นดูสิว่านางจะว่าอย่างไร

เมื่อองค์หญิงห้าคิดว่าไม่ช้าตัวเองก็จะสามารถจัดการหยุนถิงได้แล้ว ก็รู้สึกดีใจอย่างมาก แต่กลับไม่รู้เลยว่าทุกการกระทำของนางล้วนถูกองครักษ์เงามังกรที่คอยปกป้องหยุนถิงอย่างลับๆเห็นในสายตา หลังจากที่องค์หญิงห้าจากไปแล้ว องครักษ์เงามังกรก็เข้ามารายงานทันที

สีหน้าของจวินหย่วนโยวเย็นยะเยือกสุดขีด “ขอเพียงองค์หญิงห้ามีการกระทำใดๆที่จะทำร้ายถิงเอ๋อร์ ไม่ต้องปรานีนาง!”

“ขอรับ!”

“ซื่อจื่อไม่จำเป็นต้องโกรธเช่นนี้ องค์หญิงห้าก็เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียวเท่านั้น หากนางทำอะไรที่เป็นภัยต่อข้าจริง นางสั่งสอนนางเองก็พอ” หยุนถิงกล่าว

หยุนถิงเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นที่สุด แก้แค้นย่อมต้องทำด้วยตัวเองถึงจะสาแก่ใจ

“ตกลง ตามใจเจ้า!”

บ่าวรับใช้ของฟาร์มส่งอาหารเข้ามา หยุนถิงชิมไปสองสามคำ รู้สึกว่ารสชาติไม่เลว แถมยังสดใหม่มาก เกิดความสนใจขึ้นมาทันที “ซื่อจื่อ ข้าอยากไปดูที่หลังครัวหน่อย”

“ข้าไปกับเจ้า!” จวินหย่วนโยวลุกตามมา ทั้งสองคนมุ่งหน้าไปที่หลังครัว

หลังครัวใหญ่มาก ข้างในมีคนสิบกว่าคนกำลังยุ่งอยู่กับงาน ได้ยินเสียงตำหนิดังมาแต่ไกล

“เจ้าถือเป็นตัวอะไร ถึงกับกล้ามาแย่งงานของข้า คุณหนูหยุนกับจวินซื่อจื่อมีฐานะสูงศักดิ์ขนาดไหน เจ้าถึงกับทำอาหารส่งไปให้พวกเขากินโดยพลการ หากมีอะไรผิดพลาด หัวของเจ้าก็ไม่พอชดใช้ความผิด!”

คนผู้นั้นท่าทางมีอายุสี่สิบเศษ ตัวอ้วนจ้ำม้ำ สวมชุดคลุมสีดำ ดูแล้วเหมือนผู้ดูแลรับผิดชอบที่นี่

คนที่ถูกด่าคือหนุ่มน้อยอายุสิบกว่าปี เวลานี้แก้มแดงก่ำ ก้มหน้าเอาไว้ “พ่อบ้านชุย นั่นเป็นอาหารที่ข้าศึกษาขึ้นมาใหม่ ข้าให้ทุกคนในหลังครัวชิมแล้ว พวกเขาล้วนบอกว่าไม่เลว ข้าแค่อยากให้คุณหนูหยุนชี้แนะหน่อยเท่านั้น!”

“ชี้แนะบ้าบออะไร ยังโตไม่เต็มวัยก็อยากให้คุณหนูหยุนชี้แนะให้แล้ว คิดฝันเพ้อเจ้อ คุณหนูหยุนฐานะสูงศักดิ์ ไม่ว่าอาหารอะไรฝ่าบาทล้วนเอ่ยปากชมทั้งนั้น

เด็กหนุ่มจนๆอย่างเจ้ายังอยากจะให้นางชี้แนะ ข้าว่าเจ้ากำลังฝันกลางวันอยู่ เจ้าเอาหน้ามาจากไหน อย่างเจ้าแค่ถือรองเท้าให้คุณหนูหยุนก็ยังไม่คู่ควรเลย

วันนี้ลงโทษเจ้าทำความสะอาดทั่วทั้งหลังครัวแห่งนี้ หากยังมีครั้งหน้าอีกก็ไสหัวออกไปเลย!” พ่อบ้านชุยกล่าวอย่างดูหมิ่น

เขาแค่ไปห้องน้ำเท่านั้น ก็ได้ยินว่าเจ้าหมอนี่ยกอาหารที่ตัวเองทำไปให้คุณหนูหยุนกับจวินซื่อจื่อโดยพลการ โอกาสสร้างความดีความชอบดีๆเช่นนี้กลับถูกเขาแย่งไปซะได้ พ่อบ้านชุยย่อมต้องโมโหเป็นธรรมดา

ใบหน้าของโก่วต้านเต็มไปด้วยความหดหู่และคับข้องใจ แต่กลับไม่กล้าพูดอะไรอีก

หยุนถิงเห็นภาพฉากนี้ในสายตา เดินตรงเข้าไป “เกิดอะไรขึ้น?”

ทันทีที่พ่อบ้านชุยเห็นหยุนถิงกับจวินซื่อจื่อ ก็รู้สึกยินดีและประหลาดใจอย่างยิ่ง รีบคำนับด้วยความเคารพนบนอบทันที “คำนับจวินซื่อจื่อกับซื่อจื่อเฟย บ่าวกำลังสั่งสอนเด็กหนุ่มที่ไม่รู้ความคนหนึ่ง หากเป็นการรบกวนซื่อจื่อเฟย ขอซื่อจื่อเฟยโปรดอภัยด้วย!”

หยุนถิงไม่สนใจพ่อบ้านชุยเลยแม้แต่น้อย แต่มองไปทางโก่วต้านผ่านเขา “อาหารเมื่อครู่นี้ เจ้าเป็นคนทำหรือ?”

ทันทีที่โก่วต้านเห็นคุณหนูหยุน ก็รู้สึกประหม่าอย่างยิ่ง ตื่นเต้นจนร่างกายสั่นเทาไปทั้งตัว “ขอรับ ข้าเป็นคนทำเอง!”

พ่อบ้านชุยรีบวิ่งเข้ามาทันที “โก่วต้านเจ้าอย่าพูดจาเหลวไหลต่อหน้าคุณหนูหยุน!”

“หุบปาก ไสหัวไปด้านข้างเลย ไอ้คนอาศัยอำนาจรังแกคนอื่น!” หยุนถิงกล่าวออกมาอย่างเย็นชา

พ่อบ้านชุยตกใจจนตัวสั่น สีหน้าไม่น่าดูสุดขีด ถึงแม้จะรู้สึกไม่เต็มใจ แต่ก็ยังรีบถอยไปด้านข้างทันที

“เจ้าไม่ต้องกลัว และไม่ต้องประหม่า เมื่อครู่ข้าได้ยินเจ้าบอกว่า เจ้าอยากให้ข้าชี้แนะ มีเรื่องเช่นนี้หรือไม่?” หยุนถิงถามต่อไป

โก่วต้านคุกเข่าลงไปบนพื้นทันที “ข้า ความใฝ่ฝันสูงสุดในชีวิตของข้าคือการเป็นพ่อครัว ให้คนมากมายได้กินอาหารที่ข้าทำ

ข้ารู้ว่าฝีมือการทำอาหารของคุณหนูหยุนยอดเยี่ยมมาก ตอนนี้ร้านไก่ทอด ของทอดไม้เสียบ ร้านอาหารรสเลิศที่กิจการดีในเมืองหลวงพวกนั้นล้วนผ่านการชี้แนะของคุณหนูหยุนทั้งนั้น ดังนั้นข้าถึงได้กล้าบังอาจมีความคิดเช่นนี้

ข้าเป็นเด็กกำพร้า และเป็นเด็กหนุ่มจนๆคนหนึ่ง ยิ่งเป็นเบ๊ที่ทำงานเบ็ดเตล็ดระดับล่างสุดของหลังครัวแห่งนี้ ข้ารู้ว่าด้วยฐานะของข้าไม่คู่ควรได้รับการชี้แนะของคุณหนูหยุน แต่ข้าชอบการทำอาหารจริงๆ”

หยุนถิงปลื้มปิติอย่างยิ่ง “อาหารของเจ้าไม่เลว รสชาติของเหลียงเกานั่นก็ดีมาก แต่ว่าข้าวเหนียวค่อนข้างเหนียวไปหน่อย หากเพิ่มลูกเดือยเข้าไปเล็กน้อยรสชาติจะดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้จับคู่กับน้ำผึ้งก็ได้เช่นกัน หากเพิ่มกุ้ยฮวาเข้าไปในน้ำผึ้งอีกหน่อยก็จะดียิ่งขึ้น เช่นนี้กลิ่นหอมของกุ้ยฮวาก็จะหอมแตะจมูก จับคู่กับเหลียงเการสชาติมันจะดียิ่งขึ้น

ยังมีซุปถั่วแดงนั่น หากเพิ่มน้ำแข็งลงไปหน่อย ก็จะยิ่งสดชื่นและอร่อยมากขึ้น”

พูดถึงน้ำแข็ง ตอนนี้ก็เข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้ว แต่ในตอนเที่ยงก็ยังร้อนมากเป็นพิเศษ จู่ๆหยุนถิงก็นึกอะไรดีๆออก

โก่วต้านตื่นเต้นไม่สิ้นสุด ใบหน้าเต็มไปด้วยความยินดี “สมกับที่เป็นคุณหนูหยุน คำชี้แนะนี้ช่างดีจริงๆ ทำไมข้าถึงคิดไม่ออกเลย ข้าจะไปลองดูเดี๋ยวนี้!” ขณะที่พูดเขาก็วิ่งไปที่หลังครัวทันที ลืมคำนับไปเลยด้วยซ้ำ

“ซื่อจื่อเฟยโปรดอภัยด้วย เจ้าหมอนี่ไม่มีมารยาทเลยสักนิด อีกเดี๋ยวข้าจะสั่งสอนเขาเอง!” พ่อบ้านชุยรีบเอ่ยปากทันที

“ไม่ต้อง โก่วต้านคนนี้ข้าเอาแล้ว!”

“อ๋า?” พ่อบ้านชุยแข็งทื่อทันที

สีหน้าของจวินหย่วนโยวก็เคร่งขรึมทันที นี่มันคำพูดแบบไหนกัน

“ความหมายของข้าคือ นับแต่วันนี้เป็นต้นไปโก่วต้านจะติดตามข้าแล้ว เจ้าไม่ต้องไปยุ่งกับเขาอีก เขาอยากจะทำอะไรก็ปล่อยให้เขาทำไปเถอะ ตอนที่ข้าจากไปจะพาเขาไปด้วย!” หยุนถิงอธิบาย

สีหน้าของพ่อบ้านชุยไม่น่าดูสุดขีด “ซื่อจื่อเฟย ความจริงพูดถึงเรื่องฝีมือการทำอาหาร ทั่วทั้งหลังครัวข้าต่างหากที่——”

“ข้าต้องการเพียงแค่เขาเท่านั้น หากท่านยังกล้าทำให้เขาลำบากใจอีก ข้าจะทำให้เจ้าอยู่ไม่ได้แม้แต่หลังครัวแห่งนี้!” หยุนถิงกล่าวอย่างเย็นชาและหันหลังจากไป

จวินหย่วนโยวมองมาด้วยสายตาคมกริบที่เย็นชาอีกครั้ง “คำสั่งของซื่อจื่อเฟย ก็คือคำสั่งของข้า!”

“ขอรับ ขอรับ บ่าวเข้าใจแล้ว!”

จนกระทั่งพวกเขาเดินออกไปไกล พ่อบ้านชุยตกใจจนแผ่นหลังเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคียดแค้นและโมโห

โก่วต้านที่สมควรตายคนนี้ โชคดีอะไรอย่างนี้ ซื่อจื่อเฟยถึงกับถูกใจเขาได้ น่าชิงชังจริงๆ

แต่ว่าจวินซื่อจื่อเอ่ยปากแล้ว ถึงแม้พ่อบ้านชุยจะรู้สึกโมโหและไม่เต็มใจแค่ไหน ก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของจวินซื่อจื่อ นอกเสียจากว่าเขาไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว

เดินไปถึงลานที่อยู่ด้านหน้า จวินหย่วนโยวถึงได้เอ่ยปาก “ทำไมถึงเลือกเขา?”

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท