จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 503 นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าจะไม่อยู่ห่างจากเจ้าเด็ดขาด

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 503 นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าจะไม่อยู่ห่างจากเจ้าเด็ดขาด

“หม่อมฉันยินดีจะลองดูสักตั้ง!”

“ดี ดียิ่งนัก หากสามารถสร้างออกมาได้จริงๆ มันจะเป็นเครื่องมืออัศจรรย์ที่สร้างความสุขให้แก่แคว้นต้าเยียนจริงๆ หยุนถิงเจ้าช่างเป็นดาวนำโชคของข้าจริงๆ!” ฮ่องเต้ตื่นเต้นยิ่งนัก

“ความเมตตากรุณาของฝ่าบาททำให้หม่อมฉันเลื่อมใสนัก หม่อมฉันกลับไปแล้วจะพยายามวิจัยให้ดี เพื่อให้สามารถช่วยฝ่าบาทแบ่งเบาภาระได้เร็วยิ่งขึ้น!” หยุนถิงบอก

“ได้ ข้าขอขอบคุณเจ้าแทนราษฎร์ใต้หล้าของแคว้นต้าเยียนก่อนเลย!”

“คุณหนูหยุนช่างมากความสามารถนัก ช่างเป็นบุญของประชาชนแคว้นต้าเยียนเราจริงๆ” หลิ่วเฟยที่ยกชาสมุนไพรเข้ามาพูดยิ้มๆ นางได้ยินบทสนทานาของฝ่าบาทกับหยุนถิงพอดี

“คารวะหลิ่วเฟยเหนียงเหนียง!” หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวถวายบังคม

“มิต้องเกรงใจข้า ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันสั่งให้คนต้มชาสมุนไพร ดื่มตอนนี้เหมาะสมที่สุด พระองค์ลองชิมดูสิเพคะ!” หลิ่วเฟยยื่นมาให้หนึ่งจอก

“ได้ หยุนถิง จวินหย่วนโยวพวกเจ้ามาลองดูสิ!” ฮ่องเต้พูดพลางยกมาหนึ่งจอก พลางก้มหน้าลงดื่ม

“ขอบพระทัยฝ่าบาท แต่เมื่อครู่ตอนหม่อมฉันออกมากินแตงโมไปครึ่งลูก ตอนนี้ดื่มไม่ลงแล้วเพคะ” หยุนถิงยิ้มปฏิเสธ

จวินหย่วนโยวยื่นมือไปรับมาหนึ่งจอก พลางจิบไปสองคำ

“มิเป็นไร ชาสมุนไพรนี่ดื่มไม่ลงก็มิเป็นไร ข้าคาดหวังถึงเครื่องมืออัศจรรย์ในการเก็บเกี่ยวของเจ้านะ” ฮ่องเต้ยินดีนัก

“หม่อมฉันจะกลับคิดค้นเดี๋ยวนี้!” หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวถวายบังคมให้กับฝ่าบาทและหลิ่วเฟย ถึงได้จากมา

หลิ่วเฟยมองตามแผ่นหลังของหยุนถิง พลางขมวดคิ้วน้อยๆ หากมิได้พูดอะไร

จวินหย่วนโยวจูงมือหยุนถิงจากไป จนเดินออกไปได้ไกลแล้วถึงเอ่ยขึ้น “ถิงเอ๋อร์ มีเครื่องมือเก็บเกี่ยวอย่างที่เจ้าพูดจริงรึ?”

“แน่นอนว่าจริง พวกเราคนที่นั่นล้วนใช้เครื่องเก็บเกี่ยว แบบนี้ทั้งประหยัดเวลาประหยัดแรงและสะดวกด้วย”

จวินหย่วนโยวเคยฟังหยุนถิงเล่าเรื่องในยุคปัจจุบันมาก่อน เลยไม่ได้รู้สึกแปลกแล้ว เขายิ่งกระชับมือที่จูงหยุนถิงแน่นขึ้น “ถิงเอ๋อร์ของข้าดีเลิศยิ่ง”

“ดังนั้นซื่อจื่อท่านต้องดูข้าให้ดีนะ คนดีเลิศเช่นข้า ระวังท่านจะโดนแย่งไปนะ!” หยุนถิงแกล้งเย้าเขา

“นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าจะไม่ยอมอยู่ห่างจากเจ้าเด็ดขาด!”

“ฮะฮะ ได้เลย” ทั้งสองคนพูดคุยยิ้มแย้มต่อกันและต่างกลับเรือนตนเอง

“ถิงเอ๋อร์ ต้องการข้าช่วยเจ้าทำสิ่งใดหรือไม่?” จวินหย่วนโยวเองก็อยากช่วยนาง

“เช่นนั้นรบกวนซื่อจื่อช่วยฝนหมึกให้ข้าแล้วกัน”

“ได้!” จวินหย่วนโยวเดินไปที่โต๊ะเขียนหนังสือ เทน้ำลงไปในที่ฝนหมึกเล็กน้อย จากนั้นหยิบแท่งหมึกเริ่มฝนขึ้นมา

หยุนถิงกลับนั่งลง หยิบพู่กันขึ้นมา หากยามจะลงพู่กัน เธอกลับสับสนนัก

ถึงจะรู้หลักการของเครื่องเก็บเกี่ยวในยุคปัจจุบัน แต่เธอไม่เคยวาดมันมาก่อน และไม่เคยทำมันด้วย เพียงแค่รู้สึกว่า เครื่องเก็บเกี่ยวประหยัดแรงและเวลามาก

จู่ๆให้เธอมาวาดร่างรูปออกมา เธอไม่มั่นใจเลยจริงๆ

จวินหย่วนโยวเห็นคิ้วนางขมวดเป็นปม แต่สุดท้ายกลับไม่ยอมลงพู่กัน ยิ้มมุมปากน้อยๆบอก “ทำไมรึ วาดไม่ออกใช่หรือไม่?”

“ซื่อจื่อ ทำไมท่านรู้เล่า?” หยุนถิงยิ้มกระดากอาย

“เช่นนั้นเจ้ายังกล้าพูดรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะต่อหน้าฝ่าบาทอีก ต่อไปเรื่องเช่นนี้อย่าเหมามาให้ตนเองทำอีก เจ้าไม่ทำก็ไม่มีใครว่าอะไรเจ้า แต่เจ้ารับปากแล้วกลับทำไม่ได้ ฝ่าบาทต้องไม่พอพระทัยแน่” จวินหย่วนโยวพูดอย่างหนักแน่น

“ข้ามิใช่ทำไม่ได้ ให้ข้าไปสร้างในมิติก็ได้ แต่โครงสร้างเช่นนี้ข้าไม่เคยวาดมาก่อน”

“อย่าร้อนใจไป ฝ่าบาทมิได้เร่งรัด เจ้าลองคิดดูก่อน” จวินหย่วนโยวปลอบ

“คงได้แต่ทำเช่นนี้แล้วล่ะ!”

ระหว่างที่หยุนถิงพูดกับจวินหย่วนโยว ก็เห็นซูกงกงมายืนรออยู่นอกเรือน “จวินซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟย ฝ่าบาทเรียกพวกท่านเข้าเฝ้า”

“ซูกงกง เรื่องอะไรรึ?” หยุนถิงถาม

“ทูตของแคว้นเทียนจิ่วกับแม่ทัพจี้ล้วนไปเข้าเฝ้าต่อหน้าพระพักตร์แล้ว จวินซื่อจื่อกับคุณหนูหยุนระวังตัวหน่อยแล้วกัน!” ซูกงกงเตือน

“ขอบคุณกงกง” หยุนถิงตามจวินหย่วนโยวไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท

เหล่าทูตของแคว้นเทียนจิ่วล้วนอยู่นอกตำหนัก มีเพียงหลัวหรูจี๋กับจี้อวี๋อยู่ด้านใน

พอเห็นจวินหย่วนโยวมา สีหน้าหลัวหรูจี๋ซีดเผือดลงฉับพลัน ฝ่ามือนั้นของจวินซื่อจื่อทำให้จนถึงตอนนี้เขายังไม่อาจลงจากเตียงได้เลย วันนี้ก็ให้ลูกน้องหามเข้ามา ดังนั้นวินาทีนี้พอหลัวหรูจี๋เห็นจวินหย่วนโยวก็ราวกับเห็นอสุรกายจากนรกก็ไม่ปาน ตกใจแทบตาย

ส่วนวินาทีที่จี้อวี๋เห็นหยุนถิง ก็ตัวสั่นเทาเหมือนกัน

ใบหน้างดงามเย้ายวนของนาง ชุดกระโปรงยาวสีอ่อน ดูเรียบง่ายสุภาพ เป็นธรรมชาติ หากเคยรู้ฤทธิ์เข็มเงินของหยุนถิงมาแล้ว จี้อวี๋มีหรือจะกล้าปากเก่งอีก

“ถวายบังคมฝ่าบาท!” หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวคารวะ

“พวกเจ้าสองคนมาแล้ว ราชครูแห่งแคว้นเทียนจิ่วและแม่ทัพจี้มาครั้งนี้ด้วยเรื่องของเซียจิ่วเซียว พวกเขาเสนอจะมอบเมืองยี่สิบเมือง ทองคำหนึ่งแสนตำลึง เพชรนิลจินดาหนึ่งพันลังเป็นของแลกเปลี่ยน จวินหย่วนโยวเจ้าคิดเห็นประการใด?” ฮ่องเต้ถามเนิบช้า

ตอนหยุนไห่เทียนเจอเซียจิ่วเซียวที่หน้าประตูพระราชวัง ก็คุมตัวเขาเข้าวัง บัดนี้เซียจิ่วเซียวแขนขาดขาขาด กระดูกหักเสียหลายท่อน โดนพิษร้ายทรมานทั้งวันทั้งคืน อยู่ไม่สู้ตาย ฮ่องเต้ยังอดเห็นใจไม่ได้

ผู้ที่สามารถทรมานเซียจิ่วเซียวจนอยู่ในสภาพคนมิใช่ผีก็มิเชิงเช่นนี้ และยังโยนเขาทิ้งหน้าประตูพระราชวังอีก นอกจากจวินหย่วนโยวแล้ว ฮ่องเต้คิดถึงใครอื่นอีกไม่ได้เลย

พลันเห็นสีหน้าจวินหย่วนโยวทะมึนเย็นเยียบลง ประหนึ่งภูเขาน้ำแข็งพันปี “ที่แท้ในสายตาองค์หญิงใหญ่ของพวกเจ้า เซียจิ่วเซียวมีค่าแค่เมืองเหล่านี้และเพชรนิลจินดาเท่านั้นเอง!”

น้ำเสียงเย็นเยียบ เต็มไปด้วยแววเย้ยหยัน

“จวินซื่อจื่อ นี่เป็นสมบัติที่มากที่สุดที่จวนผิงหนานอ๋องของเราจะหามาได้แล้ว!” จี้อวี๋ย้อน

“อยากได้เซียจิ่วเซียว นอกจากองค์หญิงใหญ่จะมาด้วยตัวเองแล้ว เงื่อนไขต่างๆเพิ่มอีกสิบเท่า!” จวินหย่วนโยวแค่นเสียงหยัน

สีหน้าจี้อวี๋ไม่น่าดูทันที คิ้วขมวดเป็นปม นี่จวินหย่วนโยวจงใจหาเรื่องชัดๆ

หยุนถิงไม่ได้พูดอะไรเลย ทำเพียงยกมือขึ้นลูบผม จี้อวี๋คิดถึงเข็มเงินของนางแล้วกลืนน้ำลายอย่างตกใจ

“จวินซื่อจื่อเสนอเช่นนี้ พวกข้าตัดสินใจมิได้ ต้องส่งพิราบสื่อสารไปถึงองค์หญิงใหญ่ของเราก่อน!” หลัวหรูจี๋พูดเสียงเบา

“ยังไม่ไสหัวไปอีก!” น้ำเสียงเย็นทะมึนของจวินหย่วนโยวทำเอาคนฟังขนหัวลุก

หลัวหรูจี๋โดนด่าต่อหน้าธารกำนัล ถึงจะเคียดแค้น สีหน้าเดือดดาล แต่ไม่กล้าย้อนอะไร กลัวจวินหย่วนโยวสะบัดชายเสื้อ

ฮ่องเต้ที่อยู่บนบัลลังก์เองก็ค่อนข้างแปลกใจ ไม่คิดว่าจวินหย่วนโยวจะโลภมากเช่นนี้ หรือว่าเขามีความแค้นกับเซียจิ่วเซียวหรือองค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นเทียนจิ่วกัน ไม่เช่นนั้นปกติแล้วเขาไม่แยแสต่อเงินทองเลย เหตุใดต้องการมากมายเช่นนี้

หากเป็นผลประโยชน์ต่อแคว้นต้าเยียนแล้ว ฮ่องเต้เองย่อมยินดีอยู่แล้ว

พอออกจากตำหนักของฮ่องเต้ หยุนถิงสังเกตเห็นว่าอารมณ์ซื่อจื่อไม่ดีเอามากๆ เธอยื่นมือไปกุมมือจวินหย่วนโยวเอาไว้

“ซื่อจื่อ ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนท่านเสมอ!”

ความเย็นเยียบกลางหว่างคิ้วของจวินหย่วนโยวถึงคลายไปหลายส่วน “วางใจเถอะ ข้ามิเป็นไร”

“พวกเราไปเดินเล่นกันเถอะ” หยุนถิงเสนอ

“ได้!”

ทั้งสองคนเดินไปที่ด้านหลังพื้นที่เพาะปลูกของราชวงศ์ หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวกำลังเดินอยู่ พลันมีนกพิราบสีขาวตัวหนึ่งบินเข้ามาวนรอบเหนือหัวหยุนถิงหลายรอบ สุดท้ายหยุดลงที่ไหล่หยุนถิง

นกพิราบร้องกุ๊กกูมาชุดใหญ่ หยุนถิงฟังไปขมวดคิ้วไป

“ซื่อจื่อ ชางหลันเย่กลับถึงแคว้นชางเยว่แล้ว หยางเฟยอาศัยอำนาจในราชสำนักจับตาดูเขาตลอด เพื่อให้ได้จุดอ่อนของเขามา แต่ชางหลันเย่ถือว่าฉลาดอยู่ จนบัดนนี้ยังไม่ได้ให้พวกมันจับจุดอ่อนได้เลย ไม่คิดว่าชางหลันเย่จะอยู่อย่างลำบากขนาดนี้!” หยุนถิงถอนหายใจยาว

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท