จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 511 ในใจข้าท่านสำคัญที่สุด
“ไม่ใช่ข้านะ ถิงเอ๋อร์เจ้าต้องเชื่อข้านะ” จวินหย่วนโยวร้อนใจนัก
“มันไม่เกี่ยวอะไรกับว่าข้าเชื่อท่านหรือไม่ ซื่อจื่อ ผายลมของท่านนี่เหม็นจริงๆ” หยุนถิงแกล้งทำท่ารังเกียจ
บรรยากาศรอบข้างจวินหย่วนโยวเย็นเยียบลง เดือดดาลนัก เขาถลึงตามองน้ำในถัง ยกมือขึ้นซัดออกไปทันที หยุนถิงรีบห้ามเขาไว้
“เอาล่ะซื่อจื่อ ไม่ล้อท่านละ ฝีมือข้าเอง ใครให้ท่านแกล้งให้ข้าถูตรงนั้นตรงนี้เล่า” หยุนถิงยิ้มแหย
จวินหย่วนโยวหน้าทะมึนลงทันที “เจ้านี่—“
น้ำเสียงรักใคร่เอ็นดู นังหนูนี่ทำให้เขาไม่รู้จะพูดอะไรดีแล้ว
“ก็ท่านน่ะเอาแต่หาเรื่อง ทางนี้ ทางนั้น ไม่จบไม่สิ้นสักที” หยุนถิงบ่น
จวินหย่วนโยวสีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจนัก “ข้าแค่อยากให้เจ้าสนใจข้ามากหน่อย พออี้หมิงน้อยมา ข้าก็ไม่มีที่ยืนในสายตาเจ้าแล้ว”
หยุนถิงโกรธจนหัวเราะ “ซื่อจื่อ ไม่ว่าใครมา ไม่ว่าข้าจะทำอย่างไรกับใคร ในใจข้า ท่านสำคัญที่สุด”
“มีคำพูดนี้ของเจ้า ข้าก็วางใจแล้ว” จวินหย่วนโยวยิ้มมุมปากอย่างพอใจทันที
อันที่จริงเขาเองก็รู้ดีว่า หยุนถิงใส่ใจเขาที่สุด แต่เขาอยากให้ถิงเอ๋อร์พูดออกมาเอง
หยุนถิงยิ้มอย่างหน่ายใจ “งั้นท่านแช่ไปนะ ข้าไปดูผลการวิจัย”
“ได้!” จวินหย่วนโยวนั่งในถังน้ำต่อไปอย่างเชื่อฟัง ตอนนี้ด้านหลังก็ไม่คันแล้ว ทั้งตัวไม่รู้สึกไม่สบายแล้ว
ไม่นานผลวิจัยออกมาแล้ว เป็นกระเพาะลำไส้อักเสบเฉียบพลันจริงๆ หยุนถิงรีบปรุงยาให้อี้หมิงน้อยทันที
ตอนจวินหย่วนโยวออกมา หยุนถิงก็ทำยาเสร็จแล้ว ทั้งสองคนออกจากเรือนไม้ไผ่พร้อมกัน
“องค์หญิงหยุน อี้หมิงเป็นอย่างไรบ้าง เมื่อครู่เหลิ่งเหยียนมาถามข้าว่าให้ลูกกินอะไร ก้กินนมไง?” ฮูหยินโหวสีหน้ากังวล
“องค์หญิงหยุน ลูกข้าปกติดีมาก เหตุใดจู่ๆถึงถ่ายอย่างหนักหนาเช่นนี้เล่า?” แม่ทัพโหวเองก็ไม่เข้าใจ
“ทั้งสองท่านมิต้องร้อนใจไป อี้หมิงเป็นกระเพาะลำไส้อักเสบเฉียบพลัน อาจเพราะสิ่งที่กิน หรืออาจเพราะอากาศเปลี่ยนแปลง หรืออาจเพราะผู้ใหญ่กินของเย็น มิใช่ปัญหาอะไรหนักหนา กลับไปกินยาสักหน่อยก็ได้แล้ว ให้เขากินน้ำเกลือมากหน่อย เพิ่มปริมาณน้ำในร่าง หากร่างกายไม่ขาดน้ำก็มิเป็นไรละ หลายวันนี้ต้องคอยสังเกตให้ดี” หยุนถิงอธิบาย
“สิ่งใดคือน้ำเกลือ?” แม่ทัพโหวถาม
“คือให้เขากินน้ำมากหน่อย ในน้ำใส่เกลือเล็กน้อย แบบนี้จะสามารถทดแทนปริมาณน้ำในร่างกายที่ขาดไปได้” หยุนถิงอธิบาย หยิบยามาอีก บอกวิธีกินอย่างชัดเจน
แม่ทัพโหวและฮูหยินฟังอย่างตั้งใจ ซาบซึ้งในน้ำใจหยุนถิงยิ่งนัก พากันขอบคุณ แล้วถึงจากไป
“หยุนถิง ขอบคุณมาก!” โม่เหลิ่งเหยียนเอ่ยปาก
“ซวนอ๋องไม่ต้องเกรงใจดอก เด็กไม่สบายเป็นเรื่องปกติ” หยุนถิงบอก
“หากอี้หมิงน้อยไม่สบายอีก เจ้ามาหาซื่อจื่อเฟยของข้าได้ทุกเมื่อเลย” จวินหย่วนโยวแค่นเสียงหึ
โม่เหลิ่งเหยียนมองมาอย่างระแวง “เจ้ามีกาลเทศะเยี่ยงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“ข้าเป็นเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ก็แค่เฉพาะกับเรื่องมิใช่เพ่งเล็งกับคน”
โม่เหลิ่งเหยียนหันมองหยุนถิงทันที “เจ้าให้เขากินยารึ?”
“ไม่นี่” หยุนถิงตอบ
จากนั้นสีหน้าจวินหย่วนโยวก็ดำราวก้นหม้อ “เจ้ากล้าสงสัยว่าข้าเป็นบ้า คนมา หากครั้งหน้าซวนอ๋องมาจวนซื่อจื่อ ไล่ออกไปเลย!” พูดจบ ลากหยุนถิงจากไปทันที
หยุนถิงอยากพูดอะไร ก็มีขันทีสองคนพุ่งเข้ามาพอดี “ข้าน้อยคารวะ ซวนอ๋อง จวินซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟย!”
โม่เหลิ่งเหยียนจำได้ทันทีว่า พวกเขาเป็นขันทีจากในวัง “เรื่องอันใด?”
“อีกห้าวัน ฝ่าบาทรับสั่งให้หลิ่วเฟยเหนียงเหนียงจัดงานเลี้ยงฤดูใบไม้ร่วงขึ้นในวัง ฝ่าบาทมอบหมายให้ซวนอ๋องต้องเข้าร่วมให้ได้ และขอเชิญจวินซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟยเข้าร่วมด้วย!” ขันทีน้อยบอกอย่างนอบน้อม
โม่เหลิ่งเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ฝ่าบาทรู้ว่าเขาไม่ชอบงานเลี้ยง เหตุใดยังมอบหมายให้เขาต้องเข้าร่วมด้วย
“วังหลวงนี้งานเลี้ยงเยอะจริงนะ” หยุนถิงถอนหายใจ
สมัยโบราณไม่มีรายการอะไร ไม่มีอะไรก็จัดงานเลี้ยง ให้ฮ่องเต้และเหล่าขุนนางมาสังสรรค์กัน
“หากเจ้าไม่อยากไป ก็มิไป” จวินหย่วนโยวบอกอย่างรักใคร่
“ไปสิ ทำไมจะไม่ไป มีให้กินให้ดื่ม คิดว่าไปฆ่าเวลาแล้วกัน” หยุนถิงตอบ
โม่เหลิ่งเหยียนได้ยินว่าหยุนถิงไป ถึงออกปาก “ข้าจะไป!”
“ขอรับ เช่นนั้นข้าน้อยกลับไปรายงานแล้ว!” ขันทีน้อยสองคนคารวะอย่างนอบน้อม จากนั้นจากไป
“ข้าเองก็ขอลากลับก่อน!” โม่เหลิ่งเหยียนบอก พลางหมุนตัวจากไป
หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวพึ่งกลับถึงเรือน สุดท้ายในเรือนกลับมีอินทรีทองตัวหนึ่งบินวนสูงอยู่ หยุนถิงเป่าปากวิ้ว อินทรีทองบินลงมาทันที มาอยู่แทบเท้าหยุนถิง และคายจดหมายที่คาบไว้ออกมา
หยุนถึงจะเอื้อมมือไปหยิบ จวินหย่วนโยวแย่งหยิบมาให้ก่อน “ตอนนี้เจ้าก้มเอวไม่ได้ ข้าทำเอง”
หยุนถิงไม่คิดว่าซื่อจื่อจะเอาใจใส่ขนาดนี้ เธอพอใจมาก
หยุนถิงแกะจดหมายออก นี่เป็นครั้งแรกที่ใช้อินทรีทองในการส่งสาสน์ เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนมาก
พอเห็นเนื้อหาในนั้น สีหน้าหยุนถิงเย็นชาลงทันที “องค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นเทียนจิ่วใช้เริ่นเซวียนเอ๋อร์ข่มขู่ตาเฒ่าเหอ ให้เขาปรุงยาเจ็ดวิญญาณ และยานี้จะเอามาใช้ทำร้ายท่าน!”
จวินหย่วนโยวสายตาเย็นเยียบดำมืดทันที เขาเดาได้นานแล้วว่า องค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นเทียนจิ่วต้องมีแผนการร้ายอีกแน่ ที่แท้ก็วางยาพิษอีก
“ข่าวนี้เป็นข่าวที่เริ่นเซวียนเอ๋อร์ใช้วิชาควบคุมงูที่ข้าสอนนางส่งออกมา ไม่คิดว่านางจะมีน้ำใจเพียงนี้” หยุนถิงถอนหายใจยาว
ถึงหยุนถิงจะท้องไม่ได้ไปหอเทพเซียน แต่ข่าวเกี่ยวกับหอเทพเซียนส่งกลับมาจวนซื่อจื่อไม่ขาดสาย หยุนถิงย่อมรู้อยู่แล้ว
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็สวมรอยเล่นตามแผนไป!” สายตาจวินหย่วนโยวฉายแววเย็นเยียบดุดันขึ้น
“ได้!”
จวินหย่วนโยวไปห้องหนังสือเรียกทุกคนมารวมตัวกัน ส่วนหยุนถิงกลับเรือนไม้ไผ่ไปปรุงยา
อีกด้าน รถม้าของโม่เหลิ่งเหยียนผ่านไปสามช่วงถนน ได้ผ่านร้านเนื้อย่างของหยุนซู ตอนนี้กิจการร้านเนื้อย่างรุ่งเรืองมาก ลูกค้าที่หน้าประตูไปมาไม่ขาดสาย ครึกครื้นยิ่งนัก
ทั้งๆที่ไม่หิว แต่โม่เหลิ่งเหยียนกลับให้คนขับรถม้าหยุดรถม้า และเดินเข้าร้านเนื้อย่าง
อาจเพราะมันเป็นความคิดของหยุนถิง
เถ้าแก่ที่หน้าประตูพอเห็นซวนอ๋องมา ก็ตกใจมาก ร้องเรียกทักทายอย่างร่าเริง จากนั้นส่งคนไปเชิญหยุนซู
พอหยุนซูได้ยินว่าซวนอ๋องมา ก็ประหลาดใจมาก รีบออกมาทันที “คารวะซวนอ๋อง ข้าพาซวนอ๋องไปห้องพิเศษอักษรเทียน ขอถามว่าซวนอ๋องมากี่ท่านรึ?”
“คนเดียว!” โม่เหลิ่งเหยียนแค่นเสียงเย็น
หยุนซูเองก็รู้ดีถึงนิสัยเย็นชาของซวนอ๋อง รีบนำทางทันที
ทั้งสองคนเดินไปที่บันไดขึ้นชั้นสอง ประตูห้องพิเศษหนึ่งข้างๆเปิดออก
“พี่หญิงสาม ท่านไปไหนน่ะ มาดื่มต่อสิ!” หยุนหลีพูดเสียงอ้อแอ้ เรอเล็กน้อย นางเหล่มองซวนอ๋อง พลางเดินเข้ามาหา และควงแขนซวนอ๋องทันที
“ซวนอ๋อง ท่านมาก็ดีแล้ว วันนี้ทุกคนมารวมตัวกันอย่างหายากยิ่ง ท่านก็มาด้วยกันสิ” หยุนหลีลากเขาออกเดิน
หยุนซูร้อนใจนัก รีบอธิบาย “น้องหญิงสี่ อย่าเล่นสิ นี่ซวนอ๋องนะ!”
“พี่หญิงสาม ข้าไม่ได้เล่นนะ ข้ารู้จักซวนอ๋องอยู่แล้วสิ!” หยุนหลียิ้มแหะๆ
เพราะดื่มมากเกินไป หยุนหลียืนยังยืนไม่นิ่งเลย หมุนตัวเดินไปสองก้าว พอเห็นซวนอ๋องไม่ขยับ ก็หมุนตัวมากอดแขนซวนอ๋องด้วยสองมือ ออกแรงลากเขาออกเดิน