จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 512 คุณหนูหลี กรุณาปล่อยมือของเจ้าด้วย
“น้องหญิงสี่ อย่าเล่น เจ้าดื่มมากไปแล้วนะ ขอซวนอ๋องเห็นแก่หน้าพี่หญิงใหญ่ของข้า อย่าถือสาหยุนหลีเลย ข้าจะนำนางออกไปบัดเดี๋ยวนี้!” หยุนซูตกใจจนสีหน้าซีดเผือด พยายามทำหน้านิ่งอยู่
หากเป็นคนอื่น หยุนซูไม่ยุ่งด้วยแน่นอน แต่นี่เป็นน้องหญิงสี่ของตนเอง นางจะไม่ยุ่งได้ที่ไหนกัน
ซวนอ๋องเลื่องชื่อด้านโหดเหี้ยมดุร้ายนัก ไม่เล่นเส้นสายใดๆทั้งนั้น หยุนซูแทบปาดเหงื่อแทนหยุนหลีจริงๆ
“พี่หญิงสาม ข้าแค่เรียกซวนอ๋องมาดื่มเหล้าด้วยกัน ท่านอย่าดึงข้าสิ” หยุนหลีย้อนเสียงอ้อแอ้ จับแขนซวนอ๋องไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“ซวนอ๋องท่านดื่มเองได้ เจ้าย่าไปรบกวนเลย” หยุนซูยื่นมือมาลากหยุนหลี
ต่อให้นางใจกล้าแค่ไหน ก็ไม่กล้าดึงลากซวนอ๋องหรอก นอกจากว่านางอยากตายเท่านั้น
“ไอ้โหย นี่มิใช่ซวนอ๋องรึ สามารถเห็นเจ้ามาที่ร้านเนื้อย่างได้นี่หายากนัก มาดื่มด้วยกันสิ!” องค์ชายสี่ได้ยินเสียงด้านนอก เดินออกมาเห็นก็พูดขึ้น
“พูดถูกต้องยิ่งนัก คนเยอะสนุกออก” โม่หลานบอก
โม่หลานอยากกินเนื้อย่างมานานแล้ว ระหว่างทางพบกับองค์ชายสี่และฟู่อี้เฉิน จากนันก็ผ่านร้านอาวุธ เลยเรียกหยุนหลี พากันมาที่ร้านเนื้อย่าง
โม่เหลิ่งเหยียนเหล่มองในห้องพิเศษ มีแต่คนคุ้นเคยทั้งนั้น
“ซวนอ๋องท่านมาด้วยกันเถอะ ข้าเปิดร้านใหม่พอดี นี่หยุนถิงออกความคิดให้ข้าเลยนะ เก่งกาจมากใช่หรือไม่!” ฟู่อี้เฉินพูดอย่างได้ใจ
สีหน้าเย็นชาของโม่เหลิ่งเหยียนถึงคลายลงหลายส่วน เขาเหล่มองหยุนหลีที่ยังจับแขนเสื้อตนไว้อยู่ “คุณหนูหลี กรุณาปล่อยมือของเจ้าด้วย!”
น้ำเสียงเย็นเยียบ ทำคนขนหัวลุก
หยุนหลีสะท้านเยือกฉับพลัน รีบปล่อยมือทันที “ขอโทษ ข้าเห็นท่านแล้วตื่นเต้นไปหน่อย
ยังตื่นเต้นอีก หยุนซูจะหัวใจวายตายเพราะนางแล้ว พอเห็นนางปล่อยมือ หยุนซูลอบถอนหายใจโล่งอก ก่อนรีบเอ่ย “ซวนอ๋องเชิญเถอะ!”
โม่เหลิ่งเหยียนถึงเดินเข้าไป หาที่ที่ไม่มีคนนั่งลง ดวงตาดำเข้มเหล่มองฟู่อี้เฉินที่นั่งตรงข้าม “เมื่อครู่เจ้าบอกว่า หยุนถิงเสนอความคิดให้เจ้า?”
“แน่นอนสิ ก็หยุนถิงน่ะทำข้าเจ็บตัวหลายครั้ง คงรู้สึกผิดต่อข้า เลยชดเชยให้ข้าน่ะ!” ฟู่อี้เฉินเบ้ปากบอก
“เอาเนื้อๆ!” โม่เหลิ่งเหยียนไม่มีเวลามาฟังเขาพล่ามไร้สาระ
ฟู่อี้เฉินตกใจตัวแข็ง ไม่กล้าโอ้อวดอีก “ก่อนหน้านี้ที่พื้นที่เพาะปลูกของราชวงศ์ หยุนถิงงให้ข้ากับซูชิงโยวเปิดร้านร่วมกัน ขายโจ๊กน้ำแข็ง ข้ารับผิดชอบขายด้านทิศตะวันออกของเมือง ซูชิงโยวรับผิดชอบขายด้านทิศตะวันตกของเมือง ตอนนี้ก็เตรียมพร้อมหมดแล้ว รอเปิดร้านเริ่มกิจการเท่านั้น”
โม่เหลิ่งเหยียนคิ้วคลายลง ไม่ได้พูดอะไร เขารู้ดีถึงฝีมือของหยุนถิงงมากกว่าใคร แค่ความคิดเล็กน้อย ก็โด่งดังไปทั่วสี่แคว้นแล้ว
“โจ๊กน้ำแข็งอร่อยไหม กลับไปให้พวกข้ากินมิต้องจ่ายเงินตลอดชีวิตด้วยล่ะ!” โม่ฉือชิงพูดอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด
“ดูท่าทางงกของเจ้าสิ ทำไมไม่เห็นเจ้าเอาของที่หอชุนเฟิงมาให้ข้ากินมิต้องจ่ายเงินบ้างเล่า!” ฟู่อี้เฉินย้อน
“ของข้าน่ะแพงนะ โจ๊กน้ำแข็งของเจ้าจะราคาเท่าไหร่กันเชียว—“
ฟังฟู่เฉินและโม่ฉือชิงเกทับกันไปมา โม่เหลิ่งเหยียนหมุนตัวเดินออกไป สิ่งที่เขาอยากฟังก็ได้ฟังหมดแล้ว ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ฟังคนบ้าสองคนพล่ามอีก
“ซวนอ๋องท่านจะไปไหนล่ะ?” หยุนหลีถามทั้งๆที่เคี้ยวเนื้อไก่อยู่
“ข้ายังมีธุระ!” โม่เหลิ่งเหยียนตอบโดยไม่หันกลับมา และเดินออกไปเลย
หยุนซูที่เดินถึงหน้าประตู พอเห็นซวนอ๋องไปแล้ว ก็ออกไปส่งเขาด้วยตัวเอง จากนั้นกลับมาดุหยุนหลีที่ห้องพิเศษชุดใหญ่ ไม่ให้นางทำเรื่องเช่นนี้อีกในครั้งต่อไป
โม่เหลิ่งเหยียนที่ออกจากร้านเนื้อย่าง เห็นลูกน้องตนหิ้วขอทานคนหนึ่งเข้ามาหา
“เรื่องอะไร?” น้ำเสียงเย็นเยียบของโม่เหลิ่งเหยียนทำเอาคนขนหัวลุก
ซูซินโหรวคุกเข่าลงกับพื้นทันที “ซวนอ๋องไว้ชีวิตด้วย ข้าสำนึกผิดแล้ว ระยะนี้ข้าถูกคนชั่วลักพาตัวไปขาย แต่งกับคนฆ่าหมู ทุกวันโดนทรมานจนอยู่ไม่สู้ตาย
ขอร้องซวนอ๋องได้โปรดละเว้นชีวิตข้าด้วย ไม่ว่าท่านจะให้ข้าทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น ต่อให้เป็นวัวเป็นควาย ขอเพียงซวนอ๋องยอมละเว้นชีวิตข้า ข้ายังไม่อยากตาย!”
หลังจากซูซินโหรวหนีออกจากหมู่บ้านนั้นได้ ก็ได้นายพรานคนหนึ่งช่วยไว้ รักษาตัวอยู่ยี่สิบกว่าวันถึงหายดี
นายพรานคนนั้นไม่เลวเลย ให้ของกินแก่นาง ซูซินโหรวซาบซึ้งน้ำใจเขานัก นางมิมีเงินทองติดตัวเลย ได้แต่ใช้ร่างกายทดแทนคุณ นางมีสัมพันธ์กับนายพรานอยู่หลายคืน และยังสัญญาว่าจะให้เงินทองแก่เขา นายพรานถึงเห็นด้วยในการส่งซูซินโหรวกลับมา
เพียงแต่ทั้งคู่พึ่งเข้าเมือง ก็โดนลูกน้องของซวนอ๋องพบเข้า นายพรานตกใจจนหนีหายไป ซูซินโหรวถูกจับกลับมา
ตอนนี้ซูซินโหรวเสียใจยิ่งนัก นางไปหาเรื่องสร้างข่าวใส่ร้ายหยุนถิงกับซวนอ๋องทำไมกัน อยู่เฉยๆมิได้รึ เพราะความริษยาไม่พอใจ ตอนนี้ทำให้ตนตกอยู่ในสภาพคนมิใช่ผีมิเชิงเช่นนี้ มีบ้านก็กลับไม่ได้ โดนทรมานจนอยู่ไม่สู้ตาย
“ท่านอ๋อง นี่คือซูซินโหรว นางหลบหนีออกจากหมู่บ้านนั่น และยังแต่งตัวเป็นขอทานกลับมาเมืองหลวง โดนข้าน้อยพบเข้าพอดี เลยนำตัวนางกลับมาให้ท่านสั่งการขอรับ!” ลูกน้องรายงาน
ดวงตาคมปลาบของโม่เหลิ่งเหยียนเหล่มองซูซินโหรวอย่างไม่แยแส “ข้าไม่เคยทิ้งหอกข้างแคร่เอาไว้!”
คำพูดเดียวเท่ากับตัดสินโทษตายให้กับซูซินโหรว
“ซวนอ๋อง ข้ายังมีประโยชน์กับท่านนะ ต่อให้ท่านให้ข้าจับตาดูใครไว้ หรือวางยาพิษใคร หรือเป็นตัวแทนของคนมา ทั้งนั้น ขอเพียงอย่าฆ่าข้า!” ซูซินโหรวอ้อนวอน
นางโขกศีรษะเต็มแรง หน้าผากกระแทกลงพื้น ไม่นานก็เลือดออก แดงไปทั้งแถบ
แต่นางกลับไม่คิดหยุดเลยสักนิด ซูซินโหรวรู้ว่านี่เป็นโอกาสเดียวของนาง หากไม่คว้าไว้ น่ากลัวจะต้องกลายเป็นศพแล้ว
โม่เหลิ่งเหยียนไม่คิดเลยว่า ซูซินโหรวจะทำได้ถึงเพียงนี้เพื่อให้มีชีวิตรอด
แต่นางมีคำพูดหนึ่งเตือนตน โม่เหลิ่งเหยียนเหล่มองเรือนร่างบอบบางผอมซูบ ดวงตาดำมืดหม่นหมองลง
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะให้โอกาสรอดแก่เจ้า พานางไปที่เหมืองแร่ชานเมืองทางทิศตะวันออก”
“ขอบคุณซวนอ๋อง ขอบคุณมาก!” ซูซินโหรวซาบซึ้งใจนัก
ขอเพียงอยู่รอด ให้ทำอะไรนางก็ยอม
ลูกน้องพาตัวซูซินโหรวไปทันที โม่เหลิ่งเหยียนหมุนตัวกลับจวนตน
เขาพึ่งเดินเข้าห้องโถง ก็จับสังเกตกลิ่นอายคนบางคนในอากาศได้ “มาแล้วยังไม่ปรากฏตัวอีก!”
หมิงจิ่วซางปรากฏร่างทันที “น่าเบื่อ โดนเจ้าจับได้ตลอดเลย!”
“มาหาข้าทำไม?” โม่เหลิ่งเหยียนถาม
“คนของข้าส่งข่าวกลับมาว่า องค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นเทียนจิ่ว กักบริเวณเริ่นเซวียนเอ๋อร์กับตาเฒ่าเหอ คงอยากให้ตาเฒ่าเหอปรุงยาให้กระมัง อ๋องเก้าแห่งแคว้นเป่ยลี่กำลังมาที่ต้าเยียน ได้ยินว่ามาแต่งงานเจริญสัมพันธไมตรี!” หมิงจิ่วซางตอบ
โม่เหลิ่งเหยียนสีหน้าเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง “จวินหย่วนโยวทรมานเซียจิ่วเซียวเสียขนาดนั้น และยังบอกให้องค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นเทียนจิ่วมาด้วยตัวเองอีก ดูท่ายาพิษนี้จะเตรียมไว้ให้จวินหย่วนโยว
ส่วนอ๋องเก้าแห่งแคว้นเป่ยลี่ เขาว่างเสียจริงนะ กล้ามาแต่งงานเจริญสัมพันธไมตรีที่ต้าเยียนอีก รู้หรือยังว่าคู่แต่งงานเป็นใคร?”
เดิมหมิงจิ่วซางอยากบอกว่าไม่รู้ แต่พอคิดถึงคำพูดลูกน้องที่ว่า โม่เหลิ่งเหยียนดูไม่ธรรมดากับคุณหนูหลี หลายครั้งที่หยุนหลีเข้าใกล้ เขากลับไม่ซัดนางกระเด็น ดังนั้นหมิงจิ่วซางเลยแกล้งบอก
“ข่าวน่าเชื่อถือ น่าจะเป็นคุณหนูหลี!”
“หยุนหลี?” โม่เหลิ่งเหยียนขมวดคิ้วน้อยๆ