จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 536 ขอโทษนะ ข้าทำให้ท่านเดือดร้อนไปด้วยเลย
ชางหลันเย่คารวะอย่างมีนอบน้อม “คารวะไท่เฟย เย่เอ๋อร์กลับมาแล้วขอรับ!”
“กลับมาก็ดีแล้ว ข้าจำได้ว่าตอนเจ้าไปแคว้นต้าเยียนในตอนนั้นเพิ่งจะอายุแค่สิบขวบ มาวันนี้เติบใหญ่มากขนาดนี้แล้ว รีบมาให้ข้าดูหน้าหน่อยเร็ว” ไท่เฟยตื่นเต้นจนจับมือชางหลันเย่เอาไว้
“ครั้งนี้เย่เอ๋อร์ไท่เฟยมาแทนเสด็จพ่อ หลายปีมานี้ไท่เฟยสบายดีไหม?” ชางหลันเย่ถามขึ้นมา
“ข้าสบายดีทุกอย่าง ตั้งแต่ที่ฮ่องเต้องค์ก่อนจากไปแล้ว ข้าก็มาอยู่ที่วัดหนิงอาน ตอนนี้ก็เป็นคนที่ขาข้างหนึ่งก้าวเข้าอยู่ในโลงศพแล้ว ยังสามารถมองเห็นหน้าเจ้าตอนมีชีวิตอยู่ได้ ข้าก็รู้สึกพอใจแล้ว” ไท่เฟยลากชางหลันเย่ไปแล้วพูดเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเองไปมากมาย
จนใกล้ถึงเวลาจื่อแล้ว ยังไงไท่เฟยก็อายุมากแล้วอดนอนไม่ไหว ถึงได้ยอมกลับไปพักผ่อน
ชางหลันเย่กลับไปพักผ่อนที่ห้องรับรองแขก เจว๋เฟิงรีบเดินเข้ามา “ฝ่าบาท ทุกอย่างในวัดหนิงอานเป็นปกติดี มีแต่แม่ชีพวกหนึ่งเท่านั้น ไม่มีอะไรผิดปกติขอรับ”
“เจ้าให้คนคอยแอบคุ้มครองไท่เฟยเอาไว้ ในเมื่อหยางเฟยทำไม่สำเร็จในระหว่างทาง ก็ต้องมาลงมือในวัดหนิงอานแน่ แล้วไท่เฟยก็เป็นเป้าหมายที่ดีที่สุด!” ชางหลันเย่พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเย็นชา
“ขอรับ!” เจว๋เฟิงรีบไปปฏิบัติตาม
แล้วผลปรากฏว่า ในช่วงกลางดึกมีคนเข้าไปในห้องของไท่เฟยจริง ๆ คนคนนั้นกำลังจะแทงไท่เฟย ก็ปรากฏว่าถูกเจว๋เฟิงพบเห็นเข้าพอดี แล้วก็จับตัวไว้ได้
เจว๋เฟิงรีบพาคนไปพบชางหลันเย่ ชางหลันเย่เองก็แค่เหล่ตามองอย่างเย็นชาทีหนึ่ง “พาตัวออกไป แล้วจัดการให้เรียบร้อย!”
“ขอรับ!”
หลังเที่ยงคืนไป มีคนมาลอบฆ่าไท่เฟยอีกหลายชุด แต่ล้วนถูกคนที่ชางหลันเย่สั่งให้แอบไปคุ้มครองอยู่ในที่ลับขัดขวางเอาไว้ ทีแรกนึกว่าพอเป็นแบบนี้แล้วก็จะไม่มีเรื่องอะไร แต่ว่าวันที่สองไท่เฟยก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาได้เช่นกัน
ชางหลันเย่มีสีหน้าเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง แล้วก็รีบสั่งให้คนปิดล้อมวัดหนิงอานเอาไว้ ห้ามคนเข้าออก เพื่อจะสืบหาผู้ร้าย
นอกจากเสด็จแม่แล้ว ไท่เฟยเป็นเพียงคนเดียวที่จริงใจต่อเขา และอยากให้เขากลับมา
เมื่อคืน ไท่เฟยลากชางหลันเย่ไปแล้วคุยเรื่องในตอนเด็กของเขามากมาย จนชางหลันเย่ฟังแล้วรู้สึกแปลกใจมาก
ไท่เฟยอายุมากขนาดนี้แล้ว แต่ยังจำเรื่องราวในตอนเด็กของเขาได้ เรื่องนี้ทำให้ชางหลันเย่รู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก
เพราะฉะนั้น เขาจึงไม่อยากให้เกิดเรื่องกับไท่เฟย และยิ่งไม่สามารถยอมให้หยางเฟยประสบความสำเร็จได้
ไม่นานเจว๋เฟิงก็สืบหาสาเหตุที่ทำเจอ เพราะว่ามีคนแอบทำอะไรตุกติกกับกำยานของไท่เฟย แอบใส่ผงดอกยี่โถเข้าไป!
“ใครเป็นคนรับผิดชอบดูแลชีวิตประจำวันของไท่เฟย?” ชางหลันเย่ถามเสียงเย็นขึ้นมา
มามาคนหนึ่งคุกเข่าลงเสียงดังตุ๊บทีหนึ่ง “ฝ่าบาท บ่าวเอง บ่าวเป็นคนดูแลชีวิตประจำวันของไท่เฟยมาตลอด แต่ว่าบ่าวไม่ได้ทำอะไรกับกำยานจริง ๆ นะ ขอให้ฝ่าบาทช่วยตรวจสอบให้ชัดเจนด้วย!”
ชางหลันเย่เหล่ตามองมามาคนนั้นทีหนึ่ง มามานั่นมีหน้าขาวซีด ดูตกใจเป็นอย่างมาก แต่สายตาไม่ได้หลบหลีก กลับมองไปที่ไท่เฟยอย่างเป็นกังวล
“จะใช่เจ้าหรือเปล่า ตรวจสอบสักหน่อยก็รู้แล้ว ข้าได้ยินมาว่ามีอยู่วิธีหนึ่ง ไม่ว่ามือของใครที่เคยแตะต้องดอกยี่โถมาแล้วจะมีกลิ่นหลงเหลืออยู่ ทหารเอาน้ำมากะละมังหนึ่ง!” ชางหลันเย่ออกคำสั่งไป
“ขอรับ!” องครักษ์คนหนึ่งรีบยกน้ำสะอาดมา
เจว๋เฟิง ยังเทของบางอย่างใส่เข้าไปนั้น “ฝ่าบาท ไม่ว่าใครที่มาล้างมือ ถ้าน้ำเปลี่ยนเป็นสีแดงไปก็แสดงว่าเป็นคนร้ายพ่ะย่ะค่ะ”
“งั้นก็เริ่มต้นเถอะ!” น้ำเสียงที่เย็นชาของชางหลันเย่ ไม่ปล่อยให้คนสงสัยสักนิด
“ฝ่าบาท บ่าวยินดีที่จะลองเป็นคนแรกพ่ะย่ะค่ะ” จงมามาที่พูดเมื่อกี้ ต้องการยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง จึงเป็นคนแรกที่มาล้างมือ
ผู้คนล้วนเบิกตากว้างจ้องมองไป น้ำไม่ได้เปลี่ยนสี
“ฝ่าบาท ไม่ใช่บ่าว ท่านรีบดูเร็ว!” มามาพูดขึ้นมาอย่างซาบซึ้ง
“ดี คนต่อไป!” ชางหลันเย่หึเสียงขึ้นมาคำหนึ่ง
คนอื่น ๆ รีบกรูกันเข้ามา จากนั้นแต่ละคนก็เข้ามาล้างมือแล้วน้ำก็ไม่ได้เปลี่ยนสี สีหน้าของชางหลันเย่ก็ยิ่งเคร่งเครียดขึ้นมา
อันที่จริงเขาไม่มีวิธีการอะไรเลย เพียงแต่หยุนถิงเคยบอกไว้ว่า ในเป็นตอนที่ไม่มีวิธีการอะไรแล้วจริง ๆ ก็ได้แต่เอาวิธีการบางอย่างมาทดลองจิตใจคนเท่านั้น
ชางหลันเย่กำลังครุ่นคิดอยู่ ก็มีองครักษ์ลับคนหนึ่งจับกุมตัวแม่ชีคนหนึ่งเข้ามา “ฝ่าบาท เมื่อกี้แม่ชีคนนี้คิดจะหนี ข้าน้อยก็เลยจับตัวนางมาพ่ะย่ะค่ะ!”
แม่ชีตื่นตกใจและเจ้าเล่ห์ “ฝ่าบาท ข้าไม่ได้เป็นคนทำร้ายไท่เฟยนะ ข้าแค่ท้องเสียเท่านั้น จึงอยากไปเข้าห้องน้ำ!”
“งั้นทำไมเจ้าต้องปีนกำแพงห้องน้ำออกไปด้วย?” คำพูดประโยคเดียวขององครักษ์ลับ บอกเล่าถึงความสงสัยในตัวแม่ชีออกมา
“ทำไมถึงเป็นเจ้า ปกติไท่เฟยปฏิบัติกับเจ้าไม่ดีหรือ เดือนที่แล้วน้อยชายบ้านเจ้าติดหนี้พนัน ไท่เฟยยังเป็นคนช่วยเจ้าชดใช้หนี้ ทำไมเจ้าถึงได้จิตใจชั่วช้าแบบนี้ กล้ามาทำร้ายไท่เฟยได้!” จงมามาตะคอกขึ้นมาอย่างโกรธเคือง
แม่ชีคนนั้นเริ่มลนลานขึ้นมา “ข้าไม่ได้จะทำร้ายไท่เฟย ยานั่นแค่ทำให้ไท่เฟยหลับไปไม่กี่วันเท่านั้น อีกไม่กี่วันก็ตื่นขึ้นมาเอง”
คำพูดประโยคเดียว ก็เท่ากับว่าสารภาพออกมาเองแล้ว
ชางหลันเย่เดือดพานขึ้นมา สีหน้าเยือกเย็นและเย็นชา คว้าคอแม่ชีคนนั้นมาบีบไว้ สายตาโหดเหี้ยมจ้องมองไปที่นางอย่างดุเดือด “ใครเป็นคนสั่งให้เจ้ามาทำร้ายไท่เฟย สารภาพออกมาเดี๋ยวนี้”
น้ำเสียงที่เฉียบขาด ทำให้คนฟังแล้วรู้สึกขนหัวลุก
แม่ชีรู้สึกหายใจลำบาก พอเห็นสีหน้าที่กระหายเลือดของไท่จื่อ ก็ตกใจแทบตาย “แคร๊ก แคร๊ก คือ คือ…… ……”
อยู่ ๆ ก็มีลูกดอกอันหนึ่งบินมาจากที่ลับ แม่ชียังไม่ได้พูด ก็ขาดใจตายไปก่อนเลย
“ไอ้สมควรตายเอ๊ย รีบไปตรวจสอบมาให้ข้า ไม่ว่าใครที่กล้ามาทำร้ายไท่เฟย ข้าจะไม่มีทางปล่อยมันไว้แน่!” ชางหลันเย่สะบัดแม่ชีคนนั้นทิ้งไป
คนอื่น ๆ ตกใจกันแทบตาย ไม่มีใครกล้าขยับแม้แต่ก้าวเดียว อย่างกับกลัวว่าตัวเองจะได้รับผลกระทบไปด้วย
คราวนี้ชางหลันเย่เพิ่งจะมองไปที่ไท่เฟย แล้วล้วงยาถอนพิษเม็ดหนึ่งที่หยุนถิงเคยให้เขาไว้ออกมาให้ไท่เฟยกินไป ไม่นานไท่เฟยก็ตื่นขึ้นมา
“ขอโทษด้วยนะไท่เฟย ข้าทำให้ท่านต้องเดือดร้อนไปด้วย!” ชางหลันเย่บอกเล่าเรื่องราวไปรอบหนึ่ง
“เด็กโง่ เรื่องนี้จะโทษเจ้าได้ยังไงกัน อยู่ ๆ เจ้าก็กลับมาแน่นอนว่าต้องไปกระทบถึงผลประโยชน์ของผู้คนมากมาย เจ้าสามารถปกป้องข้าได้อย่างนี้ ข้ารู้สึกดีใจมากแล้ว” ไท่เฟยเอาแหวนวงหนึ่งออกมาจากลิ้นชักลับอันหนึ่งใต้เตียง
ชางหลันเย่เบิกตากว้างขึ้น “นี่คือ?”
“นี่คือกองกำลังสิบแปดเหล่าทัพที่ซีชานของข้า ซึ่งก็คือกองกำลังที่ฮ่องเต้องค์ก่อนให้ข้าไว้ ตอนนี้ข้าแก่แล้ว ซึ่งก็มีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่วัน ทีแรกข้ายังกลัวว่าจะทำให้คำสั่งเสียของฮ่องเต้องค์ก่อนต้องสูญเปล่าไป ตอนนี้ข้าได้เอากองกำลังนี่มอบให้กับเจ้าแล้ว ข้าก็วางใจแล้ว” ไท่เฟยตอบกลับไป
แน่นอนว่าชางหลันเย่รู้จักกองกำลังสิบแปดเหล่าทัพนี้ นั่นเป็นกองกำลังชนเผ่าเร่ร่อนที่ไปร่วมออกรบกับฮ่องเต้องค์ก่อน ต่อมาพอแคว้นชางเยว่รวมเป็นหนึ่งเดียวแล้ว ฮ่องเต้องค์ก่อนก็ไม่ได้รวมพวกเขาเจ้ามาอยู่ในกองทัพด้วย แต่ให้ดำรงอยู่ตามลำพัง แล้วก็เอามาควบคุมพละกำลังสำคัญในเมืองหลวงด้วย
“เย่เอ๋อร์จะไม่ทำให้คำสั่งของไท่เฟยต้องสูญเปล่า จะทำให้แคว้นชางเยว่กลับไปรุ่งเรืองอย่างตอนฮ่องเต้องค์ก่อนอยู่ให้ได้!” ชางหลันเย่สาบานขึ้นมา
“ดี ดีมาก ถ้าข้าไปยังปรโลก ก็จะได้มีคำอธิบายให้กับฮ่องเต้องค์ก่อนแล้ว!” ไท่เฟยพูดขึ้นมาอย่างดีใจ
หลายปีมานี้ฮ่องเต้อยากจะแย่งกองกำลังพวกนี้ไปจากมือไท่เฟยมาตลอด แน่นอนว่าไท่เฟยรู้ดี เพียงแต่นางแสร้งทำเป็นหูหนวกตาบอดไม่ยอมส่งมอบให้เท่านั้น และไท่เฟยก็กลัวว่ากองกำลังพวกนี้จะไปตกอยู่ในมือหยางเฟยเข้า แล้วจะทำให้แคว้นชางเยว่ล่มจมไป มาวันนี้นางรอจนชางหลันเย่กลับมาได้แล้ว ก็ถือว่าได้สมปรารถนาในใจแล้ว
……
ที่แคว้นต้าเยียน จวนซื่อจื่อ
ตั้งแต่จวินหย่วนโยวสั่งคนให้ส่งวัวนมมาไว้ที่จวน ตอนนี้หยุนถิงจะไปเลี้ยงวัวนมที่สวนหลังจวนทุกวัน ได้จ้องมองพวกมันกินหญ้าเขียวไป หยุนถิงก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
จวินหย่วนโยวเห็นหยุนถิงยิ้มจนตาหยีให้กับวัวตัวหนึ่ง แล้วก็รู้สึกหมดคำพูด
แต่ว่าหยุนถิงดีใจมากขนาดนี้ จวินหย่วนโยวเองก็ดีใจไปด้วย เขารีบให้รั่วจิ่งไปเอากระดาษกับพู่กันมา แล้วเริ่มวาดภาพให้กับหยุนถิงเลย