จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 537 ข้ารักเจ้าเข้ากระดูก

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 537 ข้ารักเจ้าเข้ากระดูก

หยุนถิงหันหน้ามาก็เห็นซื่อจื่อกำลังวาดรูปตัวเองอยู่ ๆ ดวงตาก็ยิ่งยิ้มอย่างมีความสุขมากขึ้น “ฟูจวิน ท่านต้องวาดข้าให้สวย ๆ หน่อยนะ”

“ถิงเอ๋อร์งามล่มแคว้นล่มเมือง และงดงามที่สุดแห่งยุคอยู่แล้ว ข้าไม่ต้องพูดเกินจริงหรอก!” จวินหย่วนโยวพูดขึ้นมาอย่างรักใคร่

หยุนถิงรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก แล้วยิ้มเสียงเบาขึ้นมา “งั้นฟูจวินชอบความงดงามของข้าหรือ?”

“หญิงสาวที่สวยงามและอ่อนหวาน ช่างเหมาะสมกับข้ายิ่งนัก!”

“ถ้าเกิดวันหนึ่งในอนาคตข้างหน้า ข้าเกิดกลายเป็นผู้หญิงน่าเกลียดไป เหมือนอย่างเมื่อก่อน ท่านยังจะรักข้าอีกไหม?” หยุนถิงตั้งใจหยอกล้อเขา

“เมื่อก่อน ข้าก็ไม่เคยรังเกียจเจ้า!” จวินหย่วนโยวพูดขึ้นมาอย่างเคร่งขรึม

นอกจากคำพูดแล้ว เมื่อก่อนหยุนถิงก็น่าเกลียดมาก ตอนที่รูปโฉมยังไม่กลับมาเหมือนเดิม เขาก็ปฏิบัติกับนางเช่นนี้

หยุนถิงครุ่นคิดดูแล้วก็ใช่ “ยังไงก็ฟูจวินของข้าดีที่สุด ไม่ได้ดูแต่เปลือกนอก แสดงว่าข้าเลือกคนไม่ผิดจริง ๆ”

รอยยิ้มในดวงตาจวินหย่วนโยวลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น ยกพู่กันขึ้นมาแล้วก็วาดภาพต่อไป

หยุนถิงตั้งใจตั้งท่าไปหลายแบบ อยากให้ซื่อจื่อวาดตัวเองให้สวยขึ้นมาอีกหน่อย แต่ปรากฏว่าซื่อจื่อไม่ได้มองตัวเองด้วยซ้ำ แค่ก้มหน้าก้มตาวาดภาพต่อไป

“ซื่อจื่อ ท่านไม่ต้องมองข้าเลยหรือ?” หยุนถิงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา

“ข้ารักเจ้าเข้ากระดูกแล้ว ทุกท่าทางทุกรอยยิ้มของเขาล้วนสลักอยู่ในสมองของข้า แน่นอนว่าไม่ต้องดูอยู่แล้ว!” จวินหย่วนโยวตอบกลับมา

หยุนถิงส่งเสียงหัวเราะออกมา ซื่อจื่อนี่พูดจาเป็นชุด ๆ เลย

“คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าซื่อจื่อจะปากหวานเช่นนี้!” เสียงหัวเราะสดใสเสียงหนึ่งดังลอยมา แล้วหยุนไห่เทียนก็เดินเข้ามา

“ท่านพี่!” หยุนเสี่ยวลิ่ววิ่งเข้ามา

“คุณหนูใหญ่!” เสี่ยวอันจื่อก็ตามมาด้วย

หยุนถิงเห็นพวกเขาสามคนมา ก็รู้สึกดีใจมาก “พี่ใหญ่ เสี่ยวลิ่ว เสี่ยวอันจื่อพวกท่านมาได้ยังไงกัน?”

“วันนี้เป็นวันพักผ่อน พวกเขาสองคนบอกว่าจะมาเยี่ยมเจ้า ส่วนข้าเองก็มีธุระจะมาหาเจ้าพอดี ก็เลยมาพร้อม!” หยุนไห่เทียนพูดอธิบายขึ้นมา

“ดีจังเลย ข้าเอาก็คิดถึงพวกท่านเช่นกัน!” หยุนถิงพูดขึ้นมา

“ท่านพี่ วัวนี้นี่ไม่สบายหรือ ทั้งตัวทำไมขาวฝืนหนึ่ง ดำฝืนหนึ่งแบบนี้?” หยุนเสี่ยวลิ่วถามขึ้นมาอย่างแปลกใจ

ถึงแม้ว่าเขาจะชอบกินชานม แต่ก็ไม่เคยเป็นวัวนมมาก่อน และแน่นอนว่าชายชราใจจวนเฉิงเซี่ยงไม่มีทางไปที่ทุ่งเลี้ยงสัตว์แน่

“นี่คือวัวนม เอานมของพวกมันมาทำชานม!” หยุนถิงตอบกลับไป

“นี่คือวัวนมหรือ หน้าตาน่าเกลียดจังเลย แต่ว่าชานมอร่อยมากจริง ๆ ท่านพี่ ข้ากับเสี่ยวอันจื่อฝึกวิธีต่อยหมัดใหม่ได้แล้ว เดี๋ยวจะต่อยให้ท่านดูสักหน่อยนะ!” หยุนเสี่ยวลิ่วลากตัวเสี่ยวอันจื่อมาก็เริ่มต่อยเลย

หยุนไห่เทียนส่ายหัวขึ้นมาอย่างเบื่อหน่าย “เจ้าเด็กสองคนนี้ อยู่ในค่ายทหารมีพละกำลังกระฉับกระเฉงเป็นอย่างมากเลย”

ม่อเซิงที่อยู่ในครัว พอได้ยินพ่อบ้านบอกว่าคุณชายเสี่ยวลิ่วมาแล้ว เขาก็บอกกับพ่อครัวหลิวคำหนึ่ง แล้วก็รีบออกไปพร้อมกับจิ่งไป๋เลย

พอหยุนถิงเห็นพวกเขาสองคนมาแล้ว ก็รู้สึกดีใจมาก “พวกเจ้าก็มาด้วยหรือ ดูซิเสี่ยวลิ่วกับเสี่ยวอันจื่อฝึกฝนได้เป็นอย่างไรบ้าง”

จิ่งไป๋กับม่อเซิงจ้องมองเสี่ยวอันจื่อกับหยุนเสี่ยวลิ่วต่อยกันได้อย่างยอดเยี่ยม ก็รู้สึกชื่นชมและอิจฉามาก

พอต่อยกันครบชุดเสร็จ หยุนเสี่ยวลิ่วกับเสี่ยวอันจื่อก็หายใจหอบขึ้นมา “ท่านพี่ เป็นยังไงบ้าง?”

“ไม่เลวเลย ต่อยได้ดี ความเร็วตอนออกหมัดกับแรงก็ใช้ได้ ดูท่าช่วงที่ผ่านมาพวกเจ้าจะฝึกฝนในค่ายได้ไม่เลวเลย เดี๋ยวเที่ยงวันนี้เพิ่มน่องไก่ให้เลย!” หยุนถิงพูดชื่นชมขึ้น

“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ข้าก็มาเพื่อน่องไก่ของบ้านท่านแหละ!” หยุนเสี่ยวลิ่วพูดอย่างไม่เกรงใจ

“แนะนำกับพวกเจ้าหน่อยนะ นี่คือจิ่งไป๋ กับม่อเซิง เป็นคนของจวนซื่อจื่อทั้งนั้น พวกเจ้าคบหากันดี ๆ ล่ะ” หยุนถิงเปิดปากพูดขึ้นมา

“ในเมื่อพวกท่านเป็นคนของพี่สาวข้า งั้นก็เป็นคนของข้าด้วยเช่นกัน ต่อไปถ้าเจอเรื่องลำบากอะไรก็มาหาข้าได้ทุกเมื่อ!” หยุนเสี่ยวลิ่วพูดขึ้นอย่างใจกว้าง

จิ่งไป๋กับม่อเซิงมีความหวาดระแวงเล็กน้อย พอเห็นหยุนเสี่ยวลิ่วไม่ได้รังเกียจพวกเขา ก็รู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก แล้วพวกเด็ก ๆ ก็เริ่มเล่นด้วยกันขึ้นมา

“น้องหญิง หนังสือศิลปะแห่งสงครามเล่มที่เจ้าให้ข้ามาคราวที่แล้ว มันประณีตมากจริง ๆ มีหลายจุดที่ข้าไม่เข้าใจ เพราะฉะนั้นก็เลยจะมาปรึกษากับเจ้าสักหน่อย!” หยุนไห่เทียนเปิดปากพูดขึ้น

“ได้!”

แล้วพวกหยุนถิงก็เลยมาที่ห้องโถงด้านหน้า หยุนไห่เทียนกับหยุนถิงพูดคุยกันอย่างออกรส แต่จวินหย่วนโยวกลับนั่งอยู่ข้าง ๆ แล้วฟังไปอย่างเงียบ ๆ

ตอนที่พ่อบ้านยกขนมมานั้น ก็เห็น ซื่อจื่อนั่งจ้องมองซื่อจื่อเฟยอย่างตาแป๋วอยู่ข้าง ๆ แล้วไม่รู้ทำไมอยู่ ๆ พ่อบ้านก็รู้สึกขึ้นมาว่าซื่อจื่อของตัวเองเหมือนหญิงแต่งงานแล้วที่รอความรักและความเห็นใจอยู่

คนใช้คนหนึ่งเดินนำซูชิงโยวเข้ามา “ซื่อจื่อเฟย คุณหนูซูมาขอเข้าพบขอรับ!”

“ชิงโยว เจ้ารีบมานั่งเร็ว ไม่เจอเจ้ามาหลายวันเลย ข้ารู้สึกคิดถึงเจ้าแล้วนะเนี่ย” หยุนถิงพูดขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น

ซูชิงโยวเห็นว่าหยุนไห่เทียนอยู่ด้วย สีหน้าก็ไม่เป็นธรรมชาติขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ยังหิ้วตะกร้าเดินเข้ามา “คารวะจวินซื่อจื่อ แม่ทัพหยุน!”

“อืม” หยุนไห่เทียนพยักหน้าให้เล็กน้อย ถือเป็นการทักทายแล้ว

“นั่งเถอะ!” จวินหย่วนโยวพูดขึ้นมา

“เมื่อหลายวันก่อนเจ้าบอกว่าอยากกินหมูกระตุกไม่ใช่หรือ ข้าก็เลยตั้งใจบอกให้ท่านพ่อส่งคนไปเอามาจากชายแดนทางเหนือ นี่เอามาให้เจ้าหมดแล้ว น่าจะพอให้เจ้ากินไปพักหนึ่งเลย” ซูชิงโยวยื่นมาให้

หยุนถิงรู้สึกซาบซึ้งมาก คิดไม่ถึงว่าคำพูดที่ตัวเองแค่พูดเล่น ๆ นางจะเอาไปใส่ใจเช่นนี้

“ขอบใจมาก ช่วงนี้กิจการโจ๊กน้ำแข็งเป็นยังไงบ้าง?” หยุนถิงถามขึ้นมา

“ก็ไม่เลว พอโจ๊กน้ำแข็งกับลูกชิ้นเสนอขายออกมา ก็ขาดตลาดเลย แต่ละวันก็มีของไม่พอขาย ฟู่ซื่อจื่อยังมาแข่งกับข้าอย่างปัญญาอ่อนว่าใครจะขายหมดก่อน ต้องขอบคุณความคิดของเจ้ามาก ขอบคุณมากนะหยุนถิง!” ซูชิงโยวพูดซาบซึ้งขึ้นมา

“ระหว่างเราไม่ต้องเกรงใจกันหรอก เดี๋ยวอยู่กินข้าวเที่ยงด้วยกันนะ” หยุนถิงเสนอความคิดเห็นขึ้นมา

ซูชิงโยวมองไปทางหยุนไห่เทียนโดยอัตโนมัติ แล้วรีบปฏิเสธขึ้นว่า “ไม่ล่ะหยุนถิง ในร้านข้ายังมีเรื่องให้ทำอีก ต้องขอตัวก่อนนะ!” พูดจบ ก็ลุกขึ้นแล้วเดินจากไปเลย

“น้องหญิง ข้าดูน่ากลัวมากหรือ?” หยุนไห่เทียนถามขึ้นมา

“ไม่หรอก” หยุนถิงตอบกลับไป

“งั้นทำไมพอคุณหนูซูเห็นข้าแล้ว ก็มีท่าทีอย่างกับเห็นผีเลย?”

หยุนถิงยังไม่ทันได้เปิดปากพูด หยุนเสี่ยวลิ่วก็พูดขึ้นมาก่อนแล้วว่า “พี่ใหญ่ท่านนี่มีสมองเป็นท่อนไม้จริง ๆ พี่หญิงซูชอบท่าน แต่ท่านกลับไม่ชอบนาง แถมยังปฏิเสธอีก คนเขาเห็นหน้าท่านแล้วจะเป็นธรรมชาติได้ยังไงกัน”

หยุนไห่เทียนเพิ่งจะนึกถึงเรื่องที่ตัวเองปฏิเสธซูชิงโยวไปเมื่อคราวที่แล้ว ก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย “ไอ้เด็กนี่ เจ้าจะไปรู้เรื่องอะไร?”

“ข้าก็ต้องรู้อยู่แล้ว พี่หญิงซูเป็นคนดีจะตายไป ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนจะน่าเกลียด แต่ท่านพี่ก็รักษาหน้านางหายแล้ว นางเป็นคนมัธยัสถ์และรักครอบครัว แถมยังทำธุรกิจเป็น สิ่งที่สำคัญคือเป็นเพื่อนกับท่านพี่ ถ้าข้าอายุเยอะกว่านี้หน่อย จะต้องแต่งงานกับนางแน่ ๆ เมื่อวานข้าได้ยินจ้าวหู่บอกว่าอายุไม่ถึง ก็เป็นสามีเด็กได้ เดี๋ยวข้าจะลองไปดูที่บ้านตระกูลซูดู” หยุนเสี่ยวลิ่วทำหน้าผีขึ้นมาทีหนึ่ง

แก้วชาในมือหยุนไห่เทียนบินออกไปโดยตรงเลย “หุบปากของเจ้าซะ ถ้าท่านพ่อรู้เรื่องความคิดนี้ของเจ้า จะต้องถลกหนังเจ้าแน่ ๆ”

“เรือล่มในหนองทองจะไปไหน โอ๊ยท่านพี่ช่วยด้วย!” หยุนเสี่ยวลิ่วรีบวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว

ถ้าถูกพี่ใหญ่จับตัวได้ จะต้องถูกตีจนตูดบานแน่นอน

หยุนถิงถูกทำให้หัวเราะเลย “เจ้าเด็กอย่างเจ้านี่ ถึงแม้คำพูดนี้จะมั่วไปหน่อย แต่ก็ยังมีเหตุผลอยู่บ้างเหมือนกัน!”

“เจ้าเล่นมั่ว ๆ ไปกับเขาเถอะ” หยุนไห่เทียนรู้สึกหมดคำพูด

พอองค์หญิงสามซินฉิงได้ยินว่าแม่ทัพหยุนมาแล้ว ก็รีบเดินมา จากที่ไกล ๆ ก็เห็นพวกหยุนถิงกำลังเฮฮากันอยู่ เป็นภาพที่สนุกสนาน เห็นเขาหัวเราะกันอย่างไม่เกรงกลัวอะไรแบบนั้น ก็รู้สึกอิจฉามากจริง ๆ

นางไม่ได้เดินไป แต่กลับหมุนตัวแล้วเดินจากไป

“องค์หญิง พวกเราไม่ไปแล้วหรือเจ้าคะ?” สาวใช้หยวนจื่อถามขึ้นมา

“ไม่ล่ะ พวกเขาพี่น้องอยู่ด้วยกันอย่างสนิทสนมและมีความสุขกันแบบนี้ ถ้าข้าเข้าไปก็เท่ากับไปทำลายบรรยากาศนะซิ กลับกันเถอะ” องค์หญิงซินฉิงตอบกลับมา

“เจ้าค่ะ!”

พวกหยุนไห่เทียนอยู่กินข้าวกันที่จวนซื่อจื่อแล้วถึงกลับจวนตระกูลหยุน ตอนบ่ายวันนั้น หยุนเสี่ยวลิ่วก็หิ้วขนมไปสองกล่องใหญ่ แล้วไปที่บ้านตระกูลซูอย่างสง่าผ่าเผยเลย

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท