จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 540 ฟูจวินของข้าช่างรู้ใจที่สุดเลย

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 540 ฟูจวินของข้าช่างรู้ใจที่สุดเลย

“ท่านอ๋อง งั้นพวกเราจะทำอะไรบ้างขอรับ?” องครักษ์หยุนตวนถามขึ้นมา

“ในเมื่อองค์หญิงใหญ่จะต่อกรกับจวินหย่วนโยว งั้นข้ารอดูอยู่เฉย ๆ ก็ดีแล้ว ไม่ต้องไปทำอะไรมาก ให้ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันเองแล้วผลประโยชน์ก็จะตกมาเป็นของเราเอง!” โม่ฉือหานพึมพำเสียงเย็นออกมาประโยคหนึ่ง

“ขอรับ!”

โม่ฉือหานต่อยหมัดจนเหงื่อออกมาทั้งตัว จึงกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้อง ตอนที่เปลี่ยนเสื้อผ้า โม่ฉือหานก็เหล่มองเห็นยันต์ป้องกันภัยอันนั้น

เขาเอาขึ้นมาดมอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว กลิ่นแบบนี้ เป็นเหมือนกับของที่ฟ่านเสี่ยรั่วให้เข้ามาก่อนหน้านี้

อยู่ ๆ โม่ฉือหานก็นึกถึงคำพูดของหยุนถิงขึ้นมา ถ้าหากยันต์ป้องกันภัยอันนี้มีปัญหา งั้นตอนนี้ก็คือการยืนยันที่ดีที่สุดแล้ว

ดังนั้นโม่ฉือหานจึงลังเลไปครู่หนึ่ง แล้วก็เอายันต์ป้องกันภัยแขวนไว้บนเสื้อผ้าชุดใหม่ที่เพิ่งเปลี่ยน เขาไม่มีทางเชื่อหรอกว่าฟ่านเสี่ยรั่วจะวางยาพิษใส่ตัวเอง ต้องเป็นการยุแยงตะแคงรั่วของหยุนถิงแน่

โม่ฉือหานแต่งกายเรียบร้อยแล้ว ก็ให้คนเตรียมรถม้ามาแล้วก็เข้าวังไปเลย

ในช่วงที่เขาป่วยหนักนี้ จวนหลีอ๋องจะกลายเป็นจวนเย็นไปแล้ว ตอนนี้โม่ฉือหานหายแล้ว ก็จะต้องให้พวกนกสองหัวที่เคยมาประจบตัวเองในยามปกติ แต่ช่วงเวลาคับขันกลับหนีหายไปดูสักหน่อย ว่าเขายังคงเป็นหลีอ๋องที่มีอำนาจเช่นเดิม

ที่พระราชวัง

พอฮ่องเต้เห็นว่าหลีอ๋องหายแล้วจริง ๆ ก็รู้สึกดีใจมาก “ช่วงนี้ข้ากำลังยุ่งเรื่องในพระราชวัง จนอยากแยกร่างอยู่แล้ว มาตอนนี้เจ้าหายดีแล้ว ก็มาช่วยข้าได้พอดีเลย!”

“เสด็จพี่รับสั่งมาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ!” หลีอ๋องเปิดปากพูดขึ้นมาอย่างนอบน้อม

“เซียจิ่วเซียวแกล้งตายในคุกหลวง นักโทษคนหนึ่งในคุกหลวงหลบหนีไป ดังนั้นข้าต้องการให้เจ้าจับเส้นสายในพระราชวังออกมา ช่วงหลายวันมานี้ข้าให้คนคอยแอบตรวจสอบอยู่ แต่ก็สืบหาอะไรไม่เจอ คาดว่าสายลับนี่ต้องซ่อนตัวไว้อย่างลึกซึ้งแน่ เจ้าเป็นคนที่ข้าเชื่อถือที่สุด เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จะมอบให้เจ้าเป็นคนไปจัดการก็แล้วกัน!” ฮ่องเต้พูดขึ้นมาด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

“ข้าน้อยน้อมรับคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ!” โม่ฉือหานรับคำสั่งไป

ช่วงหลายวันต่อมา ทุกคนก็ได้ยินว่าโม่ฉือหานจับสายลับในพระราชวังได้ไม่น้อย ฮ่องเต้ให้ความสำคัญกับเขาเป็นอย่างมาก และตกรางวัลไปไม่น้อย

พวกขุนนางนกสองหัวก่อนหน้านี้ พอได้ยินว่าหลีอ๋องได้รับความสำคัญจากฝ่าบาทใหม่อีกครั้ง ต่างก็พากันนำของขวัญยินดีไปคารวะที่จวนหลีอ๋อง ผลปรากฏว่าโม่ฉือหานเอาทั้งคนทั้งของขวัญโยนทิ้งออกไปหมด แล้วปิดประตูลง ไม่พบเจอใครทั้งนั้น

แน่นอนว่าเรื่องนี้ก็แพร่ไปถึงหูจวินหย่วนโยวกับหยุนถิงอยู่แล้ว

“คิดไม่ถึงเลย ว่าโม่ฉือหานจะขวางของขวัญพวกนั้นไว้นอกประตูได้” หยุนถิงรู้สึกแปลกใจมาก

“ปกติพวกประจบสอพลอ สรรเสริญเยินยอพวกนั้นพอเห็นเขาเสียอำนาจไปก็ต้องหลบเลี่ยงเขาแน่นอน มาตอนนี้พอหลีอ๋องถูกฮ่องเต้ใช้งานอีกครั้ง ก็ต้องไปหาถึงบ้านใหม่แล้ว ถือได้ว่าเขายังไม่ตาบอด!” จวินหย่วนโยวแอบพึมพำขึ้นมาประโยคหนึ่งอย่างเรียบเฉย

“ช่วงเวลานี้ พวกนกสองหัวนี่มีไม่น้อยเลยนะ!” หยุนถิงพูดขึ้นอย่างติดตลก

“หลงยีมารายงานว่า องค์หญิงใหญ่ไปร่วมมือกับตระกูลเฟิ่งแล้ว งานเลี้ยงวันไหว้พระจันทร์ในอีกไม่กี่วัน เฟิ่งจาวหยีเป็นคนเสนอให้จัดขึ้นมา คาดว่าพวกเขาน่าจะลงมือกันในงานเลี้ยงวันไหว้พระจันทร์ พอถึงตอนนั้นเจ้าต้องระวังตัวให้มาก ๆ!” จวินหย่วนโยวพูดขึ้นมา

“ดูไปตามสถานการณ์อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ฟูจวินยาถอนพิษของท่านกับตัวนำยา ข้าได้ทำเสร็จแล้ว ของแค่หาโอกาสที่เหมาะสมกินเข้าไปก็พอแล้ว” หยุนถิงพูดขึ้นมา

“ลำบากแล้ว งั้นรอหลังงานเลี้ยงวันไหว้พระจันทร์ก็แล้วกัน ออกไปเดินเล่นกันสักหน่อยเถอะ ตอนนี้เจ้าต้องพักผ่อนให้มาก ๆ แล้วก็ต้องออกกำลังกายสักหน่อยด้วย” จวินหย่วนโยวลุกขึ้นมา แล้วจูงมือหยุนถิงเดินออกไปข้างนอก

ทั้งสองคนเดินเล่นไปเรื่อย ๆ เดินไปเดินมาก็เดินมาถึงสวนด้านหลังแล้ว

ที่นั่น หยุนถิงให้คนทำพื้นดินเปล่าให้กลายเป็นสวนปลูกยาสมุนไพร และปลูกยาสมุนไพรหายากบางอย่างเอาไว้

วินาทีนี้ องค์หญิงสามซินฉิงกำลังช่วยงานอยู่ในสวนยาสมุนไพร รั่วจิ่งเดินผ่านมา พอเห็นนางที่เป็นองค์หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ในดินร่วนซุย ก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

“ท่านเป็นถึงองค์หญิงสามทั้งคน กลับมาทำเรื่องแบบนี้หรือ?”

“ข้าชอบพวกต้นไม้ใบหน้ามาตั้งแต่เด็กแล้ว เวลาอยู่ว่าง ๆ ตัวเองก็ชอบวิเคราะห์ยาสมุนไพร ซื่อจื่อเฟยสามารถให้ข้าอยู่ที่นี่ได้ และให้ข้ามาช่วยงานที่นี่ ข้าก็รู้สึกซาบซึ้งมาก แล้วก็ผ่อนคลายมากแล้ว” องค์หญิงซินฉิงตอบกลับมา

“ติดดินเช่นนี้ ช่างไม่เหมือนกับองค์หญิงคนอื่นเลย ดีกว่าองค์หญิงห้าและองค์หญิงเจ็ดคนนั้นเยอะมากเลย” รั่วจิ่งเบ้ปากพูดขึ้น จากนั้นก็ถอนยาสมุนไพรต้นหนึ่งขึ้นมา แล้วอ้าปากกินเข้าไป

องค์หญิงซินฉิงมีสีหน้าตกตะลึง “อันนี้กินไม่ได้นะ!”

“ทำไมถึงกินไม่ได้ ซื่อจื่อเฟยของเราบอกไว้แล้วว่ายาสมุนไพรที่ปลูกที่นี่ให้พวกเรากินได้ตามใจชอบ ทีแรกก็ปลูกเพื่ออยากให้พวกเราร่างกายแข็งแกร่งทั้งนั้น!” รั่วจิ่งตอบกลับไป

องค์หญิงซินฉิงคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าหยุนถิงจะใจกว้างเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นยาสมุนไพรอะไรในนี้ก็มีราคาแพงเป็นทองพันชั่ง แต่ว่าองครักษ์อย่างพวกเขากลับสามารถกินได้ตามใจชอบ เห็นได้ชัดเลยว่าหยุนถิงเป็นคนดีมากแค่ไหน

“โอ๊ย ข้าปวดท้อง ปวดมากเลย ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้?” ใบหน้าของรั่วจิ่งขมวดเข้าหากันเป็นก้อน “ท่านวางยาพิษข้าใช่ไหม?”

“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว เมื่อกี้เจ้ากินหญ้าชองอวู๋เข้าไป ถึงแม้ว่าจะฤทธิ์แก้ร้อนในถอนพิษ แต่ถ้ากินมากเกินไปก็จะทำให้เกิดอาการท้องเสียได้!” องค์หญิงซินฉิงพูดอธิบายขึ้นมา

“ทำไมท่านไม่พูดให้เร็วหน่อยล่ะ?” รั่วจิ่งพร่ำบ่นขึ้นมา

“ไหนท่านกินอยู่ทุกวันไม่ใช่หรือ ก็น่าจะรู้ซิ?” ซินฉิงถามกลับไป

รั่วจิ่งมีสีหน้าอึดอัดใจ “ปกติข้าจะมาแอบถอนกินตอนกลางคืน จึงไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าอันไหนคืออันไหน โอ๊ย ข้าไม่คุยกับท่านแล้ว ทนไม่ไหวแล้ว……”

จ้องมองรั่วจิ่งวิ่งลิ่วไปเลย องค์หญิงซินฉิงก็หัวเราะขึ้นมาอย่างเบื่อหน่าย อยู่ ๆ ก็รู้สึกว่าเขาดูมีความหมายอยู่เหมือนกัน

หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวที่อยู่ไม่ไกลมาเห็นภาพนี้เข้าพอดี “ฟูจวิน ท่านว่ารั่วจิ่งกับองค์หญิงสามจะมีความเป็นไปได้ไหม?”

“เรื่องของความรัก ปล่อยไปตามธรรมชาติเถอะ” จวินหย่วนโยวตอบกลับมา

“มันก็ใช่อยู่”

หลิงเฟิงเดินเข้ามาจากด้านนอก “ซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟย หลีอ๋องหมดสติอีกแล้วขอรับ!”

หยุนถิงขมวดคิ้วขึ้นมา “ไหนว่าช่วงนี้เขากำลังจัดระเบียบอยู่ หรือว่าถูกคนวางอุบายใส่หรือ?”

“เปล่า หลีอ๋องไปไหนก็พอกองทัพหลวงไปด้วย ดูโอ้อวดเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นคนอื่น เพราะฉะนั้นคนอื่นจึงไม่มีโอกาสใกล้ชิดเขาเลย” หลิงเฟิงตอบกลับมา

สีหน้าของจวินหย่วนโยวเย็นชาจนแทบจะตกสเก็ด โม่ฉือหานเจ้าเศษสวะนี่ เขา เขาก็นึกว่าเข้ากำลังจัดระเบียบวังหลังอยู่ ดูแล้วก็คงจะไม่เท่าไหร่

คนรับใช้คนหนึ่งเดินเข้ามา “ซื่อจื่อเฟย พ่อบ้านของจวนหลีอ๋องมาแล้ว มาคุกเข่าอยู่หน้าประตูขอร้องให้ท่านไปช่วยหลีอ๋องหน่อย!”

หยุนถิงขมวดคิ้วขึ้นมา แล้วก็มองไปที่จวินหย่วนโยวโดยอัตโนมัติ “ฟูจวิน ท่านว่าข้าจะไปดีไหม?”

“เจ้าตัดสินใจเองก็พอแล้ว” จวินหย่วนโยวพูดขึ้นมา

“งั้นท่านไปกับข้าดีไหม!” หยุนถิงเสนอความคิดเห็นขึ้นมา

“ได้!”

บนรถม้า จวินหย่วนโยวสีหน้าเย็นชา ไม่พูดอะไรสักคำ แค่อยู่เป็นเพื่อนหยุนถิงไป

“ฟูจวิน ที่ข้าตอบตกลงไปช่วยหลีอ๋องนั้น ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรต่อเขา เพียงแต่แค่รู้สึกว่าถ้าเขาตายไปแบบนี้มันน่าเสียดายไปหน่อย ก็เขากำลังจัดระเบียบพระราชวังอยู่ไม่ใช่เหรอ พอดีเลยพวกเราจะได้ยืมมือเขามาถอดหมากทั้งหมดในแคว้นเทียนจิ่วออกไปให้หมด

ที่จริงข้ารู้ ด้วยความสามารถของฟูจวินนั้นสามารถลงมือเองได้ แต่ว่ามีเรี่ยวแรงเปล่าให้ทำไมไม่ใช้ล่ะ แบบนี้องค์หญิงใหญ่จะได้เกลียดชังหลีอ๋อง แล้วก็จะแบ่งใจไปต่อกรกับเขา พวกเราจะได้มีเวลามากขึ้น” หยุนถิงพูดอธิบายขึ้นมา

“เจ้ารู้สึกว่าข้าจะต้องให้โม่ฉือหานมาเป็นเกราะกำบังด้วยหรือ?” จวินหย่วนโยวยักคิ้วขึ้นมา

“แน่นอนว่าไม่ต้องการ ฟูจวินของข้าฉลาดและทรงพลังที่สุด เก่งกาจมากจริง ๆ ช่วงนี้หลีอ๋องราบรื่นเกินไปแล้ว ถือซะว่าหาเรื่องซวยให้เขาหน่อยก็แล้วกัน!” หยุนถิงพูดแล้วยิ้มชั่วร้ายขึ้นมา

จวินหย่วนโยวคลี่ยิ้มมุมปากขึ้นมาอย่างเบื่อหน่าย “ถ้าเจ้าอยากทำ ก็ทำไปเถอะ ข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้าเอง”

“ฟูจวิน ฟูจวินของข้าช่างอบอุ่นใจที่สุดเลย”

รถม้ามุ่งตรงไปที่จวนหลีอ๋อง พ่อบ้านพาจวินหย่วนโยวและหยุนถิงเดินเข้าไป ก็เห็นฟ่านเสี่ยรั่วนั่งดูแลโม่ฉือหานอยู่ตรงข้างเตียง

“เกิดอะไรขึ้นกับโม่ฉือหาน?” หยุนถิงพูดไปด้วย แล้วก็เดินไปด้วย

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท