จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 542 คืนนี้เป็นโอกาสสุดท้าย
พอพูดออกมา โม่ฉือหานมีหรือจะยังสนใจความเจ็บปวดที่ท้องและคางอีก สีหน้าเก้อเขิน กระดากอายยิ่งนัก เขาก้มมองเอวในบัดดล
“เจ้าหาสิ่งนี้อยู่กระมัง” หยุนถิงแกว่งเครื่องรางปลอดภัยในมือไปมา
“ข้าสลบไปครั้งนี้ เป็นเพราะเครื่องรางปลอดภัยนี้งั้นรึ?”
ถึงปากจะถามอย่างนี้ แต่ในใจโม่ฉือหานก็มีคำตอบแล้ว หลายวันนี้เขากินดื่มไม่มีอะไรต่างจากปกติ ยกเว้นเพียงพกเครื่องรางปลอดภัยนี้เท่านั้น
ก่อนหน้านี้เขายังสงสัยคำพูดของหยุนถิง คิดว่านางกำลังยุแยงตะแคงรั่ว บัดนี้เห็นหยุนถิงถือเครื่องรางปลอดภัยในมือ โม่ฉือหานแน่ใจแล้ว
“โม่ฉือหาน ข้าล่ะนับถือในความกล้าหาญอยากตายของเจ้านัก กล้าพกติดตัว หากมีครั้งหน้าอีก ข้าจะไม่ช่วยท่านแน่!” หยุนถิงแค่นเสียงเย็น โยนเครื่องรางปลอดภัยนั่นลงบนโต๊ะ ลุกขึ้นออกเดิน
ดวงตาดำขลับคมปลาบของจวินหย่วนโยวตวัดมองโม่ฉือหาน “ปัญญาอ่อน!” ทิ้งไว้คำหนึ่ง จากนั้นวิ่งตามหยุนถิงไป
มองตามแผ่นหลังเย็นชาของนาง โม่ฉือหานอับอาย รู้สึกผิดยิ่งนัก
ใช่สิ หยุนถิงเคยเตือนเขาแล้ว แต่ตนมั่นใจในตนเองมากเกินไป หรืออาจเพราะไม่อยากยอมรับการวินิจฉัยของหยุนถิง ถึงได้ดื้อด้าน สุดท้ายก็โดนหักหน้าเสียเอง
“ท่านอ๋อง ท่านควรจะขอบคุณซื่อจื่อเฟยจริงๆ หากมิใช่นางออกหน้าช่วย ท่านคงไม่รอดแน่!” พ่อบ้านที่อยู่ข้างๆพูดขึ้น
ใช่สิ หากมิใช่นางยอมมาช่วยตน ตอนนี้ตนคงกลายเป็นศพแล้ว”
“หยุนถิง ขอบใจมาก เมื่อก่อนข้ามีอคติเอง!” น้ำเสียงเย็นเยียบของโม่ฉือหานพูดอย่างหนักแน่นเคร่งขรึม
หยุนถิงที่เดินถึงหน้าประตู พลันได้ยินคำนี้จากด้านหลัง อดตะลึงไม่ได้ จากนั้นยิ้มมุมปากอย่างพอใจ
หยุนถิงไม่ได้หันกลับมา จวินหย่วนโยวที่อยู่ข้างๆโอบไหล่นาง ทั้งสองคนเดินเคียงกันออกไป
มองดูแผ่นหลังพวกเขาที่เคียงคู่กันไป โม่ฉือหานรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เหมือนโดนดาบแหลมคมมากเสียบเข้ากลางใจดาบแล้วดาบเล่า
พอคิดถึงสิ่งที่เมื่อก่อนตนทำต่อหยุนถิง บางทีการที่นางไปจากตนนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว
จวินหย่วนโยวต่างหากที่เหมาะกับนางที่สุด จากเริ่มแรกจนสุดท้าย
วินาทีนี้โม่ฉือหานไม่ริษยา ไม่มีการไม่ยอมแพ้ และยิ่งไม่มีความแค้นหรือความดื้อรั้น เพราะนับจากวินาทีที่หยุนถิงช่วยเขา โม่ฉือหานก็รู้ดีว่าตนแพ้อย่างสิ้นเชิงแล้ว
แพ้ให้กับใจคน และแพ้ให้กับความจริง
“ท่านอ๋อง ต่อไปจะทำอย่างไรดี?” พ่อบ้านถาม
โม่ฉือหานดึงสายตากลับ สีหน้าพลันเย็นเยียบดุดัน ดวงตาดำขลับดุจราตรีมีประกายเหี้ยมเกรียมขึ้นมา
“ฟ่านเสี่ยรั่ว!” โม่ฉือหานพูดอย่างกัดเขี้ยวเคี้ยวฟัน มือที่อยู่ใต้ชายเสื้อกำแน่น จนเสียงดังกรอดๆ ไอสังหารรอบกายค่อยๆกระจายออกมาอย่างช้าๆ
“ท่านอ๋อง เหตุใดหวางเฟยรองต้องให้ร้ายท่านด้วย หากมิใช่ซื่อจื่อเฟย ข้าเองก็ยากที่จะเชื่อ?” พ่อบ้านถามอย่างไม่เข้าใจ
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ในเมื่อนางกล้าลงมือกับข้า หากข้าไม่ตาย นางต้องมีวิธีอื่นแน่ มิสู้ลองเลยตามเลย พ่อบ้านเจ้าออกไปบอกว่าหยุนถิงมิได้ช่วยข้าได้อย่างเด็ดขาด ข้ายังอยู่ในสภาวะอันตราย และยังสลบไสลไม่ได้สติ คืนนี้เป็นเวลาสำคัญ จะฟื้นได้หรือไม่ก็ต้องดูที่คืนนี้แล้ว!” โม่ฉือหานสั่งการด้วยเสียงเด็ดขาด
“ขอรับ ข้าน้อยจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”
ส่วนที่ออกไป ถึงจะกลับไปยังเรือนตน แต่ก็คอยให้สาวใช้คนสนิทสอบถามสถานการณ์ของหลีอ๋องตลอด
ไม่นาน สาวใช้ก็วิ่งกลับไปรายงานว่า “นายท่าน เมื่อครู่ข้าได้ยินพ่อบ้านบอกกับองครักษ์ว่า ให้พวกเขาเฝ้าเรือนไว้ให้ดี ท่านอ๋องยังสลบอยู่ จะฟื้นขึ้นมาได้หรือไม่ก็ต้องดูคืนนี้แล้ว ให้พวกเขาระมัดระวังห้ามผิดพลาดโดยเด็ดขาด”
ฟ่านเสี่ยรั่วมือหลุด ทำถ้วยชาตกลงพื้น ถ้วยชาแตกกระจาย น้ำชาสาดกระเซ็น ฟ่านเสี่ยรั่วถึงได้สติกลับมา
“นายท่าน ท่านยังดีอยู่หรือไม่ ลวกมือหรือไม่?” สาวใช้รีบเข้ามาดูอาการ
“ข้ามิเป็นไร เจ้าไม่ต้องสนใจเรื่องพวกนี้ เจ้ารีบไปห้องครัว ไปตุ๋นน้ำแกงขาหมูเม็ดบัวชามหนึ่งด้วยตัวเอง ตอนนี้ข้าท้องอยู่ทนกลิ่นน้ำมันไม่ไหว เจ้าไปทำแทนข้า อีกครู่ข้าจะเอาไปถวายท่านอ๋อง!” ฟ่านเสี่ยรั่วสั่งการ
“เจ้าค่ะ!” สาวใช้รีบไปทันที
ฟ่านเสี่ยรั่วรีบให้คนไปเรียกองครักษ์คนหนึ่งมา “ท่านอ๋องยังสลบไสลอยู่ คืนนี้เป็นโอกาสสุดท้าย!”
องครักษ์เกาหรูสีหน้าชะงัก “เจ้าคิดจะทำอะไร?”
“ข้าอยากให้เจ้าฆ่าท่านอ๋อง!” ฟ่านเสี่ยรั่วแค่นเสียงเย็น
“เป็นไปไม่ได้ ท่านอ๋องเคยช่วยชีวิตข้า ข้าไม่มีทางทำร้ายท่านอ๋องเด็ดขาด!” เกาหรูปฏิเสธโดยไม่คิดทันที
“ยามเจ้านอนกับข้าควรจะคิดได้แล้วว่าต้องมีวันนี้ ตอนนี้ข้าท้องลูกของเจ้าอยู่ หากท่านอ๋องฟื้นขึ้นมาแล้วต้องสงสัยข้าแน่ หรือว่าเจ้าอยากเห็นข้ากับลูกตายงั้นรึ?” ฟ่านเสี่ยรั่วถามอย่างเย็นชา
เกาหรูสีหน้าบูดบึ้งขั้นสุด ตอนแรกหวางเฟยรองฟ่านรักใคร่ท่านอ๋องอย่างลึกซึ้ง หากท่านอ๋องมักจะพาสาวงามกลับมาที่จวนเสมอ มีสาวงามหลายคนเย่อหยิ่งจองหองนัก วันหนึ่งเกาหรูเห็นหวางเฟยรองโดนสาวงามหลายคนรังแก เกาหรูเดือดดาลนักเลยเข้าไปช่วยสั่งสอนสาวงามเหล่านั้น
ฟ่านเสี่ยรั่วซาบซึ้งในบุญคุณของเกาหรูมาก ไปๆมาๆ ทั้งสองก็สนิทสนมกัน
ก่อนหน้านี้โม่ฉือหานนกเขาไม่ขันอยู่นาน มักจะเอาฟ่านเสี่ยรั่วเป็นที่ระบายอารมณ์เสมอ ทั้งด่าทอทุบตี ดังนั้นฟ่านเสี่ยรั่วเลยมักจะเมามายอยู่ลำพังเสมอ มีครั้งหนี่งเกาหรูผ่านมาเห็นเข้าพอดี
เกาหรูเดิมอยากปลอบโยน แต่ฟ่านเสี่ยรั่วกลับรั้งกระหวัดเกาหรูไว้
ทั้งที่รู้ว่ามิควรทำเช่นนี้ หากเกาหรูอยู่คนเดียวเดียวดายมาหลายปี ไหนเลยจะต้านทานการยื้อยุดและให้ท่าของหวางเฟยรองไหว ดังนั้นทั้งสองจึงมีสัมพันธ์กัน
มีหนึ่งก็ต้องมีสอง ไฟแรงเชื้อฟืนโหม ฟ่านเสี่ยรั่วท้องอย่างรวดเร็ว เกาหรูเป็นตายไม่เห็นด้วยที่จะเก็บเด็กคนนี้ไว้ เป็นฟ่านเสี่ยรั่วที่เกลี้ยวกล่อมให้เขาเห็นด้วยเอง
“เช่นนั้นข้าจะพาเจ้าหนีไปเอง ข้าจะทำดีต่อเจ้าให้มาก รับรองว่าจะไม่ยอมให้เจ้ากับลูกต้องลำบากแน่!” เกาหรูเกลี้ยกล่อม
“เป็นไปไม่ได้ ข้าไม่ยอมไปกับเจ้าแน่ ตอนนี้ข้าคือหวางเฟยรองของหลีอ๋อง ลูกในท้องข้าก็เป็นลูกชายคนโตของหลีอ๋อง ต่อไปจะได้รับมรดกของท่านอ๋องทุกอย่าง เช่นนั้นข้าก็จะเป็นหวางไท่เฟย เป็นคนเหนือคน
หรือว่าเจ้าอยากให้ลูกชายร่อนเร่ระหกระเหิน โดนคนไล่ตามฆ่ากับเจ้าไปทั้งชาติ ต้องใช้ชีวิตราวกับโจรหลบๆซ่อนๆเป็นทาสไปทั่วชีวิต
ลูกชายของข้าไม่มีวันได้ใช้ชีวิตเยี่ยงนั้นดอก ข้างหนึ่งเป็นทาส อีกข้างเป็นคนเหนือคน เจ้าเลือกเองเถอะ” ฟ่านเสี่ยรั่วแค่นเสียงเย็น
เกาหรูรู้ดีว่า หากเขาพาหวางเฟยรองหลบหนีจะหมายถึงอะไร ตนเองเป็นองครักษ์มาทั้งชีวิต ย่อมรู้ดีว่า ชีวิตที่ต้องยืมจมูกคนอื่นหายใจ คอยดูสีหน้าคนอื่นนั้นไม่ดีเลย ส่วนลูกของเขาน่ากลัวว่าแม้แต่องครักษ์ก็คงมิอาจเป็นได้
“แต่ท่านอ๋อง—“
ฟ่านเสี่ยรั่วมองออกว่าเขาไม่เด็ดขาด นางเดินเข้ามาจับมือเกาหรูวางลงบนท้องตน “ในนี้เป็นลูกของพวกเรา เจ้าเป็นพ่อของเขา ก็คงอยากให้เขามีชีวิตที่ดีในภายภาคหน้ากระมัง จะแพ้หรือชนะก็แค่ตอนนี้เท่านั้น ข้าเชื่อว่าเจ้าทำได้แน่”
ถึงตอนนี้จะยังเล็ก ขยับไม่ได้ แต่รับรู้ได้ว่ามีชีวิตอยู่ในนั้น มือของเกาหรูสั่นเทา
ใช่สิ คนอื่นสามารถเป็นคนเหนือคนได้ เหตุใดลูกชายของเขาจะเป็นไม่ได้ ชาตินี้เขาคงเป็นได้แค่นี้ ในเมื่อมีโอกาสเหตุใดไม่ลองดู
เกาหรูตัดสินใจ สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกพลางตัดสินใจ “ได้ คืนนี้ข้าจะไปเอง!”
ฟ่านเสี่ยรั่วสีหน้ายินดี “ดียิ่งนัก ข้ากับลูกจะรอข่าวดีของเจ้านะ!”