จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 549 ข้าไม่สนใจตาแก่อย่างท่าน

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 549 ข้าไม่สนใจตาแก่อย่างท่าน

หยุนถิงพาหยุนซูกลับมายังจวนซื่อจื่อ เล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมาระหว่างทาง

หยุนซูฟังแล้วรู้สึกหวาดกลัวนัก หากมิใช่คนของพี่หญิงใหญ่ ตอนนี้คนที่นอนอยู่ข้างกายอ๋องเก้าคงเป็นนางแล้ว เช่นนั้นชื่อเสียงนางคงป่นปี้หมดแล้ว

“พี่หญิงใหญ่ ขอบคุณมาก!” หยุนซูซาบซึ้งนัก

“เด็กโง่ ขอบคุณข้าทำไมกัน หากมิใช่เพราะข้ามีเรื่องกับองค์หญิงห้า ก็คงไม่ต้องทำเจ้าเดือดร้อนไปด้วย ควรจะเป็นข้าที่ขอโทษมากกว่า!” หยุนถิงโทษตัวเอง

หากหยุนซูเกิดเรื่องจริงๆ หยุนถิงคงรู้สึกผิดไปชั่วชีวิตแน่

“พี่หญิงใหญ่ ท่านอย่าได้พูดเช่นนี้เลย องค์หญิงห้าจิตใจชั่วร้ายเอง หากมิใช่ท่าน ข้าคงโดนทำร้ายไปแล้ว ข้าขอบคุณท่านยังแทบมิทันเลยนะ!”

“ระหว่างพวกเราพี่น้องไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนี้ดอก ข้าเลินเล่อเอง ข้าจะให้ซูหลินไปเลือกสาวใช้มาสองคน อีกครู่ตอนเจ้ากลับพากลับไปด้วยนะ พวกนางผ่านการฝึกฝนมาแล้ว สามารถคุ้มครองเจ้าได้” หยุนถิงบอก

“เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจพี่หญิงใหญ่แล้วนะ” หยุนซูรับปาก

หยุนถิงเหลือหยุนซูกินข้าวด้วย ตอนจากไปก็ให้ยาพิษไว้ให้นางป้องกันตัวมากมาย ซูหลินพาสาวใช้ไปสองคนด้วย

“คุณหนูซู พวกนางคือชุนเอ๋อร์และเซี่ยเอ๋อร์ ต่อไปพวกนางสองคนรับหน้าที่คุ้มครองท่าน!” ซูหลินบอก

“คารวะคุณหนูซู” สาวใช้สองคนทำการคารวะทันที

“พวกเจ้ามิต้องมากพิธีเช่นนี้ดอก ในเมื่อเป็นคนของพี่หญิงใหญ่ ข้าเชื่อใจ ต่อไปรบกวนแม่นางสองคนแล้ว” หยุนซูพูดอย่างมีมารยาท

นางหันมองสาวใช้สองคน ใบหน้างดงามแน่งน้อย เรือนร่างอรชร สายตากลับมั่นคงคมปลาบ แค่ดูก็รู้ว่ามีวรยุทธ์

“คุณหนูซูมิต้องเกรงใจ!”

หยุนซูพาชุนเอ๋อร์และเซี่ยเอ๋อร์จากไป ใบหน้าที่เดิมยิ้มละไมของหยุนถิงกลายเป็นเย็นชาคมปลาบทันที

“ซูหลิน เรียกคนของเราในเมืองหลวงไปที่จวนตระกูลหยุน ระยะนี้ให้พวกเขาทำการคุ้มครองทุกคนในจวนตระกูลหยุนอย่างลับๆ เรื่องวันนี้จะให้เกิดเป็นครั้งที่สองไม่ได้!” หยุนถิงบอก

“เจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่!”

จวินหย่วนโยวเดินเข้ามาจากด้านนอก เมื่อครู่เขากลัวหยุนซูกระดากอาย เลยไม่ได้เข้ามา “ถิงเอ๋อร์ ข้าส่งองครักษ์ลับไปคุ้มครองความปลอดภัยของจวนตระกูลหยุนแล้ว!”

“ขอบคุณท่านพี่มาก!”

“เกรงใจข้าทำไมกัน เหน็ดเหนื่อยมานานขนาดนี้แล้ว ไปพักผ่อนเถอะ อีกหลายวันยังมีศึกต้องสู้อีก!” จวินหย่วนโยวจูงมือหยุนถิง

“ได้!”

พอท้อง เธอมักจะง่วงบ่อยๆจริง แถมร่างกายก็อ่อนเพลียด้วย ไปเหนื่อยที่วังหลวงมา หยุนถิงเหนื่อยแล้วจริงๆ

พอกลับถึงห้อง หยุนถิงเอนพิงไหล่จวินหย่วนโยว “ซื่อจื่อ ท่านเล่าเรื่องกล่อมข้าเถอะ”

“เจ้าอยากฟังเรื่องอะไรเล่า?” น้ำเสียงน่าฟังของจวินหย่วนโยวลอยมา

“เช่นนั้นก็เล่าสามสิบหกกลยุทธ์เถอะ ลูกของพวกเราอยู่ในท้องก็จะได้ฟังไปด้วย ถือว่าเป็นการเสริมพัฒนาการเด็กไปด้วย!” หยุนถิงบอก

“ได้!” จวินหย่วนโยวเริ่มเล่า

นี่เป็นสิ่งที่เมื่อก่อนหยุนถิงเล่าให้เขาฟัง ดังนั้นจวินหย่วนโยวเลยจำได้

ไม่นาน หยุนถิงก็หลับไป

ได้ยินเสียงหายใจแผ่วเบาของนาง สายตาจวินหย่วนโยวเต็มไปด้วยความอ่อนโยนรักใคร่ เขารู้ว่าสตรีที่ตั้งครรภ์มักจะเหน็ดเหนื่อยง่าย พอเห็นหยุนถิงหลับไป จวินหย่วนโยวกลับไม่ได้หยุดพูด ยังคงเล่าต่อไป

อีกด้านหนึ่ง หยุนซูออกจากจวนซื่อจื่อก็ตรงไปร้านเนื้อย่างเลย นางอยากพบขอทานที่ไปส่งข่าวให้พี่หญิงใหญ่

พูดตามจริง หยุนซูจำขอทานคนนั้นไม่ได้เลย จำได้เพียงว่าตนเคยช่วยขอทานคนหนึ่งไว้ ไม่คิดว่าความเมตตาของตนจะช่วยตนไว้

เพียงแต่รอจนหยุนถิงไปถึงร้านเนื้อย่าง นางมองถนนฝั่งตรงข้าม ไม่มีขอทานเลยสักคน บางทีเขาอาจจะไปทำงานก็ได้ หยุนซูเลยไม่ได้คิดอะไรมาก เดินเข้าร้านตนเอง

อันที่จริงนางไม่รู้ดอกว่า ขอทานผู้นั้นมิได้จากไป แต่ยังคงเฝ้าดูร้านเนื้อย่างอยู่จากที่ไม่ไกลนัก

ตอนไปส่งข่าวที่จวนซื่อจื่อ ซุนฟั่งก็กลับมาแล้ว เขารอตั้งแต่กลางวันจนดึก ในที่สุดก็เห็นหยุนซูกลับมา ถึงได้ลอบถอนหายใจโล่งอก

พอเห็นหยุนซูตามหาเขา ซุนฟั่งซาบซึ้งดีใจมาก แต่เขาไม่อยากให้หยุนซูเห็นเขาในสภาพอนาถเยี่ยงนี้ เพียงแค่เห็นนางกลับมาอย่างปลอดภัยก็พอแล้ว

หยุนซูยุ่งจนถึงดึกมากถึงกลับไป พอหยุนเฉิงเซี่ยงเห็นนางพาสาวใช้กลับมาสองคน ก็สงสัย “ซูเอ๋อร์ สองคนนี้คือ?”

“ท่านพ่อ พวกนางคือชุนเอ๋อร์และเซี่ยเอ๋อร์ พี่หญิงใหญ่ให้พวกนางมาช่วยข้า ต่อไปก็พักที่จวนพวกเรานี่ล่ะ!” หยุนซูอธิบายบอก

พอได้ยินว่าหยุนถิงส่งมา หยุนเฉิงเซี่ยงดีใจนัก “ได้ แม่นางสองคนลำบากแล้ว ข้าจะไปจัดเตรียมห้องหับให้!”

“หยุนเฉิงเซี่ยงไม่ต้องเกรงใจดอก เรียกชื่อพวกข้าก็ได้ พวกข้าสองคนอยู่เรือนคุณหนูซูก็ได้แล้วเจ้าค่ะ” ชุนเอ๋อร์บอก

“ได้ เช่นนั้นซูเอ๋อร์เจ้าจัดการนะ” หยุนเฉิงเซี่ยงถอนหายใจยาว

“ท่านพ่อ เกิดเรื่องอะไรขึ้นรึ เหตุใดท่านถอนหายใจเล่า?”

“อย่าพูดถึงเลย เมื่อสองวันก่อนหยุนหลีพาบุรุษกลับมาผู้หนึ่ง สลบไสลไม่ได้สติ และไม่รู้ว่ามีที่มาอย่างไร นางพูดเพียงว่าคนผู้นั้นติดค้างเงินนางหนึ่งหมื่นตำลึง เจ้ากลับไปดูนางเสียหน่อย อย่าให้นางเอะอะก็นำคนกลับบ้าน เวลาสำคัญเช่นนี้อย่าชักศึกเข้าบ้าน!” หยุนเฉิงเซี่ยงตอบ

หยุนซูเองก็สงสัย “น้องหญิงสี่ถึงจะโผงผาง แต่มิใช่คนมิรู้การควรไม่ควร ข้าจะไปดูนางหน่อย ท่านพ่อเองก็พักผ่อนเสียเถิด!”

“ได้ เจ้าว่าง่ายดี ชุนเอ๋อร์เซี่ยเอ๋อร์เชิญพวกเจ้าตามสบายนะ” หยุนเฉิงเซี่ยงจากไป

หยุนซูพุ่งไปเรือนหยุนหลีทันที ผ่านเรื่องวันนี้ไป หยุนซูสงสัยเป้าหมายคนนั้นเสียยิ่งนัก

เรือนของหยุนหลี

เสวี่ยเชียนโฉวสลบไปสองวัน ในที่สุดก็ฟื้นขึ้นมา พอลืมตาตื่นก็เห็นทุกอย่างในห้อง เขาตกตะลึงอึ้ง

การจัดวางของในห้องนั้นเรียบ่ง่าย สะอาดเป็นระเบียบ และยังวางอาวุธไว้มากมาย แต่เขามองเพียงแวบเดียวก็รู้ทันทีว่าเป็นห้องสตรี

หยุนหลีซ้อมหมัดด้านนอกเสร็จก็เข้ามา เห็นเสวี่ยเชียนโฉวฟื้นแล้วพอี สีหน้ายินดี “ท่านอา ท่านฟื้นแล้ว ดียิ่งนัก”

เสวี่ยเชียนโฉวมองสำรวจหยุนหลี ใบหน้าแน่งน้อย งดงาม กระโปรงยาวสีม่วงอ่อนส่งผลให้ผิวพรรณนางยิ่งดูขาวเนียน ประหนึ่งไข่ต้มที่ปอกเปลือกออก เรียบเนียนยืดหยุ่นนัก

ใบหน้าอวบท้วมเล็กน้อย ดูเนื้ออวบอิ่มน่ารักมาก โดยเฉพาะดวงตาใสกระจ่างคู่นั้น ใสกระจ่าง ไม่แผ้วพานสิ่งอื่นใด เขามิได้เห็นดวงตาใสกระจ่างเช่นนี้มานานมากแล้ว

“เจ้าช่วยข้าไว้” เสวี่ยเชียนโฉวพูดเสียงแหบพร่า

“แน่นอนสิ ท่านบอกจะชดใช้ให้ข้าหนึ่งหมื่นตำลึง รีบคืนมาเลย!” หยุนหลียื่นมือออกมา

เสวี่ยเชียนโฉวมุมปากระตุก นังหนูนี่งกจริง “รับปากเจ้าไว้ ข้าย่อมคืนให้เจ้าแน่ เพียงแต่บนตัวข้าไม่มีเงินเลย รอข้ากลับแล้วจะให้คนส่งมาให้แน่นอน”

“อะไร ท่านคิดหนี ท่านอานี่ท่านทำไม่สมควรเลยนะ เป็นคนทำเช่นนี้มิได้นะ หากเขาไปแล้วไม่คืนเงิน ข้าก็ขาดทุนสิ” หยุนหลีเบ้ปาก

“ข้าไม่เคยคืนคำ!” เสวี่ยเชียนโฉวบอกด้วยสีหน้าเย็นชา

“ท่านเคยเห็นขโมยคนไหนยอมรับว่าตนเป็นขโมยบ้างล่ะ!”

เสวี่ยเชียนโฉวจะพูดอะไร พลันรู้สึกร่างกายร้อนรุ่มยิ่งนัก เลือดลมพลุ่งพล่าน เนื้อตัวราวกับเตาหลอม แถมยังมีจุดแดงมากมายบนผิว คันคะเยอยิ่งนัก ทรมานมาก

“น่าตายนัก เจ้าทำอะไรกับข้า?”

หยุนหลีมองมาอย่างรังเกียจ “ท่านอายุปูนนี้ ข้าจะทำอะไรท่านได้ ข้าไม่สนใจตาแก่เช่นท่านดอก ก่อนหน้านี้ท่านบาดเจ็บสาหัสสลบไสล ข้าเลยเอายาที่พี่หญิงใหญ่ปรุงขึ้นให้ท่านกินหมดเลย ตอนนั้นข้าร้อนใจเลยไม่ได้ดู”

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท