จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 552 จับมือกันแบบนี้ไปตลอดชีวิต

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 552 จับมือกันแบบนี้ไปตลอดชีวิต

“งานเลี้ยงเทศกาลไหว้พระจันทร์ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ขอเจ้าโปรดปกป้องถิงเอ๋อร์ให้ดี!”

มือที่จับถ้วยสุราของโม่เหลิ่งเหยียน ใช้แรงขึ้นมาเล็กน้อย เขามีสายในพระราชวังมากมาย ย่อมรู้เรื่องที่เฟิ่งจาวหยีกับองค์หญิงใหญ่แคว้นเทียนจิ่วร่วมมือกันนานแล้ว

“ผู้หญิงของเจ้า เจ้าก็ปกป้องให้ดีเองสิ!” โม่เหลิ่งเหยียนตอบกลับมาคำหนึ่ง

โม่เหลิ่งเหยียนกับหยุนถิงเป็นเพื่อนที่สนิทกันที่สุด ถึงแม้จวินหย่วนโยวไม่พูด โม่เหลิ่งเหยียนก็จะส่งคนปกป้องหยุนถิงอย่างลับๆเช่นกัน

“ข้าย่อมรู้อยู่แล้ว เผื่อเอาไว้เท่านั้น!” จวินหย่วนโยวเบะปาก

“ตกลง ข้าจะจำเอาไว้! ในเมื่อรู้ว่าตระกูลเฟิ่งก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เหตุใดถึงไม่กำจัดไปตั้งแต่เนิ่นๆ?” โม่เหลิ่งเหยียนถาม

“กำจัดตระกูลเฟิ่งไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องกำจัดให้สิ้นซากในคราวเดียว ให้ตระกูลเฟิ่งไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้อีก พ่อของเฟิ่งจาวหยีเคยช่วยชีวิตฝ่าบาทเอาไว้ หากไม่ใช่ความผิดร้ายแรง ฝ่าบาทจะไม่แตะต้องตระกูลเฟิ่งง่ายๆแน่นอน!” หว่างคิ้วของจวินหย่วนโยวมีความโหดเหี้ยมแว๊บผ่านไปเล็กน้อย

“เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็กำจัดให้หมดในคราวเดียว ข้าจะช่วยเจ้าเอง!” โม่เหลิ่งเหยียนกล่าวเสียงต่ำ

“เช่นนี้ ก็ขอบคุณมาก!” จวินหย่วนโยวตอบ

“นี่เป็นครั้งที่สองที่ข้าได้ยินเจ้าพูดว่าขอบคุณแล้วนะ หาได้ยากนี่”

จวินหย่วนโยวกลอกตามองเขาครู่หนึ่ง ไม่สนใจเขาอีก

หยุนซูพาบ่าวรับใช้ชายยกเนื้อกับผักเข้ามาด้วยตัวเอง หยุนหลีหยิบที่คีบขึ้นย่างขึ้นมาทันที คนอื่นๆก็ช่วยกันใส่ผักเช่นกัน

โม่ฉือชิงสวมชุดคลุมสีแดงทั้งชุดเดินเข้ามาอย่างมั่นใจในตัวเอง“ขอบคุณทุกคนที่มาฉลองให้ข้า วันนี้พวกท่านดื่มกินกันตามสบาย ไม่ต้องเกรงใจ ข้าเป็นเจ้ามือเอง!”

“หากไม่ใช่เพราะท่านเป็นเจ้ามือ เราก็ไม่มากันหรอก” โม่หลานที่เดินเข้ามาทางด้านหลังของเขาบ่นพึมพำออกมาคำหนึ่ง

ใบหน้าของโม่ฉือชิงเคร่งขรึมทันที“นังหนูอย่างเจ้าไม่พูดความจริงไม่ได้หรือ?”

“ข้าไม่เคยพูดโกหก!”

“โม่หลานรีบมาเร็ว เนื้อนี่สุกกำลังกินพอดีเลย!” ซูชิงโยวรีบไกล่เกลี่ยทันที

“ตกลง!” โม่หลานเดินเข้าไปทันที

โม่ฉือชิงมองดูทุกคนจดจ่ออยู่แต่กับการกินดื่มอย่างเดียว ไม่มีใครเหลียวแลเขา เบะปากกล่าวว่า“ข้าว่าทุกคนไร้น้ำใจเกินไปแล้ว ไม่เห็นชุดคลุมตัวใหม่ที่ข้าทำเพื่อฉลองหรือ?”

“อย่างกับไก่ตัวผู้ สายตาของท่านเราไม่กล้าประจบจริงๆ!” หยุนหลีตอบกลับมาคำหนึ่ง

ทุกคนหัวเราะชอบใจขึ้นมาทันที โม่ฉือชิงอับอายขายหน้า“น่าเกลียดขนาดนั้นเลยหรือ ข้าว่ามันก็ไม่เลวนะ!”

“พอเถอะ รีบเข้ามากินกันเถอะ เสื้อผ้าไม่สำคัญ ได้รับการแต่งตั้งเป็นอ๋องต่างหากที่สำคํญ!” หยุนถิงเอ่ยปาก

ใบหน้าของโม่ฉือชิงเต็มไปด้วยความได้ใจ“หยุนถิงพูดเป็นที่สุด มา ข้าดื่มคารวะทุกคนหนึ่งจอก!”

ทุกคนล้วนยกถ้วยสุราขึ้นมา ดื่มกินกันอย่างมีความสุข ครึกครื้นอย่างมาก

อาหารหนึ่งมื้อ ทุกคนกินจนอิ่มดื่มจนเพียงพอแล้ว ต่างก็แยกย้ายกันกลับไป

หยุนถิงกินอิ่มไปเล็กน้อย เสนอให้เดินกลับไป ถึงอย่างไรก็อยู่ห่างกันแค่ถนนสามสายเท่านั้น จะได้เดินเล่นด้วยพอดี

จวินหย่วนโยวย่อมเห็นด้วยอยู่แล้ว เดินไปพร้อมกับนาง

ทุกคนบนถนนต่างก็มองมาด้วยความอิจฉา จวินซื่อจื่อเย็นชาหล่อเหลา คุณหนูหยุนงดงามที่สุดในแผ่นดิน ทั้งสองคนรักใคร่กันเช่นนี้ เป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบจริงๆ

จวินหย่วนโยวจูงมือของหยุนถิง เดินอย่างเชื่องช้า“ถิงเอ๋อร์ จับมือกันเดินไปเช่นนี้ตลอดชีวิต ดูเหมือนจะไม่เลวเช่นกัน”

“ตกลง ตลอดชีวิต”

คิ้วและตาของจวินหย่วนโยวเต็มไปด้วยรอยยิ้ม“ถิงเอ๋อร์ วันหน้าเจ้าอยากไปที่ไหน?”

“ข้าอยากไปที่ทุ่งหญ้า ไม่ต้องกลัวว่าลูกจะหกล้มหกข้าง ยังสามารถขี่ม้าควบม้าได้ อิสรเสรีไม่ถูกจำกัด ไม่เหนื่อยเกินไปด้วย” หยุนถิงกล่าวด้วยความใฝ่ฝัน

“ตกลง รอให้เจ้าคลอดแล้ว เราพาลูกไปพร้อมกัน!”

“อันนี้สามารถทำได้”

ขณะที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่ ก็เห็นบ่อนพนันด้านหน้าที่อยู่ไม่ไกลออกไป บ่าวรับใช้ชายสองคนขับไล่คนคนหนึ่งออกมา

“เจ้าสุนัขที่อาศัยบารมีนายอย่างพวกเจ้าสองคน ถึงกับกล้าไล่ข้าออกมา ข้ามีเงินมากมาย——” คนคนหนึ่งกล่าวขึ้นมาลนลาน

“คุณชายเฟิ่ง รอให้ท่านนำเงินมาแล้วค่อยมาเถอะ!” บ่าวรับใช้ชายคนหนึ่งกล่าวอย่างดูหมิ่น

“คุณชายเฟิ่งมีเวลามาพูดคุยกับเรา ไม่สู้กลับไปเอาเงินดีกว่า ขอเพียงท่านมีเงิน ท่านก็คือเจ้านายใหญ่โต!” บ่าวรับใช้ชายอีกคนเอ่ยปากขึ้นมา

“สุนัขเฝ้ายาม เจ้าดูถูกใคร พี่สาวของข้าคือเฟิ่งจาวหยีคนปัจจุบัน ข้าจะให้พี่สาวปิดบ่อนนี้ซะ!” เฟิ่งหยวนกล่าวด้วยความโมโห

“เช่นนั้นก็เชิญเถอะ” บ่าวรับใช้ชายสองคนทิ้งคำพูดเอาไว้ประโยคหนึ่ง ก็เดินเข้าไป

เฟิ่งหยวนโกรธจนหน้าดำคร่ำเครียด โมโหสุดขีด ด่ากราดอย่างสาดเสียเทเสียหน้าประตูบ่อน

หยุนถิงเห็นภาพฉากนี้ แผนการอันชาญฉลาดก็ผุดขึ้นมาในใจ“ท่านพี่ เขาก็คือเฟิ่งหยวน?”

“ถูกต้อง!”

หยุนถิงมองไปที่บ่อนพนันนั่นอีกครู่หนึ่ง มันคือบ่อนพนันของซวนอ๋อง“แม้แต่สวรรค์ก็ยังให้ความช่วยเหลือ ข้าคิดวิธีจัดการตระกูลเฟิ่งได้แล้ว”

จวินหย่วนโยวฟังแผนการของหยุนถิง นัยน์ตาดำมีความชื่มชมแว๊บผ่านไปเล็กน้อย“ตกลง ทำตามที่เจ้าว่ามา หลิงเฟิงเจ้าไปจัดการได้เลย!”

“ขอรับ!” หลิงเฟิงไปจัดการทันที

ไม่นานนัก ผู้ชายที่มีแผลเป็นทางยาวบนใบหน้าด้านขวาคนหนึ่งก็เดินเข้ามา“ไอ๊หยา นี่คือคุณชายเฟิ่งไม่ใช่หรือ ดูท่าทางวันนี้คงจะเล่นไม่สนุกใช่ไหม?”

เฟิ่งหยวนยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่“วันนี้ข้านำเงินมาไม่พอ รอให้ข้ามีเงินแล้ว จะต้องให้เขาขอร้องข้าอย่างแน่นอน”

“หากคุณชายเฟิ่งไม่รังเกียจ ข้าสามารถมอบเงินให้ท่านได้!” หน้าบากหลิวกล่าวประจบประแจงเอาใจ

“อย่างเจ้าน่ะหรือ?”

“ไม่ปิดบังคุณชายเฟิ่ง ว่ากันว่าหลังพิงต้นไม้ใหญ่อาศัยความร่มเย็นพึ่งพาคนมีอำนาจอะไรๆก็จัดการได้ง่ายขึ้น ต่อไปหวังว่าคุณชายเฟิ่งจะดูแลข้าน้อยบ้าง พี่สาวของท่านคือจาวหยีของฝ่าบาทองค์ปัจจุบัน นั่นเป็นถึงเกียรติยศและความโปรดปรานสูงสุด ดังนั้นหวังว่าคุณชายเฟิ่งจะให้โอกาสกับข้าน้อย!” ขณะที่หน้าบากหลิวกล่าวไป ก็ควักตั๋วเงินหนาปึกออกมา มีมูลค่าหลายแสนตำลึง

ดวงตาของคุณชายเฟิ่งเป็นประกายขึ้นมาทันที ส่งมาให้ถึงที่ทำไมจะไม่เอา“ถือว่าเจ้าฉลาด ข้าจะให้โอกาสนี้กับเจ้า!”

“ขอบคุณคุณชายเฟิ่งมาก!”

“ที่ไหน ที่ไหน!” เฟิ่งหยวนรับตั๋วเงินมา หันหลังเดินไปทางบ่อนพนัน“ข้ากลับมาอีกแล้ว!”

หน้าบากหลิวตามไปอย่างเชื่อฟัง ใบหน้าเต็มไปด้วยการเอาใจและประจบสอพลอ

หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวที่อยู่ไม่ไกลออกไปเห็นภาพฉากนี้ มุมปากของจวินหย่วนโยวเกี่ยวขึ้นมาด้วยความพึงพอใจ จูงมือของหยุนถิงเดินหน้าต่อไป

จวินหย่วนโยวชำเลืองไปทางคฤหาสน์บางแห่งตรงหน้า“จะเข้าไปนั่งที่จวนตระกูลฟู่ไหม?”

“ดีเลย ข้าไม่ได้พบท่านลั่วนานมากแล้ว ไม่รู้ว่าเขากับฮูหยินเฒ่าฟู่เป็นอย่างไรบ้าง?” หยุนถิงถามขึ้นมาอย่างมีความสุข

“ไปดูก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ”

ทั้งสองคนเดินเข้าไปเคาะประตู ประตูใหญ่เปิดออก เมื่อบ่าวรับใช้ชายที่อยู่ข้างในเห็นจวินซื่อจื่อกับหยุนถิง ก็คำนับด้วยความเคารพนบนอบทันที และพาพวกเขาเข้าไป

เพิ่งจะเดินไปลาน หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวก็เห็นท่านลั่วหมอยมบาลกำลังฝังเข็มให้ตาเฒ่าเหอที่นั่งอยู่บนเก้าอี้“เจ้าห้ามดื่มซุปไก่ที่เหล่าฟู่ทำอีก ได้ยินไหม?”

“เหล่าฟู่คือใครกัน ข้าดื่มแค่ซุปไก่ที่ฮูหยินเฒ่าฟู่ทำเท่านั้น” ตาเฒ่าเหอไม่ยอมรับ

“น่าชิงชังนัก!” ท่านลั่วแทงเข็มลงไปโดยตรง

“โอ้ย ท่านลั่วคนนี้ชั่วร้ายเกินไปแล้ว ถึงกับล้างแค้นส่วนตัว ยังกล้าใช้เข็มแทงข้าอีก?”

“หากไม่ใช่ข้าแทงเจ้า เจ้าคงนอนอยู่ในดินไปนานแล้ว พอใจได้แล้ว!” ท่านลั่วเบะปาก

ตอนนั้นตาเฒ่าเหอถูกองค์หญิงใหญ่แคว้นเทียนจิ่วบีบให้กินยาพิษ เริ่นเซวียนเอ๋อร์ฝังเขาแล้ว จากนั้นคนของหยุนถิงก็ดึงตาเฒ่าเหอออกมาจากดิน และแอบส่งเขามาที่แคว้นต้าเยียนอย่างลับๆ

หยุนถิงให้คนส่งเขามาที่จวนตระกูลฟู่ ท่านลั่วกับตาเฒ่าเหอเป็นเพื่อนกันมาหลายปี ย่อมจะรักษาอย่างเต็มกำลังอยู่แล้ว

ไม่ไกลออกไป ฮูหยินเฒ่าฟู่ยกซุปไก่เข้ามาถ้วยหนึ่ง“เหล่าเหอรีบดื่มตอนร้อนๆเถอะ”

ยังไม่ทันที่ตาเฒ่าเหอจะยื่นมือมา ท่านลั่วก็คว้าไป เงยหน้าดื่มอึกๆจนหมด

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท