จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 556 เจ้าถึงกับกล้าเหน็บแนมข้า

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 556 เจ้าถึงกับกล้าเหน็บแนมข้า

เฟิ่งหยวนที่แกล้งตายในฝูงชน ตกตะลึงในชั่วพริบตา ทำไมเขาถึงกลายเป็นคนสมคบกับศัตรูก่อกบฏได้

“ขอรับ!” องครักษ์ทั้งหมดวิ่งเข้ามา นำตัวคนของแคว้นเทียนจิ่วทั้งหมดไปทันที

เฟิ่งหยวนโหยหวนร้องขอความเมตตา“หลีอ๋องข้าถูกปรักปรำ มีคนต้องการใส่ร้ายข้า ใช่ คือหน้าบากหลิว เขาเป็นคนให้ข้าส่งของมาที่นี่”

นัยน์ตาสีดำที่เย็นชาของโม่ฉือหานกวาดมองมา“แผนที่จัดวางกำลังป้องกันเมืองชายแดนเกี่ยวพันถึงการป้องกันชายแดนทั่วทั้งแคว้นต้าเยียน หากสิ่งนี้ตกไปอยู่ในมือของแคว้นเทียนจิ่วจริงๆ แคว้นต้าเยียนของเราก็ตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน เจ้ามีคำพูดอะไรเก็บไว้ไปคุยกับฝ่าบาทเถอะ!”

องครักษ์สองคนเข้ามา หิ้วตัวเฟิ่งหยวนจากไป

“ไม่ ข้าไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่านั่นคือแผนที่ป้อมปราการ ข้าผิดไปแล้ว หลีอ๋องท่านต้องเชื่อข้านะ” เฟิ่งหยวนกรีดร้อง

โม่ฉือหานไม่สนใจเลยด้วยซ้ำ พาคนกลับพระราชวังโดยตรง

ฮ่องเต้ได้ยินความเป็นมาของเหตุการณ์ ก็โกรธสุดขีด เตะไปทางเฟิ่งหยวนด้วยความโกรธแค้น

เฟิ่งหยวนถูกเตะกระเด็นออกไปหลายเมตรโดยตรง เขาเจ็บปวดจนกรีดร้องอย่างต่อเนื่อง แผลใหม่บวกแผลเก่าที่มีอยู่บนร่างกายแต่เดิม เวลานี้ถูกฮ่องเต้เตะเช่นนี้ ก็กระอักเลือดหมดสติไปในทันที

สีหน้าของฮ่องเต้เคร่งขรึมไร้ความปรานี“อ่อนแอเช่นนี้ ก็กล้าทรยศต้าเยียน เด็กๆ ไปจับตัวเฟิ่งไท่เว่ยมา ข้าจะไต่สวนด้วยตัวเอง!”

“พ่ะย่ะค่ะ!” องครักษ์ที่อยู่หน้าประตูไปจับคนทันที

ทางด้านนี้ เฟิ่งไท่เว่ยเพิ่งกลับมาจากด้านนอก คนเพิ่งมาถึงหน้าประตู กองทัพหลวงหน่วยหนึ่งก็บุกเข้ามา“เฟิ่งไท่เว่ย ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ท่านเข้าวัง!”

เฟิ่งไท่เว่ยเห็นพวกเขามาอย่างเอิกเกริกเช่นนี้ ก็รู้สึกถึงความผิดปกติในทันที“เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่ไหม?”

“เชิญเถอะ!”

องครักษ์สองนายกำลังจะเข้ามาคุมตัว“ข้าไปเองได้!” เฟิ่งไท่เว่ยกล่าวอย่างเย็นชา ก้าวเท้าก็เดินจากไป จู่ๆในใจของเขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีอย่างมากขึ้นมา

พระราชวัง

เฟิ่งไท่เว่ยเห็นฝ่าบาท และมองไปที่เฟิ่งหยวนที่หมดสติอยู่บนพื้น ก็ตกใจจนตัวแข็งทื่อ รีบร้อนคุกเข่าคำนับทันที“กระหม่อมคำนับฝ่าบาท ไม่ทราบว่าฝ่าบาท——”

ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ ฮ่องเต้ก็โยนของสิ่งหนึ่งเข้ามาอย่างแรง บังเอิญกระแทกถูกใบหน้าของเฟิ่งไท่เว่ยพอดี

“เฟิ่งไท่เว่ย เจ้าอธิบายให้ข้าหน่อย นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”

เฟิ่งไท่เว่ยตกใจจนตัวสั่น เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นฝ่าบาทโมโหขนาดนี้ รีบร้อนหยิบของที่หล่นอยู่บนพื้นขึ้นมา และเปิดออกดูก็ตกตะลึงไปอย่างสิ้นเชิง

“นี่ ทำไมแผนที่ป้อมปราการนี่ถึงอยู่ที่นี่ได้?”

“ทำไมถึงอยู่ที่นี่ ต้องถามลูกชายตัวดีของเจ้า เขาเอาแผนที่ป้อมปราการของแคว้นต้าเยียนข้าไปมอบให้ฐานลับของแคว้นเทียนจิ่ว อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่รู้เรื่องนี้?”

คำพูดของฮ่องเต้ละเอียดลออ ดวงตาที่เย็นยะเยือกจ้องมองใบหน้าของเฟิ่งไท่เว่ยอย่างไม่ละสายตา ไม่ปล่อยการแสดงออกทางสีหน้าใดๆบนใบหน้าของเขาไป

ใบหน้าของเฟิ่งไท่เว่ยเต็มไปด้วยความตกตะลึง รีบคารวะหน้าผากแตะพื้นทันที“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร เฟิ่งหยวนจะรู้จักคนของแคว้นเทียนจิ่วได้อย่างไร ถึงแม้ปกติเขาจะโง่เง่าไปหน่อย แต่กระหม่อมรู้ว่าเขาไม่มีความกล้าจะสมคบกับศัตรูก่อกบฏ ขอฝ่าบาทโปรดตรวจสอบให้ชัดเจนด้วย จะต้องมีคนใส่ร้ายเขาอย่างแน่นอน”

“ข้านำกำลังคนไปจับกุมด้วยตัวเอง บังเอิญเห็นเขาส่งมอบแผนที่ป้อมปราการให้สายลับของแคว้นเทียนจิ่วพอดี ทั่วทั้งกองทัพหลวงล้วนสามารถเป็นพยานได้ หรือว่าเฟิ่งไท่เว่ยคิดว่าข้ากับกองทัพหลวงล้วนตาบอดกันหมด!” โม่ฉือหานที่อยู่ด้านข้างกล่าวออกมาอย่างเย็นชา

ทีนี้เฟิ่งไท่เว่ยรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า ได้แต่ร้องขอความเมตตา“ฝ่าบาท เรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันแน่นอน เฟิ่งหยวนต้องถูกคนวางแผนใส่ร้ายอย่างแน่นอน ขอฝ่าบาทโปรดสืบหาความจริงให้ชัดเจนด้วย!”

“ข้าปฏิบัติต่อตระกูลเฟิ่งพวกเจ้าเป็นอย่างดี รู้สึกขอบคุณเจ้าที่เคยช่วยชีวิตข้ามาโดยตลอด สิ่งที่เจ้าทำข้าก็เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ตลอด ตอนนี้ลูกชายของเจ้าสมคบกับศัตรูก่อการกบฏ เจ้ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ข้ายังไม่แน่ใจ เฟิ่งไท่เว่ยเจ้าช่างทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ!” ฮ่องเต้ตรัสด้วยความเคียดแค้นชิงชังอย่างยิ่ง

“ฝ่าบาท ถึงแม้กระหม่อมจะมีความกล้าแค่ไหนก็ไม่กล้าสมคบกับศัตรูก่อการกบฏ เรื่องนี้กระหม่อมไม่รู้เรื่องอย่างแน่นอน มิเช่นนั้นให้ตายอย่างไรกระหม่อมก็จะไม่ปล่อยให้เฟิ่งหยวนออกไปข้างนอก ขอฝ่าบาทโปรดตรวจสอบให้ชัดเจนด้วย!” เฟิ่งไท่เว่ยรีบร้อนขอความเมตตา จากนั้นก็เตะไปที่เฟิ่งหยวนอย่างแรง

เฟิ่งหยวนที่หมดสติก็เจ็บจนตื่นขึ้นมาทันที ยังไม่ทันที่เขาจะตอบสนองกลับมา เฟิ่งไท่เว่ยก็โจมตีทั้งซ้ายทั้งขวา ตบเข้ามาสองฉาก

“เจ้าลูกอกตัญญูคนนี้ยังไม่รีบสารภาพกับฝ่าบาทไปตามความจริงอีก นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”

“ท่านพ่อ ข้าถูกวางกลอุบาย หน้าบากหลิววางแผนทำร้ายข้าทั้งนั้น” เฟิ่งหยวนรีบเล่าเรื่องเล่นเสียเงินที่บ่อนพนัน แล้วก็เรื่องที่ไปส่งแผนที่ออกมาทันที

“บัดซบ เจ้าบอกข้าว่าหนึ่งแสนตำลึงไม่ใช่หรือ ทำไมถึงกลายเป็นสี่แสนตำลึงได้?” เฟิ่งไท่เว่ยโมโหไม่สิ้นสุด

เฟิ่งหยวนตกใจจนตัวสั่น“ท่านพ่อ ก็ข้ากลัวจะถูกท่านตีตายไม่ใช่หรือ ก็เลยไม่กล้าพูดความจริงออกมา”

นัยน์ตาสีดำที่ดำราวกับคืนมืดมิดของฮ่องเต้เฉือนคมและเย็นชา ชำเลืองไปทางเฟิ่งหยวนและเฟิ่งไท่เว่ยที่ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ“เด็กๆ นำตัวเฟิ่งไท่เว่ยกับเฟิ่งหยวนไปขังเอาไว้ในคุก ก่อนที่จะสืบสวนเรื่องนี้ชัดเจน ห้ามใครเข้าเยี่ยมทั้งนั้น นอกเหนือจากนี้หลีอ๋องส่งคนไปล้อมจวนตระกูลเฟิ่งเอาไว้ ห้ามไม่ให้ใครเข้าออก เจ้าไปจับกุมตัวหน้าบากหลิวมาด้วยตัวเอง เรื่องราวเกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยของชายแดนแคว้นต้าเยียนข้า ข้าไม่อนุญาตให้มีความผิดพลาดใดๆเด็ดขาด!”

“พ่ะย่ะค่ะ!” หลีอ๋องรับพระบัญชา

“ฝ่าบาท กระหม่อมถูกปรักปรำ ฝ่าบาทไว้ชีวิตด้วย——-”

“ฝ่าบาท ข้าถูกใส่ร้าย ฝ่าบาท!”

กองทัพหลวงสองสามนายเข้ามา หิ้วตัวเฟิ่งหยวนกับเฟิ่งไท่เว่ยที่ร้องไห้คร่ำครวญไปที่คุก

ตำหนักด้านข้างที่กว้างใหญ่สงบนิ่งลงมา ฮ่องเต้ก็ยิ่งโมโหหงุดหงิด โยนของที่อยู่บนโต๊ะทั้งหมดลงไปบนพื้นด้วยความโกรธ

แผนที่ป้อมปราการชายแดนของแคว้นต้าเยียนแบ่งออกเป็นทั้งหมดสี่ส่วน ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ใครก่อกบฏ ตระกูลเฟิ่งหนึ่งส่วน หลีอ๋องหนึ่งส่วน ซวนอ๋องหนึ่งส่วน จวินหย่วนโยวหนึ่งส่วน เช่นนี้ถึงแม้มีหนึ่งส่วนตกไปอยู่ในมือของแคว้นอื่น ตำแหน่งของอีกสามส่วนที่เหลือพวกเขาก็ไม่มีทางรู้ได้ เพื่อที่จะได้ลดการสูญเสียให้น้อยที่สุด

แต่กลับคิดไม่ถึงว่า ตระกูลเฟิ่งจะก่อการกบฏ ฮ่องเต้จะไม่โกรธ ไม่หงุดหงิด ไม่แค้นใจได้อย่างไร

“ฝ่าบาท พระวรกายสำคัญ โชคดีที่หลีอ๋องไปได้ทันถ่วงที หยุดทุกสิ่งทุกอย่างนี้เอาไว้!” ซูกงกงปลอบโยนเสียงเบา

“หลายปีมานี้เป็นเพราะข้าให้ท้ายตระกูลเฟิ่งเกินไป ถึงทำให้พวกเขาแอบซ่อนความชั่วในใจเช่นนี้ เจ้าส่งคนไปสืบด้วยตัวเอง ข้าต้องการจะรู้ว่าหลายปีมานี้ตระกูลเฟิ่งยังทำอะไรไว้อีก!” ฮ่องเต้ออกคำสั่ง

“พ่ะย่ะค่ะ!” ซูกงกงไปจัดการทันที

ทางด้านนี้ เฟิ่งจาวหยียังดำเนินการเรื่องเทศกาลไหว้พระจันทร์ แต่แล้วก็เห็นฉินเฟยมาที่ห้องเครื่อง เมื่อคิดถึงเรื่องที่นางถูกฮ่องเต้โปรดปราน เฟิ่งจาวหยีกลืนความโกรธนี้ลงไป และเดินตรงเข้ามา

“วิธีการของพี่สาวช่างดีจริงๆ อายุก็มากและทรุดโทรมแล้วยังสามารถรั้งฝ่าบาทเอาไว้ได้ น้องสาวนับถือจริงๆ!”

เสียงที่เสียดสีแดกดันดังมา เมื่อคนอื่นๆในห้องเครื่องได้ยิน ก็หุบปากกันหมดในทันที ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง

ฉินเฟยมองมาทางนางอย่างเฉยเมย ไม่ได้รู้สึกโกรธเลยแม้แต่น้อย“ใช่แล้ว ข้าอายุมากและทรุดโทรมขนาดนี้แล้วฝ่าบาทยังโปรดปรานข้า แต่กลับไม่โปรดปรานน้องสาวที่งดงามราวกับดอกไม้ น่าขำมากเลยใช่ไหม!”

คำพูดประโยคเดียว เฟิ่งจาวหยีโกรธจนใบหน้าดำมืด“น่าชิงชังนัก เจ้าถึงกับกล้าเหน็บแนมข้า!” ขณะที่พูดก็ยกมือตบเข้าไปหนึ่งฉาก

เพียงแต่ว่านางยังไม่ทันได้แตะต้องฉินเฟย ก็ถูกฉินเฟยจับมือเอาไว้“น้องสาวมีเวลามาทำตัวไร้เหตุผลกับข้า ไม่สู้กลับไปดูที่ตระกูลเฟิ่งดีกว่า ตอนนี้เฟิ่งไท่เว่ยกับเฟิ่งหยวนล้วนถูกกุมขังในคุกแล้ว ตระกูลเฟิ่งก็ถูกกองทัพหลวงล้อมเอาไว้แล้ว เกรงว่าตระกูลเฟิ่งคงจะจบสิ้นแล้ว!”

คนทั้งคนของเฟิ่งจาวหยีชะงักงันไป“เจ้าพูดเหลวไหล นี่มันเป็นไปไม่ได้ ฝ่าบาทไม่มีทางแตะต้องตระกูลเฟิ่งเด็ดขาด!”

“อ้อ งั้นหรือ?”

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท