จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 559 ท่านพี่ ท่านประคองข้าเข้าไป
องค์หญิงใหญ่เห็นหยุนถิงดื่มสุราแล้ว นัยน์ตามีความอำมหิตและมืดมิดเล็กน้อยแว๊บผ่านไป ช่างดีจริงๆ นางก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าหยุนถิงจะอวดดีได้อีกนานเท่าไหร่
ทุกคนกินดื่มกันตามอัธยาศัย ชื่นชมเสียงเพลงและการร่ายรำ งานเลี้ยงก่อนหน้านี้มักจะมีคนที่ไม่มีตามายั่วยุหยุนถิง แต่แล้วก็ถูกหยุนถิงตบหน้ากลับไปทุกคน
ตอนนี้คนที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงเทศกาลไหว้พระจันทร์ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนรู้จักทั้งนั้น ย่อมรู้ถึงความสามารถของหยุนถิงอยู่แล้ว ไม่มีใครก็ไม่กล้าโอหังอวดดี นี่กลับสงบลงไปมาก
เฟิ่งจาวหยีเปลี่ยนชุดฝ่ายในสีแดงเข้มทั้งชุดกลับมา ชำเลืองมององค์หญิงใหญ่เห็นนางพยักหน้าให้กับตัวเอง เฟิ่งจาวหยีเข้าใจอย่างชัดเจน
“งานเลี้ยงเทศกาลไหว้พระจันทร์ในครั้งนี้ลำบากเฟิ่งจาวหยีแล้ว เฟิ่งจาวหยีรีบนั่งลงเถอะ!” ฉินเฟยกล่าวอย่างเอาใจใส่
เฟิ่งจาวหยีจ้องมองนางด้วยความโกรธครู่หนึ่ง ผู้หญิงคนนี้ตีสองหน้าเก่งที่สุด แสร้งทำเป็นพี่น้องผูกพันลึกซึ้งอะไรกัน
แต่ว่าต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาทและคนมากมายขนาดนี้ เฟิ่งจาวหยีย่อมไม่โง่ขนาดไปด่านาง แต่ยิ้มขึ้นมาอย่างราบเรียบ“ไม่ลำบาก ขอเพียงสามารถแบ่งเบาความกังวลของฝ่าบาท หม่อมฉันทำอะไรล้วนเป็นเรื่องสมควรทั้งนั้น!”
ฮ่องเต้พอพระทัยอย่างยิ่ง“เฟิ่งจาวหยีจัดงานเลี้ยงวันไหว้พระจันทร์มีความดีความชอบ ประทานหยกหรูอี้หนึ่งคู่ อัญมณีหนึ่งกล่อง ผ้าไหมผ้าแพร——”
ใบหน้าของเฟิ่งจาวหยีเต็มไปด้วยความยินดี รีบร้อนลุกขึ้นมาคำนับ เพียงแต่ว่านางยังไม่ทันได้ดีใจ จู่ๆสีหน่าของฮ่องเต้ก็ซีดขาว ขมวดคิ้วแน่น กระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง
ทุกคนล้วนตกใจแทบแย่
“หมอหลวง รีบเชิญหมอหลวงเร็ว!” เหมยเฟยรีบวิ่งเข้ามาทันที ร้องตะโกนด้วยความกระวนกระวาย
ซูกงกงรีบให้คนไปเชิญหมอหลวงหลิวมาทันที เพราะหลีอ๋องก่อเรื่องวุ่นวายเมื่อครู่นี้ หมอหลวงหลิวกลับไปที่โรงหมอหลวงแล้ว
“ฝ่าบาท ฝ่าบาททรงเป็นอย่างไรบ้าง?” หลิ่วเฟยถามด้วยความเป็นห่วง
ฮ่องเต้สีหน้าซีดขาว สัญญาณชีวิตอ่อนมาก คนทั้งคนอ่อนแออย่างยิ่ง
โม่ฉือชิงวิ่งเข้ามาทันที“เสด็จพี่ ทรงเป็นอย่างไรบ้าง อยู่ดีๆทำไมถึงกระอักเลือดได้?”
ทุกคนที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงในวันนี้ห้ามใครจากไปทั้งนั้น ข้าจะให้คนปิดล้อมพระราชวัง สืบหาตัวคนร้ายอย่างเข้มงวดกวดขันเดี๋ยวนี้!” โม่ฉือหานกล่าวออกมาอย่างเย็นชา เรียกกองทัพหลวงมาทันที
สถานที่จัดงานเลี้ยงที่กว้างใหญ่ถูกกองทัพหลวงจำนวนมากล้อมรอบเอาไว้ ทุกคนตกใจจนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
กลับเป็นโม่เหลิ่งเหยียนที่สีหน้าเย็นชาเหมือนปกติ ไม่มีการแสดงออกทางสีหน้าใดๆ
“ไอ๊หยา นี่คือมันเป็นสีดำ ฝ่าบาทถูกพิษนี่นา เฟิ่งจาวหยีเจ้าถึงกับกล้าวางยาพิษฝ่าบาท!” ฉินเฟยกรีดร้องขึ้นมาดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที
คนทั้งคนของเฟิ่งจาวหยีตกตะลึงไป“เป็นไปได้อย่างไร ข้าไม่มีทางทำร้ายฝ่าบาทเด็ดขาด เป็นไปไม่ได้ที่ถ้วยสุราของฝ่าบาทจะมีพิษได้”
“ถ้าหากไม่มีพิษ เช่นนั้นทำไมฝ่าบาทถึงกระอักเลือด แถมยังเป็นเลือดสีดำอีกด้วย?” ฉินเฟยถามกลับ
สมองของเฟิ่งจาวหยีว่างเปล่าไปหมด นางมองไปทางหยุนถิงโดยสัญชาตญาณ เห็นนางนั่งอยู่บนที่นั่งอย่างดี ก็ยิ่งตกตะลึงเข้าไปใหญ่“ทำไมเจ้าถึงไม่เป็นอะไร ต้องเป็นเจ้าแน่ๆใช่ไหม?”
ทุกคนล้วนฟังออกถึงความผิดปกติในคำพูดนี้ แม้แต่สีหน้าของฮ่องเต้ก็เคร่งขรึมลงมาเล็กน้อย
มุมปากของหยุนถิงยกขึ้นมาอย่างเย้ยหยันเล็กน้อย“เฟิ่งจาวหยี ทำไมข้าต้องเป็นอะไรด้วย ท่านให้คนวางยาพิษในสุราของข้า ข้าก็จะต้องเป็นอะไรด้วยหรือ?”
เกรงว่าท่านคงจะลืมไปแล้ว ข้าเป็นถึงยอดฝีมือการใช้พิษ ในสุรามีพิษหรือไม่ ข้าดมกลิ่นก็รู้แล้ว ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นกับฝ่าบาท หรือว่าท่านจะสงสัยว่าข้าเปลี่ยนกาสุรา
งานเลี้ยงเทศกาลไหว้พระจันทร์ในวันนี้ท่านเป็นคนดำเนินการด้วยตัวเอง ของที่ใช้ก็ล้วนผ่านมือคนที่ท่านไว้ใจทั้งนั้น ข้าอยู่ที่จวนซื่อจื่อทุกวันแล้วจะสับเปลี่ยนกาสุราได้อย่างไร
สาวใช้ที่ยกสุราท่านก็คัดเลือกมาอย่างพิถีพิถันใช่ไหม ดังนั้นคนที่วางยาให้ฝ่าบาทก็คือท่าน ข้าไม่รับการใส่ร้ายนี่หรอกนะ!”
ทุกถ้อยคำละเอียดลออ เย็นชาเด็ดขาด พูดส่วนได้ส่วนเสียที่อยู่ในนั้นออกมาอย่างชัดเจน
ทุกคนไม่ใช่คนโง่เสียหน่อย เข้าใจในทันที บวกกับตอนนี้พ่อลูกตระกูลเฟิ่งถูกขังอยู่ในคุก เฟิ่งจาวหยีคิดแค้นในใจ อาจจะใช้วิธีที่แตกต่างจากปกติก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
“ซื่อจื่อเฟย รบกวนเจ้ารีบตรวจให้ฝ่าบาทหน่อย!” เหมยเฟยอดที่จะกล่าวขึ้นมาไม่ได้
“ตกลง!” หยุนถิงลุกขึ้นมาก็จะนั่งเข้ามา จู่ๆก็หยุดชะงัก ยื่นมือไปกุมหน้าอกเอาไว้ สีหน้าเคร่งเครียด กระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง
“ถิงเอ๋อร์ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” จวินหย่วนโยวตื่นตระหนกขึ้นมาทันที รีบลุกขึ้นมาประคองนางเอาไว้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
เฟิ่งจาวหยีเห็นหยุนถิงที่ก่อนหน้านี้ยังโอหังอวดดี จู่ๆก็กระอักเลือดออกมา ก็รู้สึกได้ใจอย่างยิ่งทันที
ช่างดีจริงๆ นางถูกพิษแล้วจริงๆ
เดิมทีสีหน้าของฮ่องเต้ก็ซีดเซียวอยู่แล้ว เวลานี้ก็ยิ่งมืดมนและเย็นชามากยิ่งขึ้น คำพูดของหยุนถิงเมื่อครู่นี้เขาฟังด้วยความเข้าใจชัดเจน
เฟิ่งจาวหยีคนนี้ต้องการจะวางยาพิษหยุนถิง แต่กลับทำให้ตัวเองติดร่างแหไปด้วย น่าชิงชังนัก
“เฟิ่งจาวหยีวางยาพิษข้ากับหยุนถิง ยากที่จะหลีกเลี่ยงความผิด เด็กๆปลดเฟิ่งจาวหยีออกจากตำแหน่ง ขังนางเอาไว้ในคุก หลีอ๋องเรื่องนี้ให้เจ้าเป็นคนสืบสวน แค่กๆ——” ฮ่องเต้ออกคำสั่งอย่างอ่อนแรง
เมื่อครู่นี้เขายังตำหนิโม่ฉือหานว่าก่อความวุ่นวาย ตอนนี้หยุนถิงถูกพิษสามารถพิสูจน์เรื่องนี้ได้พอดี ก็ถือว่าเป็นการชดเชยให้กับหลีอ๋องแล้ว
“พ่ะย่ะค่ะ!” โม่ฉือหานรับพระบัญชาทันที
“ฝ่าบาท หม่อมฉันถูกใส่ร้าย หม่อมฉันไม่เคยคิดจะทำร้ายพระองค์มาก่อน ฝ่าบาท ขอพระองค์โปรดเชื่อหม่อมฉันด้วยเถิด——” เฟิ่งจาวหยีรีบร้องขอความเมตตาทันที แต่กลับถูกกองทัพหลวงสองนายนำตัวออกไป
มือที่ถือถ้วยสุราของโม่เหลิ่งเหยียนก็กระชับแน่นอย่างยิ่งเช่นกัน แต่กลับไม่ได้เข้ามา นัยน์ตาสีดำที่เย็นชาคู่นั้นชำเลืองมองไปทางองค์หญิงใหญ่แคว้นเทียนจิ่วที่อยู่ตรงข้าม
ในตอนที่เห็นใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความได้ใจ หว่างคิ้วเต็มไปด้วยการบรรลุผลและมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น รอบๆตัวของโม่เหลิ่งเหยียนแผ่ซ่านไปด้วยความโหดเหี้ยมทันที
“เพียะ!” ถ้วยสุราที่อยู่ในมือของเขาถูกบีบจนแตกกระจายโดยตรง
“ถิงเอ๋อร์ หลิงเฟิงรับไปเชิญคนมาเดี๋ยวนี้!” จวินหย่วนโยวออกคำสั่ง
“ขอรับ!” หลิงเฟิงไปดำเนินการทันที
หมอหลวงหลิวมาถึงแล้ว เขาเห็นฮ่องเต้กับหยุนถิงล้วนถูกพิษ สีหน้าก็ยิ่งเต็มไปด้วยความตึงเครียด รีบจับชีพจรให้ฝ่าบาททันที จากนั้นสีหน้าก็ยิ่งเคร่งขรึมมากขึ้น
“ฝ่าบาท พระองค์ถูกพิษร้ายแรง พิษนี้เข้าสู่หัวใจแล้ว ชั่วขณะหนึ่งกระหม่อมไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นพิษอะไร ยังต้องการเวลา——” หมอหลวงหลิวกล่าวอย่างตัวสั่นงันงก
“ไหนเลยที่ฝ่าบาทจะรอได้อีก หมอหลวงหลิวเจ้ารีบเข้าเถอะ!” เหมยเฟยกระวนกระวายอย่างยิ่ง
“ท่านพี่ ท่านประคองข้าเข้าไปดูหน่อย” เสียงของหยุนถิงเบาอย่างมาก
จวินหย่วนโยวอุ้มนางขึ้นมาในแนวนอน เดินไปทางฝ่าบาท
“ฝ่าบาท ข้าจับชีพจรให้พระองค์!” หยุนถิงยื่นมือเข้ามาช้าๆ ฮ่องเต้ย่อมรู้อยู่แล้วว่าทักษะทางการแพทย์ของหยุนถิงดีกว่าหมอหลวงหลิว รีบยื่นแขนเข้ามาทันที
เมื่อครู่เห็นนางถูกพิษ ฮ่องเต้อายที่จะให้นางช่วยดูให้ตัวเองก่อน ตอนนี้หยุนถิงเข้ามาเอง กลับทำให้ฮ่องเต้รู้สึกซาบซึ้งใจเล็กน้อย
นานพักใหญ่ หยุนถิงเก็บมือกลับไป ขอเข็มเงินกับหมอหลวงหลิว จุ่มเลือดสีดำที่ฮ่องเต้เพิ่งสำรอกออกมาเมื่อครู่นี้ ดมกลิ่นระหว่างลมหายใจ
“ฝ่าบาท หากข้าเดาไม่ผิด นี่น่าจะเป็นยาเจ็ดวิญญาณสุดยอดแห่งพิษร้ายแรง ผู้ที่กินพิษนี้เข้าไปจะมีอาการชักเกร็ง เจ็บปวดอย่างยิ่ง ร่างกายเน่าเปื่อยไปทั้งตัว ได้รับความทรมานอย่างสุดซึ้ง เลือดออกจากทวารทั้งเจ็ดจนตายในอีกเจ็ดวันให้หลัง!” หยุนถิงตอบ
คำพูดประโยคเดียว ทำให้ทุกคนตกตะลึง
ฮ่องเต้ก็สะดุ้งตกใจไปจริงๆเช่นกัน“มียาถอนพิษหรือไม่?”
“ในโลกนี้ไร้ยาถอนพิษ” หยุนถิงตอบ
สีหน้าของฮ่องเต้ซีดขาวดุจเถ้าถ่านที่ดับมอดไปในทันที“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ทำไมพระราชวังถึงได้มียาพิษร้ายแรงเช่นนี้?”
“เช่นนั้นก็ต้องถามองค์หญิงใหญ่แล้ว ก่อนที่นางจะมาจากแคว้นเทียนจิ่วนางใช้เริ่นเซวียนเอ๋อร์ข่มขู่อดีตท่านเจ้าหอของหอเทพเซียน ให้เขาสกัดยาเจ็ดวิญญาณ จากนั้นก็วางยาพิษเขา และนำยาพิษร้ายแรงเช่นนี้มาที่พระราชวังของแคว้นต้าเยียน องค์หญิงใหญ่ท่านไม่ควรอธิบายหน่อยหรือ?” หยุนถิงมองมาอย่างเย็นชา