จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 564 หากข้าเป็นเจ้าข้าจะไม่ตะโกน

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 564 หากข้าเป็นเจ้าข้าจะไม่ตะโกน

หลัวหรูจี๋ย่อมไม่หวังให้ฮ่องเต้ตื่นมาอยู่แล้ว กล่าวขึ้นมาอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน“ช่างเป็นผู้หญิงที่หยาบคายจริงๆ”

“องค์หญิงใหญ่ ถ้าอย่างไรท่านไปพักผ่อนที่ห้องข้างๆดีไหม?” จี้อวี๋เสนอแนะ

องค์หญิงใหญ่จ้องมองไปที่โม่หลานที่นอนอยู่ รู้สึกโกรธแทบตาย สะบัดแขนเสื้อก็ไปที่ห้องด้านข้าง

โม่หลานลุกขึ้นตามไปที่ห้องด้านข้างทันที

“เจ้าติดตามข้าทำไม?” องค์หญิงใหญ่กล่าวด้วยความหงุดหงิดโมโห

“ฝ่าบาทของเราถูกพิษหมดสติ ข้ากลัวว่าจะมีคนทำสิ่งที่ไม่เป็นผลดีต่อองค์หญิงใหญ่ ดังนั้นก็เลยจะปกป้องท่าน!” โม่หลานเบะปาก เดินตรงเข้าไป

ครั้งนี้ นางไม่ได้ไปที่เตียงนอน แต่ไปพิงอยู่บนตั่งนอนกุ้ยเฟย

“ปกป้องอะไร นี่มันเฝ้าสังเกตการณ์ชัดๆ!” หลัวหรูจี๋ตอบโต้

“หากท่านจะเข้าใจอย่างนั้น ก็ได้เช่นกัน” โม่หลานกล่าวอย่างเย็นชา

หลัวหรูจี๋ยังไม่เคยเห็นผู้หญิงที่หน้าด้านเช่นนี้มาก่อน รู้สึกโกรธแทบตายจริงๆ

“เด็กๆ ข้าต้องการจะเปลี่ยนห้องรับแขก!” องค์หญิงใหญ่จ้องมองไปทางกองทหารหลวงที่อยู่ในลาน

“เรียนองค์หญิงใหญ่ คนที่มาร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้มีมากเกินไป ไม่มีห้องว่างเหลือแล้ว” กองทหารหลวงนายหนึ่งตอบ

นัยยะนอกเหนือคำพูดก็คือ เจ้าไม่อยู่ที่นี่ ก็ไม่มีที่ให้อยู่แล้ว

“น่าชิงชังนัก!” องค์หญิงใหญ่โกรธแทบตาย แต่อย่างไรเสียก็อยู่ในพระราชวังต้าเยียน และเมื่อครู่นี้นางก็เพิ่งสูญเสียองครักษ์ลับกับหน่วยกล้าตายไปหลายสิบคน จะมาเสียคนโดยเปล่าประโยชน์ที่นี่ไม่ได้

องค์หญิงใหญ่โกรธจนสะบัดแขนเสื้อไปที่ห้องด้านข้างอีกครั้ง โม่หลานก็ตามไปด้วยเช่นกัน

องค์หญิงใหญ่ไปไหน โม่หลานก็ตามไปด้วย แม้แต่ตอนที่องค์หญิงใหญ่เข้าห้องน้ำ โม่หลานก็เฝ้าอยู่ที่หน้าประตู พูดได้ว่าไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียว องค์หญิงใหญ่โกรธจนจะบ้าตายอยู่แล้ว

นี่มันแตกต่างจากการเฝ้านักโทษตรงไหน อย่างน้อยนักโทษก็ยังมีห้องขังของตัวเอง

นางกลับดี ตามก้นอยู่ตลอด น่าชิงชังจริงๆ

โม่ฉือชิงที่อยู่ในลานตลอดเห็นท่าทางที่โกรธมากแต่ก็ไม่มีที่ระบายอารมณ์ขององค์หญิงใหญ่ ก็รู้สึกวางใจในทันที หันหลังก็จากไป

ชำเลืองไปทางโม่หลานที่อยู่บนตั่งนอนกุ้ยเฟย องค์หญิงใหญ่คิดแม้กระทั่งอยากจะฆ่านางให้ตายจริงๆ

ทำอย่างไรได้โม่หลานสู้เก่งเกินไป จี้อวี๋ก็ยังเสมอกับนางเท่านั้น องค์หญิงใหญ่ได้แต่อดทนเท่านั้น

วุ่นวายไปนานขนาดนี้ องค์หญิงใหญ่ก็เหนื่อยแล้วเช่นกัน ถึงแม้จะไม่พอใจ ก็ได้แต่นอนพักผ่อนแล้ว ไม่รู้ว่าทางด้านจวนซื่อจื่อทำสำเร็จหรือยัง

แต่แล้วนางยังไม่ทันจะได้นอนหลับ ก็ได้ยินกรนของโม่หลาน ดังราวกับฟ้าผ่า องค์หญิงใหญ่หงุดหงิดอย่างยิ่ง

“เด็กๆ ปลุกนางให้ตื่น!” องค์หญิงใหญ่กล่าวอย่างเย็นชา

สาวใช้คนสนิทรีบเข้ามาทันที ทางไปทางโม่หลาน กำลังจะยื่นมือไปผลักนาง แต่แล้วมือเพิ่งจะสัมผัสตัวโม่หลาน ดวงตาคู่สวยของโม่หลานที่เดิมทีนอนหลับอยู่จู่ๆก็ลืมตาขึ้นมากะทันหัน ตบนังหนูคนนั้นกระเด็นออกไปในหนึ่งฝ่ามือ

“อ๊ากก!” สาวใช้กรีดร้องขึ้นมา คนทั้งคนกระเด็นออกไปไกลหลายเมตรล้มลงไปบนพื้น หมดสติไปในทันที

“โม่หลานเจ้าถึงกับกล้าตบคนของข้าจนสลบ?” องค์หญิงใหญ่คำรามด้วยความโกรธ

โม่หลานเบะปากเล็กน้อย“ทำเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตเช่นนี้ทำไม ข้านึกว่ามีคนลอบโจมตี ปฏิกิริยาตอบสนองตามสัญชาตญาณเท่านั้น”

“ทำเกินไปแล้ว จี้อวี๋เข้ามาเดี๋ยวนี้!” องค์หญิงใหญ่คำรามด้วยความโกรธ

จี้อวี๋ที่เฝ้าอยู่หน้าประตูรีบวิ่งเข้ามาทันที“องค์หญิงใหญ่มีอะไรให้รับใช้?”

“ลากตัวผู้หญิงที่หยาบคายคนนี้ออกไป ข้าไม่อยากเห็นหน้านาง!”

จี้อวี๋ชำเลืองไปทางโม่หลาน“เชิญเถอะ!”

โม่หลานก็ไม่ได้ปฏิเสธ เดินหาวออกไปอย่างสะลึมสะลือ

จี้อวี๋รีบปิดประตูห้องทันที สีหน้าขององค์หญิงใหญ่ถึงได้ดีขึ้นมาเล็กน้อย

“ถ้าอย่างไรเราสองคนมาสู้กันต่อดีไหม?” โม่หลานมองไปทางคนที่อยู่ด้านข้าง

มุมปากของจี้อวี๋กระตุกขึ้นมา นังหนูนี่มีระบบร่างกายแบบไหนกัน เพิ่งจะพักผ่อนไปครู่เดียวก็จะสู้ต่อแล้ว กระดูกของนางแทบจะพังทลายอยู่แล้ว

“ไม่ได้ ดีร้ายอย่างไรเจ้าก็ได้งีบไปครู่หนึ่ง ข้ายังไม่ได้พักผ่อนเลย หากสู้กันเช่นนี้ข้าต้องแพ้เจ้าแน่นอน พรุ่งนี้ค่อยสู้กันใหม่!”

“ก็ได้ เช่นนั้นเจ้าไปนอนเถอะ!” ขณะที่กล่าวไป โม่หลานก็ชำเลืองไปทางกองทัพหลวงที่อยู่ไม่ไกลออกไป“ข้าหิวแล้ว เจ้าไปดูสิว่าห้องเครื่องมีอะไรกินบ้าง เอามาให้ข้าเยอะๆหน่อย!”

“ขอรับ” กองทัพหลวงไปจัดการทันที

ไม่นานนัก องครักษ์ก็ยกกล่องอาหารมาสองกล่อง หมูเห็ดเป็ดไก่แล้วก็อาหารมังสวิรัติ ของหวาน อุดมสมบูรณ์อย่างมาก

“ไม่เลว อาหารที่เจ้าเอามาถูกใจข้ามาก ขอบใจมาก!” โม่หลานพึงพอใจอย่างยิ่ง

“แม่ทัพโม่ไม่ต้องเกรงใจ ท่านกินจนอิ่มดื่มจนเพียงพอแล้วตีแคว้นเทียนจิ่วให้พ่ายแพ้ยับเยิน ก็คือการช่วงชิงเกียรติยศให้กับแคว้นต้าเยียนของเราแล้ว!” กองทัพหลวงยกอาหารออกมาอย่างรวดเร็ว

“ขอบคุณมาก!” โม่หลานเอ่ยปาก

“หากต้องการอะไรท่านแม่ทัพค่อยเรียกข้า ข้าจะมาทุกเมื่อ!”

“ตกลง!”

จากนั้นโม่หลานก็เริ่มกินขึ้นมา เมื่อครู่นางต่อสู้ไปนานขนาดนี้ เวลานี้ย่อมรู้สึกหิวเป็นธรรมดา

จู่ๆหลงเอ้อก็ปรากฏตัวขึ้นมา ถือกล่องใบเล็กใบหนึ่งเอาไว้ในมือ“ซื่อจื่อเฟยของข้าให้ท่าน นางบอกว่าท่านเฝ้าองค์หญิงใหญ่ลำบากแล้ว บำรุงเยอะๆหน่อย”

โม่หลานรู้สึกยินดี“หยุนถิงมีน้ำใจ ขอบคุณนางแทนข้าด้วย”

“ตกลง!” หลงเอ้อกระโดดตัวจากไปอีกครั้ง

โม่หลานเปิดกล่องออก ข้างในเป็นยาบำรุงชนิดต่างๆ นางไม่มองเลยด้วยซ้ำ เปิดมันออกก็กินตามอำเภอใจ

กองทัพหลวงที่อยู่ด้านข้างมองด้วยความตกตะลึง ทักษะทางการแพทย์ของซื่อจื่อเฟยในสี่แคว้นไม่มีใครเทียบได้ ยาของนางล้ำค่ามาก มีเงินก็หาซื้อไม่ได้ แม่ทัพโม่ถึงกับกินเป็นขนมทั้งหมด นี่มันช่างน่าโมโหจริงๆ

เมื่อโม่หลานก้มหน้าก็เห็นกองทัพหลวงที่เฝ้าอยู่ในลานกำลังเบิกตากว้างจ้องมองดูตัวเอง“พวกเจ้าอยากกิน?”

ทั้งสองคนพยักหน้าอย่างแรง บางทีอาจเป็นเพราะคิดว่าพวกเขาไม่คู่ควร ก็รีบส่ายหน้าอีกครั้ง

“อยากกินก็พูดตรงๆ ข้าเกลียดการอ้อมค้อมที่สุด อันนี้ให้พวกเจ้า” โม่หลานโยนยาเข้ามาหนึ่งขวดโดยตรง

กองทัพหลวงรับมาทันที ราวกับได้รับของล้ำค่า“ขอบคุณแม่ทัพโม่มาก ขอบคุณ!”

“พอได้แล้ว รีบกินเถอะ ไม่ต้องเก็บเอาไว้ ระวังจะถูกสุนัขรับใช้ของแคว้นเทียนจิ่วขโมยไป!” โม่หลานเบะปาก

กองทัพหลวงสองคนรู้สึกว่ามีเหตุผล รีบเปิดฝาออกและกินทันที

องค์หญิงใหญ่ที่อยู่ในเรือนไม่เคยรู้สึกโกรธ หงุดหงิดโมโห หดหู่คับข้องใจเช่นนี้มาก่อน โม่หลานคนนี้คือคนที่สวรรค์ส่งมาทรมานตัวเองอย่างแน่นอน

เริ่มแรกก็สอดแนม แล้วก็ต่อสู้ เวลานี้ยังถึงกับกินอาหารกลางดึก ก็ไม่รู้ว่าทำไมคนตระกูลโม่ถึงได้สั่งสอนผู้หญิงที่หยาบคาย ไม่มีการศึกษาเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร

โม่หลานที่อยู่หน้าประตูกินดื่มอย่างไม่สนใจภาพลักษณ์ มีความสุขอย่างยิ่ง กินจนอิ่มดื่มจนเพียงพอก็ผลักประตูเข้าไปอีกครั้ง เดินไปที่ตั่งนอนกุ้ยเฟย แล้วก็เข้านอนต่อ

ไหนเลยที่องค์หญิงใหญ่จะทนนางเช่นนี้ได้ กำลังจะเอ่ยปาก โม่หลานก็ชิงพูดก่อนนางหนึ่งก้าว“ถ้าหากข้าเป็นท่านข้าจะไม่เรียกจี้อวี๋อีก เดิมทีเราสองคนก็เสมอกันอยู่แล้ว แต่หากเป็นเพราะท่านเอาแต่เรียกนางบ่อยๆ ทำให้นางไม่ได้พักผ่อนดีๆ พรุ่งนี้พ่ายแพ้ให้ข้า เช่นนั้นสิ่งที่แพ้นั่นเป็นถึงตราทหารของท่านเชียวนะ!”

องค์หญิงใหญ่โกรธแค้นจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แต่โม่หลานพูดได้มีเหตุผลจริงๆ หากพ่ายแพ้จริงๆ เช่นนั้นตราทหารของนางก็จบเห่แล้ว

“น่าชิงชังนัก พรุ่งนี้ข้าค่อยคิดบัญชีกับเจ้า!” องค์หญิงใหญ่กล่าวออกมาอย่างเย็นชา

“เมื่อไหร่ก็ได้ทั้งนั้น!” โม่หลานเกี่ยวมุมปากขึ้นมาเล็กน้อยแล้วก็นอนหลับต่อไป

ถึงแม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาหลังเที่ยงคืน แต่สามสี่ชั่วยามนั่นทรมานองค์หญิงใหญ่จนแทบบ้าจริงๆ นางถึงขั้นสงสัยว่าโม่หลานเป็นผู้หญิงหรือไม่ มีผู้หญิงที่ไหนนอนกรน กัดฟัน พูดละเมอยังเป็นเรื่องการต่อสู้และด่าว่าคน——

วันรุ่งขึ้นฟ้าเพิ่งจะสาง องค์หญิงใหญ่ก็ไปหาหลิ่วเฟยโดยตรง“ข้าจะกลับไปที่แปรพระราชฐาน หรือไม่ก็พาตัวโม่หลานออกไป ข้าไม่อยากเห็นหน้านางอีกแม้แต่นาทีเดียว!”

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท