จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 569 หยุนไห่เทียนขอแต่งงานซูชิงโยว

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 569 หยุนไห่เทียนขอแต่งงานซูชิงโยว

โชคดีที่ปฏิกิริยาตอบสนองของเขาเร็วมากพอ มิเช่นนั้นจวนตระกูลหยุนเกรงว่าจะได้เห็นเลือดแล้ว

“จวินซื่อจื่อชมเกินไปแล้ว ข้าย่อมจะไม่ให้ใครทำร้ายถิงเอ๋อร์อยู่แล้ว ใครก็ไม่ได้ทั้งนั้น” หยุนเฉิงเซี่ยงรับประกัน

จวินหย่วนโยวพึงพอใจมาก“ขอบคุณหยุนเฉิงเซี่ยงมาก”

“ครอบครัวเดียวกันไม่ต้องเกรงใจเช่นนี้”

หยุนถิงเห็นท่านพ่อของตัวเองกล่าวเช่นนี้ ก็ซาบซึ้งใจมากเช่นกัน

ทางด้านนี้ หยุนไห่เทียนส่งซูชิงโยวกลับจวนตระกูลซู เพื่อแสดงถึงการของคุณ ซูชิงโยวเชิญเขาเข้าไปดื่มชา

หยุนไห่เทียนคิดทบทวน ถึงเวลาต้องไปเยี่ยมเยียนจวนตระกูลซูแล้วจริงๆ ดังนั้นหยุนไห่เทียนจึงเดินตามซูชิงโยวเข้าไป

แต่แล้วทั้งสองคนเพิ่งจะเข้าไปถึงห้องโถง ก็เห็นอู๋ซงอยู่ด้วยเช่นกัน บนพื้นยังมีกล่องสีแดงวางเอาไว้มากมาย ดูแล้วเหมือนกับสินสอดทองหมั้น

“ท่านอา ขอท่านโปรดรับปากข้าเถอะ ข้าชอบน้องชิงโยวจริงๆ ถ้าหากข้าแต่งงานกับนางแล้ว ข้าสัญญาว่าจะดีต่อนาง!” อู๋ซงกล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความจริงใจ

ซูโหวเย่ชักสีหน้าทันที“หลานชายใช่ว่าข้าจะไม่รับปากเจ้า แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องนี้ เมื่อคืนชิงโยวไปร่วมงานเลี้ยงที่พระราชวัง จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา พระราชวังให้เพียงขันทีน้อยมาบอกว่าเกิดเรื่องขึ้นที่พระราชวัง ชิงโยวจำเป็นต้องได้รับการสอบปากคำ เจ้ามาขอแต่งงานในเวลานี้ ไม่เหมาะสม!”

“ท่านอา หลานก้าวล่วงไปแล้ว แต่ข้าชอบชิงโยวจริงๆ ไม่ว่านางจะทำอะไรลงไปข้าก็ไม่สนใจทั้งนั้น ขอเพียงท่านรับปากข้าเท่านั้น!” อู๋ซงกล่าวพร้อมกับกำลังจะคุกเข่าลงไปกับพื้น

“พี่อู๋ซง นี่ท่านกำลังทำอะไร!” ซูชิงโยววิ่งเข้ามาทันที

นางคิดไม่ถึงเลยว่า อู๋ซงจะส่งของกำนัลมาหมั้นหมายที่ตระกูลซู แถมยังเป็นเวลาที่นางถูกกักตัวที่พระราชวังอีก ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็มีเจตนาฉวยโอกาสเอาเปรียบตอนที่คนอื่นลำบาก

ทันทีที่เสียงดังขึ้นมา คนสองคนที่อยู่ในเรือนมองมาทันที

ซูโหวเย่ร้องไห้ด้วยความดีใจ“ลูกสาว เจ้ากลับมาได้สักที ทำไมแค่ไปร่วมเลี้ยงยังถูกกักตัวที่พระราชวังได้ หากเจ้าเป็นอะไรไป ข้าจะอธิบายกับแม่ที่ตายไปของเจ้าอย่างไรกัน!”

มองดูท่าทางที่ร้องไห้ฟูมฟายของพ่อตัวเอง ซูชิงโยวซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง“ท่านพ่อ ข้าก็ปลอดภัยกลับมาแล้วไม่ใช่หรือ แม่ทัพหยุนเป็นคนส่งข้ากลับมา”

ซูโหวเย่ถึงได้สังเกตเห็นหยุนไห่เทียนที่อยู่ด้านหลัง“ขอบคุณแม่ทัพหยุนมากที่ส่งลูกสาวข้ากลับมา!”

“โหวเย่เกรงใจแล้ว!” หยุนไห่เทียนตอบ

“พ่อบ้าน รีบยกชามา แม่ทัพหยุนไม่ค่อยได้มาจวนตระกูลซู นำใบชาที่ข้าเก็บสะสมออกมา!” ซูโหวเย่กล่าวด้วยความตื่นเต้น

“ขอรับ!”

หยุนไห่เทียนนั่งลง ชำเลืองไปทางอู๋ซงด้วยสีหน้าเย็นชาราวกับน้ำแข็งเย็นยะเยือก“นี่คุณชายอู๋กำลังทำอะไร?”

ใบหน้าของอู๋ซงเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน ตั้งแต่เขาเห็นหยุนไห่เทียนครั้งก่อน ก็รู้สึกว่าชิงโยวปฏิบัติต่อเขาแตกต่างออกไปเล็กน้อย เขาเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง ตระกูลก็ทำการค้าอีก ย่อมไม่สามารถเทียบกับตระกูลหยุนอยู่แล้ว

ดังนั้นอู๋ซงถึงได้ฉวยโอกาสตอนที่ซูชิงโยวไม่อยู่ ต้องการจัดการเรื่องแต่งงานให้เรียบร้อยเร็วๆ

คิดไม่ถึงว่า จะทันเวลาที่นางกลับมาพอดี แถมยังทันเวลาที่แม่ทัพหยุนมาพร้อมกันอีกด้วย

สีหน้าของอู๋ซงแข็งทื่อทันที“ข้า ข้ากำลัง——”

“เขากำลังคุยเรื่องขอแต่งงานกับข้า ชิงโยวเจ้ามาได้จังหวะพอดี อู๋ซงบอกว่าอยากจะขอเจ้าแต่งงาน อย่างไรเสียก็เป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตของเจ้า เจ้าตัดสินใจเองเถอะ!” ซูโหวเย่อธิบาย

ตอนที่พูดคำนี้ ซูโหวเย่ยังไม่ลืมมองไปทางหยุนไห่เทียน

ก็เห็นสีหน้าของหยุนไห่เทียนเคร่งขรึมลงมาจริงๆ จ้องมองไปทางอู๋ซงด้วยสายตาเย็นชา

ซูชิงโยวยังรู้สึกถึงความโกรธของหยุนไห่เทียน รีบเอ่ยปากขึ้นมาทันที“พี่อู๋ซงขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆของท่าน เพียงแต่ว่าข้าจะไม่แต่งงานกับท่าน ทั้งชาติก็จะไม่แต่ง ในใจของข้าเห็นท่านเป็นพี่ชายมาโดยตลอด!”

สีหน้าของอู๋ซงซีดขาว นี่เป็นคำพูดที่เขาไม่อยากได้ยินที่สุด และเป็นคำพูดที่เขากลัวจะได้ยินที่สุดเช่นกัน

“เพราะอะไร น้องชิงโยวเวลาที่อยู่ด้วยกันเรามีความสุข และผ่อนคลายกันมากไม่ใช่หรือ นอกจากนี้พ่อแม่ข้าล้วนชอบเจ้าด้วยกันทั้งคู่ เจ้าแต่งงานกับข้าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว!” อู๋ซงถามด้วยความไม่เต็มใจ

“ใครบอกว่านางแต่งงานกับเจ้าคือตัวเลือกที่ดีที่สุด!” หยุนไห่เทียนกล่าวขึ้นมาอย่างเย็นชา ลุกขึ้นยืน และคำนับให้กับซูโหวเย่

“วันนี้มาเยือนเป็นครั้งแรก ข้ารู้ว่าทำเช่นนี้ค่อนข้างก้าวล่วงเล็กน้อย แต่ข้าก็ชอบชิงโยวเช่นกัน ชิงโยวเองก็ชอบข้า ดังนั้นข้าเองก็ขอคุยเรื่องแต่งงานกับโหวเย่เช่นกัน เรื่องสินสอดทองหมั้นข้าจะกลับไปเตรียมทันที ขอโหวเย่ให้โอกาสข้าสักครั้ง!” หยุนไห่เทียนเอ่ยปากอย่างแสดงอำนาจ

ฟางเส้นสุดท้ายในใจของอู๋ซงถูกทำลายไปอย่างสิ้นเชิง ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ เขาไม่เต็มใจ“ท่านไม่ได้ชอบน้องชิงโยวเลยด้วยซ้ำ มิเช่นนั้นก่อนหน้านี้ท่านคงไม่ปฏิเสธนางหรอก?”

ซูชิงโยวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“ท่านรู้ได้อย่างไร?”

เรื่องนี้นางเคยพูดกับหยุนถิงกับหยุนหลีเท่านั้น คนอื่นๆไม่รู้เรื่องเลย

ใบหน้าของอู๋ซงเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน“ครั้งก่อนตอนที่ริมแม่น้ำ คุณหนูหลีผลักข้าลงไปในน้ำ ตอนนั้นข้าไม่ได้จากไป เพียงแค่อยากจะรู้ว่าทำไมนางถึงปฏิบัติต่อข้าเช่นนั้น ดังนั้นก็เลยแอบฟังการสนทนา ข้าไม่ได้เจตนานะ”

“แอบฟังยังไม่ได้เจตนา เช่นนั้นยังเรียกว่าแอบฟังหรือ?” หยุนไห่เทียนถามกลับอย่างเย็นชา

อู๋ซงก็ยิ่งเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วนและลำบากยากเข็ญ

หยุนไห่เทียนมองไปทางซูชิงโยว ดวงตาลึกซึ้ง“ชิงโยว ข้าก็ไม่เคยคิดว่าจะขอเจ้าแต่งงานเร็วขนาดนี้ วันนี้หากไม่ใช่เพราะเจ้าหมอนี่ บางทีข้ายังจะรออีกสักพัก อยากเราคุ้นเคยกันและกันมากขึ้นอีกหน่อย

แต่ในตอนที่ข้ารู้ว่าเจ้าถูกกักตัวที่พระราชวัง รู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก กังวลกว่าตอนที่ข้าออกรบเสียอีก นาทีนั้น ข้าถึงได้รู้ว่าตัวเองให้ความสำคัญกับเจ้ามากแค่ไหน เป็นห่วงเจ้าเพียงใด

บางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งที่ถิงเอ๋อร์พูดถึง ไม่รู้ตัวว่ารัก แต่ยิ่งรักก็ยิ่งถลำลึก เพียงแต่ตัวข้าเองก็ไม่ทันได้สังเกตเห็น ความจริงเจ้าอยู่ในใจของข้านานแล้ว

ในอดีตข้าไม่เคยคบหาผู้หญิงมาก่อน และไม่รู้ว่าควรจะคบหาอย่างไร ก่อนหน้านี้ปฏิเสธเจ้าเพราะข้าไม่ได้คิดรอบคอบ ไม่รู้ใจของตัวเอง ตอนนี้ข้าแน่ใจแล้วว่าคนที่ข้าชอบคือเจ้า

ในเมื่อยอมรับแล้วก็คือตลอดชีวิต นอกจากนี้ข้ารับรองว่าชาตินี้จะรักเจ้าแค่คนเดียวเท่านั้น ไม่รับสนมเด็ดขาด ข้าไม่ได้นำสินสอดทองหมั้นมาด้วย ยิ่งไม่ได้เตรียมอะไรมา กะทันหันเกินไปจริงๆ แต่ข้าจริงใจกับเจ้า หวังว่าเจ้าจะตอบตกลง!”

คำพูดลึกซึ้ง ซาบซึ้งทุกคำ แม้แต่ซูโหวเย่ฟังแล้วยังรู้สึกประทับใจ

“ลูกพ่อ เจ้ายังรออะไรอยู่ รีบตกลงเร็วเข้า!” ซูโหวเย่เร่งเร้า

เบ้าตาของซูชิงโยวแดงก่ำ ใช่แล้ว นางรอวันนี้มานานมากแล้ว

ความคาดหวังตั้งแต่เริ่มแรก จนต่อมาถูกหยุนไห่เทียนปฏิเสธ ตัวนางเองยังแทบจะยืนหยัดต่อไปไม่ไหวแล้ว ตอนนี้ในที่สุดนางก็สมหวังแล้ว

“ท่านพ่อ ข้าไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?” ซูชิงโยวรู้สึกไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย

แม่ทัพหยุนถึงกับขอตัวเองแต่งงาน ถึงกับบอกว่าชอบตัวเอง ช่างน่าตื่นเต้นและมีความสุขมากจริงๆ ความสุขมากะทันหันเกินไปแล้ว

ซูโหวเย่ยังรู้สึกกังวลเล็กน้อย ยื่นมือเข้ามาหยิกแก้มของซูชิงโยวโดยตรง

“อ๊าก เจ็บจัง ท่านพ่อท่านทำข้าเจ็บแล้ว!”

หยุนไห่เทียนกวาดมองมาด้วยสายตาที่เฉือนคมและเย็นชา ซูโหวเย่ตกใจจนตัวสั่น รีบปล่อยมือทันที“นางบอกว่าตัวเองกำลังฝันอยู่ไม่ใช่หรือ ข้าถึงได้หยิกนาง ด้วยความตื่นเต้นเลยออกแรงมากไปหน่อย”

ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าตัวเองที่เป็นว่าที่พ่อตาคนนี้ ถูกว่าที่ลูกเขยทำให้ตกใจกลัวได้ ช่างน่าขายหน้าจริงๆ

ซูชิงโยวมองดูท่าทางคอตกไม่กล้าออกฤทธิ์ของท่านพ่อตัวเอง ส่งเสียงหัวเราะออกมา“ท่านพ่อขอบคุณท่านมาก ข้ารู้แล้วว่านี่เป็นเรื่องจริง แม่ทัพหยุนขอข้าแต่งงานจริงๆ ข้ายินดี ข้าตกลงรับปากการแต่งงานนี้!”

“ดี ช่างดีจริงๆ เหล่าซูเราสองคนหารือเรื่องการแต่งงานของพวกเขาทั้งคู่เดี๋ยวนี้เลย!” เสียงหัวเราะที่เบิกบานใจเสียงหนึ่งดังมา

หยุนเฉิงเซี่ยงพาพ่อบ้าน และกลุ่มคนที่ยกสินสอดทองหมั้น เดินเข้ามาอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกร

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท