จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 577 เขาคงมิใช่สนใจเจ้าหรอกนะ
“ซื่อจื่อเฟยมีเรื่องลำบากอะไรรึ?” องค์หญิงซินฉิงถามอย่างไม่เข้าใจ
“นางดีเลิศเกินไป ก็ปวดหัวนะ!” รั่วจิ่งถอนหายใจยาว
ซินฉิงหัวเราะออกมา “คนที่เลิศล้ำเช่นซื่อจื่อเฟยนั้นมีไม่มากจริงๆ
“ประเด็นคือซื่อจื่อเฟยของเรายังจิตใจดีมีเมตตา ความรู้ความสามารถมากล้น จริงใจต่อผู้คน ซื่อจื่อได้สมบัติล้ำค่ามาจริงๆ ดูท่าต่อไปจวนซื่อจื่อคงต้องเป็นโสดกันหมดแล้ว” รั่วจิ่งเบ้ปาก
“เพราะเหตุใดเล่า?”
“เพราะซื่อจื่อกับซื่อจื่อเฟยหวานใส่กันยิ่งนัก ทำเอาพวกเราต้องทนความหวานไปตามๆกัน ถึงแบบนี้จะดูน่าอิจฉา แต่ต่อไปพวกเราต้องออกไปปฏิบัติหน้าที่ครั้งหนึ่งก็สิบวันครึ่งเดือน บางทีก็ครึ่งปี ไม่มีทางได้อยู่ด้วยกันทุกวันอยู่แล้ว พอนานวันเข้าก็จะทะเลาะโกรธกัน ดังนั้นอยู่คนเดียวดีกว่า” รั่วจิ่งบอกพลางถอนหายใจ
“บางทีนางอาจจะเข้าใจได้นะ”
“หวังว่านะ จริงสิ สิ่งนี้ให้เจ้า” รั่วจิ่งพูดพลางยื่นยาทามือให้
องค์หญิงซินฉิงแปลกใจ “สิ่งนี้คือ?”
“สองวันก่อนข้าช่วยงานเฉินอ๋องเล็กน้อย เขาเลยมอบให้ข้าน่ะ ข้าเป็นผู้ชายไม่ได้ใช้อะไร สิ่งนี้มีราคาอยู่ ข้าเลยเอามา เจ้าชอบเรื่องตัวยามิใช่รึ ได้ใช้ประโยชน์ด้วย ให้เจ้าแล้วกัน” รั่วจิ่งอธิบาย
“เช่นนั้น ขอบใจนะ!”
“ไม่ต้องเกรงใจดอก ข้าไปก่อนนะ” รั่วจิ่งวิ่งออกไปทันที
“องค์หญิง รั่วจิ่งผู้นี้คงมิใช่ชอบพอท่านกระมัง?” สาวใช้ข้างๆ ถามอย่างสงสัย
“อย่าพูดเหลวไหล เขาเพียงแค่ใจดีเท่านั้นเอง หรืออาจจะรู้สึกว่าข้าน่าสงสาร!” องค์หญิงซินฉิงบอกพลางถอนหายใจ
“เหตุใดท่านถึงน่าสงสารเล่า?”
“ข้ามิอาจจัดการเรื่องการแต่งงานของตนเองได้ ได้แต่แสร้งทำอัปลักษณ์เพื่อทำลายชื่อเสียงตนเอง ในสายตาคนอื่น ข้าเป็นองค์หญิงที่ใบหน้าอัปลักษณ์ชื่อเสียงไม่ดี ก็มีแค่ฐานะองค์หญิงเท่านั้นเอง!”
สาวใช้คิดตามก็จริง “พูดเช่นนี้ รั่วจิ่งนี่ไม่เลวเลย อย่างน้อยเขาเป็นห่วงองค์หญิง และมอบของให้”
“เอาล่ะ พวกเรากลับไปกันเถอะ” องค์หญิงซินฉิงหมุนตัวจากไป มือที่ถือกล่องนั้นกลับออกแรงเล็กน้อย
มีเพียงรั่วจิ่งเท่านั้นที่ไม่รังเกียจตน และยังมอบของให้ตน ในใจองค์หญิงซินฉิงมีความอบอุ่นวาบผ่าน
พอเพลงหนึ่งจบ จวินหย่วนโยวก็หยุดลง “ถิงเอ๋อร์ เจ้าพักผ่อนประเดี๋ยวเถอะ อย่าเหนื่อยเลย”
“ได้” หยุนถิงลุกขึ้นยืน
ตอนนี้ท้องเธอโตแล้ว จะนั่งนานไม่ได้ เลยต้องลุกขึ้นมาเคลื่อนไหวบ้าง
จวินหย่วนโยวรีบเข้ามาพยุงแขนหยุนถิงทันที “ข้าเดินเป็นเพื่อนเจ้านะ!”
โม่เหลิ่งเหยียนก็เก็บใบไม้ในมือเช่นกัน “นี่ก็ดึกมาแล้ว ข้าควรกลับแล้ว!”
“ไม่ส่งแล้วกัน!” จวินหย่วนโยวบอกเสียงเรียบ
หยุนถิงเหล่มองเขา ส่ายหน้าอย่างหน่ายใจ “ก็ได้!”
โม่เหลิ่งเหยียนกลับไปแล้ว ในสวนเหลือเพียงหยุนถิงกับจวินหย่วนโยว ทั้งสองคนมิได้พูดอะไรอีก เดินเล่นอย่างสงบ
แสงจันทร์ใสกระจ่างสาดส่องลงมาที่ตัวพวกเขา สะท้อนเงาทั้งสองทอดยาวนัก
…………….
แคว้นเทียนจิ่ว
ในที่สุดหลังจากกลับมาถึงจวนผิงหนานอ๋องได้ในครึ่งเดือนให้หลัง บัดนี้เซียจิ่วเซียวก็ได้ลืมตาขึ้นมองเห็นประตูใหญ่คุ้นตา ระหว่างทางมาเขาสะลึมสะลือ รู้สึกเพียงลุ่มๆดอนๆยิ่งนัก เซียจิ่วเซียวทำตาเหลือกอย่างมิอยากเชื่อสายตาตนเอง จากนั้นก็แหกปากร้องไห้โฮทันที
พอทหารองครักษ์หน้าประตูเห็นขอทานที่สภาพสกปรกมายืนแหกปากร้องหน้าประตู ก็ไม่พอใจมาก รีบไล่คนทันที
“โจวซานหวางอู่ พวกเจ้าสองคนกล้าทุบตีข้า ดูให้ดีสิ ข้าคือเซียจิ่วเซียว ท่านอ๋องน้อยของพวกเจ้านะ!” เซียจิ่วเซียวตะคอกดัง
โจวซานหวางอู่ได้ยินเสียงคุ้นเคยก็ตะลึง เพ่งมองดูให้ละเอียด พอดูเห็นเป็นท่านอ๋องน้อยของพวกเขาจริงๆ ทั้นสองรีบให้คนมาหามเข้าไปทันที และรายงานต่อท่านอ๋อง
พอผิงหนานอ๋องได้ยินว่าลูกชายตนกลับมาแล้ว ตื่นเต้นยิ่งนัก รีบออกมาจากห้องหนังสือทันที
“แต่วินาทีที่เห็นเซียจิ่วเซียว ผิงหนานอ๋องตะลึงบื้อไปเลย “เซียวเอ๋อร์ เหตุใดเจ้ากลายเป็นเช่นนี้ไปได้เล่า?”
“ท่านพ่อช่วยข้าด้วย ข้านึกว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอท่านอีกแล้ว!” เซียจิ่วเซียวร้องไห้โฮจากนั้นก็เล่าเรื่องที่เขาโดนโม่หลานจับตัวได้ที่แคว้นเป่ยลี่ ไปถึงแคว้นต้าเยียนก็โดนจวินหย่วนโยวทรมานจนแทบอยู่มิสู้ตายออกมาจนหมด รวมถึงเรื่องที่องค์หญิงใหญ่ทอดทิ้งไม่ดูดำดูดีความเป็นความตายของเขาด้วย
ผิงหนานอ๋องตะลึงอึ้ง “เจ้าบอกว่าท่านแม่เจ้าทิ้งเจ้า ไม่ช่วยเจ้า เป็นไปได้อย่างไรกัน เจ้าเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของนางนะ?”
“ท่านพ่อ ข้าเห็นเองกับตาเลยนะ เดิมข้าคิดว่าท่านแม่ไปช่วยข้า สุดท้ายนางออกจากจวนซื่อจื่ออีกที ก็พุ่งไปขึ้นรถม้าจากไปทันที
ไม่ว่าข้าจะร้องเรียกนางยังไง อ้อนวอนนางแค่ไหน นางก็ไม่สนใจเลย ปล่อยให้จวินหย่วนโยวทรมานข้า ทารุณข้า ขาและแขนข้าขาดไปอย่างละข้างเป็นฝีมือจวินหย่วนโยวทั้งนั้น
หากท่านแม่ช่วยข้าจากไป ข้าคงมิต้องโดนทรมานและทารุณเช่นนี้ ท่านพ่อท่านต้องจัดการให้ข้านะ เป็นเพราะท่านแม่ไม่ช่วยข้า
บัดนี้ข้ากลายเป็นคนพิการเยี่ยงนี้ คิดแค่ว่า ก่อนตายอยากได้เจอหน้าท่านอีกสักครั้ง เท่านี้ข้าก็ตายตาหลับแล้ว!” เซียจิ่วเซียวร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหลพราก ดูน่าอนาถนัก
ใบหน้าผิงหนานอ๋องดูเย็นเยียบยิ่งนัก บรรยากาศรอบตัวเย็นจนถึงติดลบ มือที่อยู่ใต้ชายเสื้อกำหมัดแน่นจนได้ยินเสียงกระดูกลั่น
เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า องค์หญิงใหญ่จะไร้เยื่อใยเลือดเย็นถึงเพียงนี้
เซียวเอ๋อร์เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของนาง นางรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะกับตนเองว่า ต้องการกองทัพห้าหมื่นนายบอกจะเอาไปช่วยเซียวเอ๋อร์ สุดท้ายกลับทอดทิ้งลูกไม่ไยดี ทำเอาเขาโดนคนตัดแขนตัดขา ตอนนี้ผิงหนานอ๋องเดือดดาลยิ่งนัก เคียดแค้นองค์หญิงใหญ่ยิ่งนัก
องค์หญิงใหญ่เป็นคนเย่อหยิ่งจองหองมาแต่ไหนแต่ไร ชื่นชอบอำนาจ ทำได้ทุกอย่างไม่เลือกวิธีการเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย การที่นางแต่งงานกับผิงหนานอ๋อง ก็เพื่ออำนาจทหารในมือผิงหนานอ๋องเท่านั้น นับตั้งแต่แต่งงานกันมา อำนาจทหารในมือผิงหนานอ๋องก็โดนองค์หญิงใหญ๋ควบคุมไว้หมดแล้ว
เดิมผิงหนานอ๋องไม่สนใจ หลายปีมานี้เขาสงบจิตสงบใจ ไม่ถือสาอะไร ขอเพียงในใจองค์หญิงใหญ่มีตนและดีกับลูกชายก็พอแล้ว
แต่บัดนี้ พอเห็นลูกชายเพียงคนเดียวของตนในสภาพอเนจอนาถเยี่ยงนี้ ผิงหนานอ๋องเดือดจัด และยังเป็นเดือดดาลทะลุฟ้าด้วย
เขาไม่สนใจสิ่งใดทั้งนั้น เว้นแต่ลูกชายโทนคนนี้คนเดียว
“ทหาร ไปบอกกองทัพผิงหนานทั้งหมด นับจากวันนี้ไปข้าจะควบคุมกองทัพทหารใหม่อีกครั้ง!” ผิงหนานอ๋องตะคอกดังอย่างเดือดดาล น้ำเสียงเย็นเยียบจนทำคนฟังขนหัวลุก
“ขอรับ!” องครักษ์ยินดียิ่งนัก ในที่สุดท่านอ๋องจะกลับมาควบคุมอำนาจอีกครั้ง ดียิ่งนัก พวกเขารอวันนี้มาหลายปีนักแล้ว
“แต่ท่านอ๋อง หลายปีมานี้องค์หญิงใหญ่แอบยัดคนของตนเข้าไปในกองทัพไม่น้อย แถมทั่วทั้งเมืองหลวงยังเต็มไปด้วยหูตาของนาง จะทำเช่นไรดี?” องครักษ์ถาม
“หลายปีมานี้ข้ายอมให้นางมาตลอด ขนาดอำนาจกองทัพยังมอบให้นาง แต่นางกลับทำจนลูกชายคนเดียวของข้ากลายเป็นเช่นนี้ ครั้งนี้ข้าจะไม่ละเว้นโดยเด็ดขาด
จัดการฆ่าคนที่องค์หญิงใหญ่สอดแทรกเข้าไปในกองทัพให้หมด อย่าให้เหลือ หูตาในเมืองหลวงก็ถอนรากถอนโคนให้หมด แม้แต่อำนาจนางในราชสำนักก็จัดการให้สิ้น
นางไม่สนใจความเป็นความตายของลูกชายข้า เช่นนั้นข้าจะไม่สนใจความเป็นความตายของนางด้วย!” ผิงหนานอ๋องพูดอย่างเคียดแค้น
“ขอรับ!” องครักษ์รีบไปจัดการทันที
เซียจิ่วเซียวร้องไห้อย่างซาบซึ้ง “ขอบคุณท่านพ่อนัก ขอบคุณ—“ พูดจบก็สลบไป
“เซียวเอ๋อร์ เซียวเอ๋อร์เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? ทหาร ไปเชิญท่านหมอมาเร็ว ไปเชิญหมอหลวงในวังมา!” ผิงหนานอ๋องสั่งการอย่างร้อนใจ