จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 579 สารเลว เจ้ากล้าบังอาจต่อหน้าข้า
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!” ผิงหนานอ๋องบอก
ฮ่องเต้ประทานรางวัลยกใหญ่ ผิงหนานอ๋องถึงได้ถอยออกมา
“ฝ่าบาท ที่ผ่านมาผิงหนานอ๋องรักใคร่องค์หญิงใหญ่นัก เหตุใดจู่ๆก็มาแตกหักกับนางได้ และยังเอาหลักฐานมามากมายเพียงนี้ คงมิใช่เป็นกลลวงหรอกนะ?” ขันทีคนสนิทถามเสียงเบา
“ข้าก็รู้สึกแปลกใจ ปกติผิงหนานอ๋องไม่สนใจงานราชการ เลือนลอยสบายอยู่หลายปี จู่ๆก็เป็นเช่นนี้ต้องมีสาเหตุแน่ เจ้าส่งคนสนิทที่ไว้ใจได้ออกไปสืบมาให้แน่ชัดสิ!” ฮ่องเต้ออกคำสั่ง
“พ่ะย่ะค่ะ!”
ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม องครักษ์ลับก็กลับมารายงาน “ฝ่าบาท ท่านอ๋องน้อยแห่งจวนผิงหนานอ๋องกลับมาแล้ว ขาและแขนขาดไปอย่างละข้าง เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผล ผิงหนานอ๋องยังเชิญหมอหลวงและท่านหมอไปรักษา
ข้าน้อยได้ยินมาว่า เพราะองค์หญิงใหญ่ไม่สนใจความเป็นความตายของท่านอ๋องน้อย ไปจวนคฤหาสน์ของจวินหย่วนโยวแต่กลับไม่ช่วยเขา อีกทั้งยังทอดทิ้งท่านอ๋องน้อยไว้แล้วจากไปเพียงลำพัง
บัดนี้ท่านอ๋องน้อยกลับมาแล้ว ฟ้องผิงหนานอ๋อง ผิงหนานอ๋องรักลูกยิ่งนัก ไม่อาจทนต่อความใจไม้ไส้ระกำขององค์หญิงใหญ่เช่นนี้ได้ ถึงได้มาเปิดโปงองค์หญิงใหญ่!”
ฮ่องเต้ถึงบางอ้อ “หลายปีมานี้ไม่ว่าองค์หญิงใหญ่จะเย่อหยิ่งจองหองอย่างไร ผิงหนานอ๋องไม่เคยก้าวก่ายใดๆ บัดนี้องค์หญิงใหญ่กลับไม่สนใจความเป็นความตายของเซียจิ่วเซียว นั่นน่ะลูกชายโทนของผิงหนานอ๋องนะ ผิงหนานอ๋องแตกคอกันกับองค์หญิงใหญ่ ก็ประหยัดแรงข้าไปได้มากโข”
“ฝ่าบาททรงพระปรีชายิ่ง!”
ไม่ถึงสองวัน หลันซิงก็ได้สืบเรื่องที่องค์หญิงใหญ่ยักยอกทรัพย์สิน ทุจริตติดสินบน และยังแอบสร้างอาวุธ ซ่องสุมกำลังพลโดยละเอียดแล้ว
ทำเอาฮ่องเต้แคว้นเทียนจิ่วเดือดดาลหนัก “ปลดฐานันดรองค์หญิงใหญ่ ลดลงเป็นสามัญชน ปลดฐานันดรพระชายาผิงหนานอ๋องออก ขับออกจากบันทึกตระกูลตระกูลเซีย
ริดทรัพย์สินสมบัติส่วนตัวขององค์หญิงใหญ่ทั้งหมด ยึดกองทัพของนาง จัดการกำจัดอำนาจขององค์หญิงใหญ่ในราชสำนัก กองทัพและทั้งแคว้นเทียนจิ่วนี่หมด อย่าให้เหลือ!”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
วันนี้ทั่วทั้งเมืองหลวงแห่งแคว้นเทียนจิ่วล้วนสะเทือนเลือนลั่นไปตามๆกัน ขุนนางราชสำนักมากมายโดนจับกุมตัว นายกองแม่ทัพมากมายในกองทัพล้วนโดนควบคุมตัว เหมืองแร่โดนกองทัพหลวงรวบริบ กองทหารที่แอบซ่องสุมกำลังพลก็โดนฆ่าตายหมด—
สรุปคือ ที่ริบทรัพย์ก็ริบทรัพย์ ที่เนรเทศไปชายแดนก็ไป ที่ความผิดหนักหนาก็โดนประหารเก้าชั่วโคตรเลย ทั่วทั้งแคว้นเทียนจิ่วลือลั่นไปตามๆกัน
เวลาแค่ไม่กี่วัน เครือข่ายขององค์หญิงใหญ่ทั้งหมดล้วนโดนสำเร็จโทษ ไม่มีใครหนีรอดเลย
เริ่นเซวียนเอ๋อร์ได้ยินเรื่องนี้แล้ว ทั้งสะใจและพอใจนัก
อาจารย์ ในที่สุดข้าก็ได้ล้างแค้นให้ท่านแล้ว
เริ่นเซวียนเอ๋อร์ไปลงเข็ม ดูอาการให้เซียจิ่วเซียวตามเดิมทุกวัน เพราะการบาดเจ็บถึงกระดูกนั้น หมอหลวงยังไม่มีหนทางรักษา เริ่นเซวียนเอ๋อร์ยอมรักษาเซียจิ่วเซียวถือว่าดีมากแล้ว ผิงหนานอ๋องย่อมไม่สงสัยอยู่แล้ว
ส่วนองค์หญิงใหญ่ที่อยู่ไกลถึงแคว้นต้าเยียนโดนขังอยู่ในคุกหลวง ไม่ได้รู้เลยว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนดูแลมาในแคว้นเทียนจิ่วปลายปีมานี้โดนฮ่องเต้ขุดถอนรากถอนโคนหมดแล้ว
หลายวันก่อนที่พึ่งโดนขัง องค์หญิงใหญ่ไม่กังวลเลยสักนิด นางไม่เชื่อว่าฮ่องเต้แคว้นต้าเยียนจะกล้าทำอะไรตน
แต่พอเวลานานเข้า องค์หญิงใหญ่ไม่เห็นมีคนมาช่วยตนเองสักที และไม่เห็นฮ่องเต้ต้นเยียนมีความเคลื่อนไหวอะไร เพียงแต่ขังนางไว้เช่นนี้ องค์หญิงใหญ่เริ่มร้อนใจแล้วเช่นกัน
“ใครก็ได้ ข้าจะพบฮ่องเต้ของพวกเจ้า รีบไปรายงานเร็ว!” องค์หญิงใหญ่ร้องเสียงดังอีกครั้ง
ผู้คุมที่เฝ้าคุกอยู่ได้ยินกันหมด แต่ไม่มีใครสนใจเลย
“ฝ่าบาทบอกปล่อยนางไว้เช่นนั้น มิต้องสนใจ พวกเรากินต่อไป!” ผู้คมคนหนึ่งพูดขึ้น
“แน่นอนอยู่แล้ว คิดว่าตนเป็นใคร ไม่ดูว่านี่มันที่ไหน!”
ผู้คุมสองคนกำลังพูดกัน ขันทีน้อยคนหนึ่งที่มาส่งข้าวเดินเข้ามา “พี่ชายทั้งสอง ลำบากแล้ว” พูดพลาง หยิบเหล้าออกมากาหนึ่งจากในกล่องอาหาร
“เจ้าอยากให้พวกข้าทำผิดรึ” ผู้คุมคนหนึ่งทำหน้าตึงใส่
“ข้าเอามาเคารพพี่ชายทั้งสองต่างหาก พวกท่านเปลี่ยนเวรแล้วค่อยกลับบ้านดื่ม!” ขันทีน้อยประจบบอก
“คำนี้ถูกต้อง เข้าไปเถอะ!” ผู้คุมอีกคนหนึ่งบอก
“ขอบคุณมาก!”
ขันทีน้อยรีบยกกล่องอาหารเข้าไป พุ่งเข้าไปหาเฟิ่งไท่เว่ยและเฟิ่งหยวนทันที พูดเสียงต่ำว่า “ไท่เว่ย ฮูหยินเฟิ่งให้ข้าน้อยมาบอกท่านว่า ได้ตระเตรียมเส้นสายทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว อีกไม่นานท่านกับคุณชายใหญ่เฟิ่งก็จะออกไปได้แล้ว นี่เป็นอาหารที่ฮูหยินเฟิ่งตระเตรียมตามความชอบของท่าน”
พอเฟิ่งไท่เว่ยได้ยินก็ดีใจและตื่นเต้นมาก เหล่มองอาหารที่ขันทีน้อยนำเข้ามา ล้วนเป็นอาหารที่เขากับเฟิ่งหยวนชอบกินทั้งนั้น
“ดียิ่งนัก ขอบใจมาก!”
“ไท่เว่ยมิต้องเกรงใจ เมื่อก่อนข้าน้อยได้รับความเมตตาจากไท่เว่ยมากนัก นี่เป็นสิ่งที่ข้าน้อยควรทำอยู่แล้ว” ขันทีน้อยบอก ยกกล่องอาหารเดินไปทางองค์หญิงใหญ่
พอเห็นหมั่นโถว น้ำแกงต้มผักกาดขาว องค์หญิงใหญ่เดือดดาลยิ่งนัก “สารเลว เจ้ากล้าให้ข้ากินของพรรค์นี้ เหตุใดพวกมันกินหรูหรานักเล่า?”
ขันทีน้อยสีหน้ารังเกียจ “เจ้าจะเทียบกับไท่เว่ยได้อย่างไร ไท่เว่ยน่ะเป็นอาจารย์ของไท่จื่อเรา ย่อมต้องกินหรูหราอยู่แล้ว!”
องค์หญิงใหญ่โกรธจนเตะอาหารที่พื้นกระเด็น “สารเลว เจ้ากล้าบังอาจต่อหน้าข้า ข้าจะไม่ละเว้นเจ้าเด็ดขาด!”
“รอให้เจ้าออกมาได้ก่อนค่อยว่ากันเถอะ!” ขันทีน้อยพูดจบ หมุนตัวจากไป
ทำเอาองค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นเทียนจิ่วโกรธจนสีหน้าดำทะมึน เดือดดาลทะลุฟ้า
“น่าตายนัก พอตกอับหมามันก็รังแกเอา ฮ่องเต้ต้าเยียนจงใจหลบไม่ยอมพบตนชัดๆ นางไม่เชื่อหรอกว่าฮ่องเต้จะขังนางไว้ทั้งชาติได้
ส่วนเฟิ่งไท่เว่ยยินดียิ่งนัก เขาเรียกเฟิ่งหยวนมากินข้าวทันที ยังยกอาหารสองจานให้เฟิ่งจาวหยี
“ท่านพ่อ ท่านยังกินลงรึ ไม่รู้ว่าฝ่าบาทจะปล่อยพวกเราออกไปเมื่อไหร่?” เฟิ่งจาวหยีสีหน้างุ่นง่าน
“ขันทีน้อยเมื่อครู่เป็นคนที่แม่เจ้าส่งมา ใกล้แล้วล่ะ พวกเราใกล้จะได้ออกไปแล้ว!” เฟิ่งไท่เว่ยปลอบ
“จริงรึ ดียิ่งนัก!” เฟิ่งจาวหยีตื่นเต้นยิ่งนัก
นางยังนึกว่าชาตินี้ตนคงได้แต่อยู่ในคุกเสียแล้ว
“มีอะไรน่าดีใจกัน ฮ่องเต้ต้าเยียนสงสัยว่าเจ้าวางยาพิษเขา ต่อให้มิใช่เจ้าทำ แต่โบราณมาฮ่องเต้ล้วนขี้สงสัย ยังคิดจะออกไป อย่าฝันกลางวันอีกเลย!” องค์หญิงใหญ่พูดอย่างไม่สบอารมณ์
เฟิ่งจาวหยีมองบนใส่นาง “ข้าบริสุทธิ์ มิได้วางยาพิษฝ่าบาทเลย ฝ่าบาทต้องสืบรู้ความจริงได้และคืนความยุติธรรมให้ข้าแน่”
“ความยุติธรรม? ฮะฮะ…”
“พี่หญิง ท่านจะสนใจนางทำไมกัน รีบกินเร็ว!” วันๆเฟิ่งหยวนเจอแต่หมั่นโถวผักกาดขาวจนเกินพอแล้ว บัดนี้มีอาหารเลิศรสเยี่ยงนี้มา เขาไม่สนใจตะเกียบแล้ว รีบกินอย่างสวาปามขึ้นมาทันที
เฟิ่งไท่เว่ยเองก็หิวแล้วจริงๆ ถึงจะไม่สวาปามเท่าเฟิ่งหยวน แต่ก็กินเร็วมากเช่นกัน อาหารพวกนี้อร่อยนัก
เฟิ่งจาวหยีเหล่มองอาหารที่โดนองค์หญิงใหญ่เตะกระเด็นพวกนั้นด้วยสีหน้าเย่อหยิ่ง “ข้าว่าเจ้าอิจฉาอาหารของข้ากับท่านพ่อและน้องชายมากกว่า หากเจ้าพูดจาน่าฟังหน่อย บางทีข้าอาจจะแบ่งให้เจ้านะ!”
“ไก่ป่าตัวหนึ่งกล้าบังอาจต่อหน้าข้า เฟิ่งจาวหยีอย่าลืมฐานะของเจ้า!” องค์หญิงใหญ่ถลึงตามองมา
“ข้าฐานะสูงส่ง เป็นจาวหยีเหนียงเหนียงของฝ่าบาท อีกไม่นานฝ่าบาทต้องปล่อยข้าออก—“
“อ๊าก!” เฟิ่งจาวหยียังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นเฟิ่งหยวนและเฟิ่งไท่เว่ยสีหน้าซีดเผือด ทุกข์ทรมาน ล้มลงกับพื้น น้ำลายฟูมปาก
“ท่านพ่อ น้องพี่ เป็นอะไรกันน่ะ ใครก็ได้ ใครก็ได้มานี่เร็ว!”