จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 591 ไม่ได้การ หยุนหลีเกิดเรื่องแล้ว
หยุนถิงรีบพยุงนางไว้ และจับชีพจรให้นางทันที พลางหันมองสาวใช้ “องค์หญิงของเจ้าเป็นกระไรรึ?”
“เรียนซื่อจื่อเฟย เมื่อวานองค์หญิงกลับวังก็ตรงไปหาตัวยาที่โรงหมอหลวงเลย แม้แต่อาหารค่ำก็ไม่ได้กิน หาอยู่ทั้งคืน ไม่ได้พักผ่อนเลย
สุดท้ายองค์หญิงหามันพบในตัวยาที่นำมาบรรณาการแก่แคว้นเรา ตัวยาในนั้นมีเพียงฝ่าบาทเท่านั้นที่ใช้ได้ คนอื่นมิมีสิทธิ์นำไปใช้เลย
องค์หญิงบอกว่าต่อไปนางจะไปขออภัยกับฝ่าบาทเอง จากนั้นก็อุ้มกล่องมายังจวนซื่อจื่อ บอกว่าจวินซื่อจื่อรอยาเอาไปช่วยชีวิตอยู่” สาวใช้ตอบอย่างนอบน้อม
หยุนถิงซาบซึ้งนัก เมื่อคืนตอนหยุนถิงออกไป ได้พบกับองค์หญิงซินฉิงพอดี การที่นางพูดไปอย่างนั้นก็เพื่อเล่นละครให้สมบทบาท จะได้ป้องกันเหตุไม่คาดฝัน ไม่คิดว่าเด็กโง่คนนี้จะหาทั้งคืนจริงๆ
“องค์หญิงของเจ้ามิเป็นไร แค่เหนื่อยมากเกินไป พยุงนางกลับไปพักผ่อนเถอะ รอนางฟื้นแล้วค่อยให้มาข้า!” หยุนถิงบอก
“เจ้าค่ะ!” สาวใช้ก้าวเข้ามาพยุงเจ้านายตน
เพียงแต่สาวใช้ร่างบอบบาง องค์หญิงซินฉิงตัวใหญ่กว่า นางคนเดียวพยุงไม่ไหว
“หลิงเฟิง เจ้าส่งองค์หญิงซินฉิงกลับไป!” หยุนถิงบอก
“ขอรับ!” หลิงเฟิงเดินเข้ามา มือยังไม่ทันได้แตะองค์หญิงซินฉิง ก็โดนรั่วจิ่งยับยั้งไว้
“เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้จะรบกวนหลิงเฟิงได้อย่างไร เจ้าคุ้มครองซื่อจื่อ ข้าไปส่งเอง!” รั่วจิ่งบอกพลางพยุงคนกับสาวใช้จากไป
มือของหลิงเฟิงที่ยื่นออกไปค้างกลางอากาศ “เจ้าหมอนี่ปกติขี้เกียจจะตาย ทำไมจู่ๆก็กระตือรือร้นเช่นนี้เล่า”
หยุนถิงเลิกคิ้วมองรั่วจิ่งพยุงซินฉิงไป เจ้าหนูนี่เหมือนจะไม่ธรรมดากับซินฉิงนะ
จวินหย่วนโยวที่อยู่ในห้องเดินออกมา “ถิงเอ๋อร์ เจ้าว่ายังไง?”
“ข้าคิดว่าองค์หญิงซินฉิงไม่เลวเลย ไม่เหมือนองค์หญิงคนอื่น เอาแค่ที่นางตั้งใจหายาขนาดนี้ ต่อไปก็คือคนกันเอง!” หยุนถิงตอบ
“ถิงเอ๋อร์พูดว่าใช่ งั้นก็ใช่!”
คนรับใช้คนหนึ่งพาหยุนซูเร่งรุดเข้ามาอย่างหน้าตาตื่น “พี่หญิงใหญ่ แย่แล้ว หยุนหลีเกิดเรื่องแล้ว!”
หยุนถิงตกใจมาก “เกิดอะไรขึ้น?”
“พี่หญิงใหญ่ หยุนหลีไม่กลับบ้านมาสองวันแล้ว ตอนแรกข้าคิดว่านางแค่เที่ยวเล่นสนุกเพลิดเพลิน แต่นางไม่เคยค้างคืนนอกบ้านแบบนี้มาก่อน ต่อให้ไปบ้านสหายสนิท ก็จะส่งคนกลับมาบอกที่บ้านเสมอ
เช้าวันนี้ข้าไปร้านอาวุธของนางก็ไม่พบ เลยรู้สึกว่าเรื่องนี้ผิดสังเกต จากนั้นเลยให้คนไปหาตามที่ๆนางมักจะไป ก็ไม่พบเลย ข้าสงสัยว่านางหายตัวไป
ข้าไม่กล้าบอกท่านพ่อ กลัวเขาจะเป็นกังวลมากเกินไปเพราะอายุมากแล้ว ดังนั้นเลยรีบวิ่งมาหาพี่หญิงใหญ่นี่แหละ พี่หญิงใหญ่ หยุนหลีคงไม่ได้เกิดเรื่องหรอกนะ” หยุนซูเล่าเรื่องทั้งหมดออกมา
“หลิงเฟิง ส่งคนทั้งหมดของจวนซื่อจื่อออกไปตามหาหยุนหลี!” จวินหย่วนโยวแค่นเสียงเย็น
“ซูหลิน เจ้ารีบไปบอกคนของเราในเมืองหลวง ให้พวกเขาออกตามหาร่องรอยของหยุนหลีอย่างเต็มกำลัง!” หยุนถิงบอก
“เจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่!” ซูหลินรีบไปจัดการทันที
“ซูเอ๋อร์ ระยะนี้หยุนหลีมีศัตรูที่ไหนบ้างหรือไม่?” หยุนถิงมองมา
หยุนหลีน่ะถึงจะโผงผาง แต่ก็ไม่ถึงกับรู้การณ์ควรไม่ควร ยิ่งไปกว่านั้นคนทั่วทั้งเมืองหลวงต่างรู้กันดีว่านางคือคุณหนูสี่แห่งตระกูลหยุน และยังเป็นน้องสาวตน คนปกติไม่มีทางกล้าแตะต้องนาง
หรือว่าจะเป็นองค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นเทียนจิ่ว?
หยุนซูตั้งใจคิด “หรือว่าจะเป็นคนผู้นั้น?”
“ใคร?”
“พี่หญิงใหญ่ หลายวันก่อนหยุนหลีช่วยชายผู้หนึ่งกลับไป คนผู้นั้นสลบไสลไมได้สติ สกปรกและหนวดเคราเต็มหน้า มองเห็นหน้าไม่ชัด ตอนนั้นหยุนหลีบอกว่าเขาติดหนี้นางหนึ่งหมื่นตำลึง จะให้เขาชดใช้
ตอนนั้นข้าคิดถึงที่ท่านพูดว่า องค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นเทียนจิ่วอันตราย กลัวนางจะมาแก้แค้นตระกูลหยุน ข้าเลยให้หยุนหลีรีบไล่เขาออกไป กลัวเขาจะเป็นไส้ศึก ต่อมาหยุนหลีส่งคนผู้นั้นออกไปจริงๆ ตอนนางกลับมาก็ไม่ได้พูดอะไร” หยุนซูอธิบาย
“เจ้ารู้ฐานะของคนผู้นั้นหรือไม่?” หยุนถิงถามประเด็นสำคัญ
หยุนซูส่ายหัว “หยุนหลีไม่ได้บอก”
“อย่ากังวลไป ซื่อจื่อให้คนออกไปสืบแล้ว กองทัพขนหงส์ก็ร่วมด้วย น่าจะมีเงื่อนงำในไม่ช้า เรื่องนี้อย่าพึ่งบอกท่านพ่อเลย ท่านอายุมากแล้ว อย่าทำให้ท่านกังวล เจ้าเองก็ต้องดูแลตัวเองดีๆ มีอะไรก็มาหาข้า!” หยุนถิงปลอบ
“เจ้าค่ะ พี่หญิงใหญ่” ตอนหยุนซูออกไป หยุนถิงก็ส่งองครักษ์สองคนให้นางไปด้วย
………
อีกด้านหนึ่ง ตอนหยุนหลีฟื้นขึ้นมา ลืมตาขึ้นเห็นทุกสิ่งแปลกหน้าเบื้องหน้าตน ก็ตะลึงบื้อไปเลย
การจัดวางโบราณในห้อง จัดวางไว้อย่างงดงาม เรียบง่ายสง่างาม โต๊ะเก้าอี้สะอาด ไม่มีฝุ่นเลยสักนิด โดยเฉพาะของที่วางอยู่บนตู้แค่ดูก็รู้ว่าเป็นของชั้นเลิศ
นางจำได้ว่าตนออกจากร้านอาวุธ ผ่านร้านโจ๊กน้ำแข็งของซูชิงโยว และยังขอโจ๊กน้ำแข็งมาอีกชามหนึ่ง จากนั้นก็เดินกลับไป นางจับได้ว่ามีคนสะกดรอยตามนาง จากนั้นพอหันไปมองยังไม่ทันเห็นชัดว่าเป็นผู้ใด และก็โดนคนผู้นั้นตีจนสลบไป
พอคิดถึงตรงนี้ หยุนหลีลูบท้ายทอยในบัดดล “เจ็บนัก ไอ้สารเลวคนไหนกล้าตีข้าจนสลบหะ!” พูดพลางลุกขึ้น และพุ่งไปที่หน้าประตู
ประตูเปิดออก องครักษ์ชุดดำสองคนด้านนอกขวางหน้าประตูไว้
หยุนหลียกเท้าจะก้าวออกไป กระบี่ยาวในมือองครักษ์สองคนขวางหน้านางไว้ “แม่นาง ขอเชิญกลับเข้าห้องเถิด ท่านจะจากไปไม่ได้!”
“หากข้าจะไปให้ได้เล่า?” หยุนหลีสีหน้าเย็นชา
“เช่นนั้นก็อย่าหาว่าพวกเราไม่เกรงใจแล้วกัน!” องครักษ์ตอบ
“หากข้าอยากไป ใครกล้าขวางข้า!” หยุนหลีเดือดดาลจัด ซัดหมัดหนึ่งไปทันที
องครักษ์สองคนชักกระบี่ จะลงมือกับหยุนหลี
“รอประเดี๋ยวก่อน ชายร่างใหญ่เช่นพวกเจ้าสองคนรังแกสตรีบอบบางอย่างข้าคนเดียว หากพูดออกไปก็ไม่กลัวโดนคนหัวเราะเยาะเอารึ แถมเจ้ายังมีอาวุธ ข้าไม่มี ต่อให้พวกเจ้าชนะก็เอาเปรียบอยู่ดี ไม่รู้สึกละอายรึ!” หยุนหลีเบ้ปาก
ทั้งสองคนอึ้ง หยุนหลีสบโอกาส จี้จุดองครักษ์คนหนึ่งในนั้นทันทีเขายืนนิ่งขยับตัวไม่ได้ทันที
หยุนหลีเรียนเรื่องจุดชีพจรในร่างกายคนมาจากหยุนถิง ที่พี่หญิงใหญ่สอนต้องเป็นของดีแน่
“นังเด็กสารเลว เจ้าเล่นสกปรก!” องครักษ์ที่ขยับไม่ได้คนนั้นเดือดดาลจัด
“นี่เรียกว่าศึกไม่หน่ายเล่ห์เพทุบาย!” หยุนหลีบอกอย่างภูมิใจ
“หาเรื่องตาย!” องครักษ์อีกคนจะโจมตีเข้ามา หยุนหลีสะบัดผงใส่เขาทันที
องครักษ์คนนั้นยังไม่ทันรู้ตัว ก็ล้มทั้งยืนเลย
หยุนหลีพูดอย่างภูมิใจ “โง่หยั่งกับควาย ยังกล้าขวางข้า!” พูดจบ ก็สะบัดร่างออกไปทันที
ห่างไปไม่ไกล มีคนรับใช้คนหนึ่งผ่านมา หยุนหลีมองรอบด้านอย่างระมัดระวัง เห็นไม่มีคน รีบพุ่งเข้าไป ตีคนรับใช้คนนั้นสลบจากด้านหลัง และลากเขาไปหลบอีกมุมหนึ่ง และยื่นมือไปถอดเสื้อผ้าเขา
องครักษ์ลับที่ปีนกำแพงอยู่เห็นภาพนี้เข้าก็มุมปากระตุก นี่เจ้าอุทยานจับสตรีเช่นไรกลับมากันนี่ ตะกละตะกลามปานนี้ เขารีบไปรายงานต่อเจ้าอุทยานทันที
หยุนหลีเปลี่ยนเป็นชุดคนรับใช้ เดินเข้าเรือนไปทันที
อย่าพูดไป เรือนนี้ใหญ่นัก การจัดวางมีการศึกษามาก่อน ดอกไม้และต้นไม้แต่ละต้นล้วนล้ำค่า ขนาดทางเล็กใต้ฝ่าเท้ายังใช้หินหยกขาวปู เห็นได้ชัดว่า เจ้าของเรือนรวยแค่ไหน
หยุนหลีหันไปเห็นที่ที่มีควันลอยขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ ดวงตางามมีแววเจ้าเล่ห์ ในเมื่อกล้าจับตนมา ก็รอรับความตายแล้วกัน
อีกด้านหนึ่งองครักษ์ลับพึ่งไปหาเจ้าอุทยาน ยังรายงานไม่ทันเสร็จ องครักษ์คนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาบอกอย่างรีบร้อน “เจ้าอุทยาน แย่แล้ว ห้องครัวและเรือนตะวันตกไฟไหม้แล้ว!”