จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 596 เจ้าลักพาตัวน้องสาวข้ามา
เสวี่ยรั่วหย่าตะลึงอึ้งไปเลย มองหน้าเสวี่ยเชียนโฉวอย่างไม่อยากเชื่อหูตนเอง “พี่ใหญ่ ท่าน ท่านชอบบุรุษรึ?”
คำพูดเดียวทำเสวี่ยเชียนโฉวสีหน้าเย็นชาดุจหนองน้ำเย็น เกร็งกรามแน่น บรรยากาศรอบตัวเย็นจนติดลบ “เหลวไหล ข้าชมชอบบุรุษตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!”
“ท่านบอกเองนี่นาว่า บุรุษผู้นั้นเป็นคนของท่าน ในเมื่อเป็นคนของท่าน ท่านไม่ชอบรึ?” เสวี่ยรั่วหย่าสงสัยมากขึ้น
เสวี่ยเชียนโฉวพึ่งนึกได้ว่าหยุนหลีแต่งกายเป็นชาย ดังนั้นเสวี่ยรั่วหย่าถึงเข้าใจตนผิด
“ข้าชอบหรือไม่ชอบ ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า ข้าไม่มีเวลามาฟังเจ้าพล่ามไร้สาระ หากเจ้ามิเลือก ข้าจะให้เจ๋ออวี่จัดการเจ้าซะ!” เสวี่ยเชียนโฉวตะคอกดังอย่างเดือดดาล
เจ๋ออวี่รีบเดินเข้ามาทันที และยกมือจะชักกระบี่ยาวที่เอวออกมา
เสวี่ยรั่วหย่าตกใจหน้าซีดเผือด นางรู้ว่าพี่ใหญ่เป็นคนพูดจริงทำจริงมาตลอด เมื่อครู่ตนทำให้เขาไม่พอใจ เขาต้องไม่ปล่อยตนแน่
“ข้าเลือกไปจากที่นี่” เสวี่ยรั่วหย่ารีบตอบ
“เก็บข้าวของแล้วไปทันที อย่าให้ข้าเปลี่ยนใจ!” น้ำเสียงเสวี่ยเชียนโฉวมีแววรำคาญ
“เจ้าค่ะ!” เสวี่ยรั่วหย่ารีบคลานขึ้นมาจากพื้นและจากไปทันที
ในห้องโถงที่กว้างใหญ่ เงียบสงัดลง เหลือเสวี่ยเชียนโฉวเพียงคนเดียว
เขาขมวดคิ้วน้อยๆ เงยหน้าขึ้นมองบนหลังคา “ยังดูไม่พอ?”
หยุนหลีที่ปีนหลังคาอยู่ถึงกระโดดลงมา ยิ้มกระดากว่า “ท่านอา บังเอิญจังเลยนะ!”
พอท่านอากับลูกน้องออกไป หยุนหลีก็กระโดดออกทางด้านหลังหน้าต่าง นางชอบเรื่องครึกครื้นที่สุดเลย ย่อมไม่มีทางยอมพลาดละครฉากใหญ่เช่นนี้แน่
เสวี่ยเชียนโฉวมองนางอย่างเย็นชา “มิใช่ง่วงรึ?”
“ข้าง่วงจริง แต่กลัวพวกเขาทำให้ท่านอาลำบากใจ เลยแอบปีนดูหน่อยไง ท่านอา เมื่อครู่ท่านหล่อมากเลย หนึ่งต่อสิบเลยนะ คนพวกนั้นโดนท่านจัดการเสียจนพูดไม่ออกเลย เก่งจริงๆ!” หยุนหลีพูดพลางยกนิ้วโป้งให้
เสวี่ยเชียนโฉวที่เดิมสีหน้าเย็นชาถึงได้อ่อนลงหลายส่วน จากนั้นก็ถามอีกว่า เจ้าไม่รู้สึกว่าโหดเหี้ยมรึ?”
“จะเป็นไปได้อย่างไรกัน ต่อกรกับศัตรูน่ะจะใจอ่อนมิได้เด็ดขาด ควรจะทำเหมือนท่านนี่แหละ ไม่อย่างนั้นปล่อยเสือเข้าป่าไปจะกลายเป็นภัยให้ตนเองทีหลังได้นะ!” หยุนหลีชื่นชม
เสวี่ยเชียนโฉวมองใบหน้ายินดีของหยุนหลี โดยเฉพาะดวงตาเป็นประกายคู่นั้น ช่างใสกระจ่างดุจดั่งดวงดาวพร่างพรายเต็มท้องฟ้า
ไม่มีการเล่นเล่ห์เพทุบาย หรือเล่ห์กลใดๆ มีเพียงยินดีอย่างบริสุทธิ์ใจ ดีใจกับตน มันทำให้หัวใจที่มืดมนเย็นชาดวงนั้นของเสวี่ยเชียนโฉวราวกับถูกสาดส่องแสงแดดอบอุ่นตื้นตันขึ้นมาฉับพลัน
“แต่ว่าท่านอา เหตุใดท่านบอกว่าข้าเป็นคนของท่านเล่า?” หยุนหลีโพล่งถามขึ้นมา
เสวี่ยเชียนโฉวมุมปากกระตุก เขากำลังคิดว่าจะอธิบายอย่างไรดี องครักษ์คนหนึ่งก็พุ่งเข้ามาจากด้านนอกอย่างรีบร้อนพลางว่า “แย่แล้วเจ้าอุทยาน อุทยานตระกูลเสวี่ยโดนคนล้อมไว้หมดแล้ว!”
“เกิดอะไรขึ้น?” เสวี่ยเชียนโฉวสีหน้าเปลี่ยนทันที
“พี่น้องที่เฝ้าอยู่ที่กลางทางขึ้นเขาจู่ๆก็พบว่ามีคนชุดดำกลุ่มใหญ่ปรากฏตัวขึ้น คนพวกนั้นมาอย่างเงียบเชียบ ประหนึ่งปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศและล้อมอุทยานไว้หมดแล้ว ดังนั้นข้าน้อยจึงรีบกลับมารายงาน!” องครักษ์ตอบ
“เจ้าอุทยาน พวกเขาคงมิใช่คนของผู้อาวุโสฉีกระมัง?” เจ๋ออวี่ขมวดคิ้วถาม
“ผู้อาวุโสฉียังไม่มีฝีมือขนาดนี้ ข้าจะดูสิว่าใครกันที่กล้าลงมือกับอุทยานตระกูลเสวี่ย!” เสวี่ยเชียนโฉวแค่นเสียงเย็น ยกเท้าจะก้าวเดินไป
หยุนหลีจะเดินตาม แต่เดินไปยังไม่ทันถึงสองก้าว ก็ชนเข้ากับแผ่นหลังของเสวี่ยเชียนโฉว
“อ๊า ท่านอา ทำไมจู่ๆก็หยุดล่ะ?”
“เจ้ารอที่นี่ อย่าวิ่งซน ด้านนอกอันตราย!” เสวี่ยเชียนโฉวบอก
“ก็เพราะว่ามีอันตรายอย่างไรล่ะ ข้าถึงนิ่งดูดายไม่ได้” หยุนหลีย้อน
เสวี่ยเชียนโฉวรู้ดีว่า ต่อให้นังหนูนี่รับปากแล้ว ด้วยนิสัยของนางก็ต้องแอบตามมาอยู่ดี
“เอาเถอะ แต่อีกครู่เจ้าต้องอยู่ข้างหลังข้านะ ห้ามทำอะไรโดยพลการเด็ดขาด!”
“เจ้าค่ะ ท่านอา!”
คนชุดดำกลุ่มหนึ่งที่ล้อมด้านนอกอุทยานเอาไว้นั้น พวกเขาไม่ลงมือ และก็ไม่จากไป ยิ่งมิได้ลอบโจมตี เพียงแต่ถืออาวุธครบมือล้อมไว้อย่างนั้น
เสวี่ยเชียนโฉวเหล่มองคนพวกนั้น ไม่เข้าใจเหมือนกัน คนพวกนี้มากันโขยงนี่คิดทำอะไรกันแน่
“ท่านอา ทำไมข้ารู้สึกเหมือนปิดประตูตีหมาเลยล่ะ?” หยุนหลีถามอย่างสงสัย
เสวี่ยเชียนโฉวหน่ายใจ “เจ้าเป็นหมารึ?”
“ไม่ใช่แน่นอน เพียงแต่พวกเขาทำเช่นนี้ทำไมกัน ต้องมีส่งคนมาเจรจาสิ!” หยุนหลีกำลังพูด ก็เห็นเสวี่ยรั่วหย่าแบกสัมภาระออกมา
พอนางเห็นว่ามีคนชุดดำมากมายล้อมอุทยานไว้ คิดว่าพวกเขามาจับตาดูตน ก็ยิ่งเดือดดาลหนักขึ้น “หลีกไป ข้าจะออกไป!”
คนชุดดำเหล่านั้นไม่สนใจนางสักนิด และไม่หลีกให้ด้วย
เสวี่ยรั่วหย่าร้อนใจนัก เหล่มองสีหน้าทะมึนของพี่ใหญ่ เกิดเขาเปลี่ยนใจขึ้นมา ตนต้องตายแน่ๆ
“ไสหัวไป!” เสวี่ยรั่วหย่าชักแส้ที่เอวออกมาฟาดใส่คนหนึ่งในนั้น
สุดท้ายแส้ยังไม่ทันโดนอีกฝ่าย ก็ถูกเขาซัดฝ่ามือใส่จนลอยกระเด็น
“อ๊า!” เสวี่ยรั่วหย่าร้องเสียงหลง ตัวลอยออกไปสิบกว่าเมตรและล้มลงกับพื้นอย่างแรง นางกระอักเลือดออกมา เจ็บปวดแทบอยากตาย ขยับตัวไม่ได้เลย
ตอนนี้เสวี่ยรั่วหย่ากลัวยิ่งนัก แค่ฝ่ามือของอีกฝ่ายก็เกือบเอาชีวิตตนได้แล้ว เห็นได้ชัดว่าฝีมือเขาเก่งกาจเพียงใด “พี่ใหญ่ ขอร้องท่านช่วยข้าด้วย!”
องครักษ์คนนั้นไม่ได้ไล่ตามฆ่าต่อ แต่กลับถอยไปยืนตำแหน่งเดิมและไม่ขยับตัวอีก
เสวี่ยเชียนโฉวดูออกว่าอีกฝ่ายไม่อยากฆ่าคน ก็อดสงสัยไม่ได้
“พี่ชาย ท่านเก่งกาจจริง แค่ฝ่ามือเดียวก็ซัดอีกฝ่ายกระเด็นไปแล้ว เก่งมาก สอนข้าหน่อยได้หรือไม่?” หยุนหลีจะเดินเข้าไปหาอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร
เสวี่ยเชียนโฉวกลับมือไวรั้งนางไว้ได้ทัน “ห้ามไป อันตราย!”
“อ้อ ข้าเห็นคนฝีมือเก่งกาจทีไร ตื่นเต้นจนลืมไปเลย!” หยุนหลียิ้มกระดากอาย
เสวี่ยเชียนโฉวรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที นังหนูนี่ใจกล้าไปไหม
“ปล่อยน้องสาวข้านะ!” น้ำเสียงเย็นเยียบลอยมา ห่างไปไม่ไกล สองคนในชุดขาวเดินเข้ามา
พอมองเห็นสองคนนั้นชัด หยุนหลีตกตะลึงยิ่งนัก “พี่หญิงใหญ่ พี่เขยซื่อจื่อ ทำไมเป็นพวกท่านล่ะ?”
หยุนถิงเห็นหยุนหลีแขนขายังอยู่ครบ ก็ถอนหายใจโล่งอก “ซูเอ๋อร์บอกว่าเจ้าหายตัวไป พี่เขยเจ้าเลยส่งองครักษ์ลับและองครักษ์เงามังกรทั้งหมดออกมาตามหา จากนั้นก็หามาจนถึงที่นี่”
พอสืบได้ว่าหยุนหลีโดนพาตัวมาที่อุทยานตระกูลเสวี่ย จวินหย่วนโยวรีบส่งองครักษ์ลับและองครักษ์เงามังกรออกมาทันที หยุนถิงเองก็ส่งกองทัพขนหงส์ออกมาด้วย และล้อมอุทยานตระกูลเสวี่ยนี่ไว้อย่างมิดชิดไร้ช่องโหว่
เดิมจวินหย่วนโยวจะให้หยุนถิงรอที่บ้าน แต่หยุนถิงไหนเลยจะวางใจ ร้องจะตามมาให้ได้ ดังนั้นเขาเลยส่งองครักษ์ลับและองครักษ์เงามังกรมาล้อมอุทยานเอาไว้ก่อนเลย
“หลายวันนี้ที่เจ้าหายตัวไป ทำเอาพี่หญิงใหญ่เจ้าร้อนใจมากนะ!” จวินหย่วนโยวแค่นเสียงหึ
หยุนหลียิ้มกระดากอาย “พี่หญิงใหญ่ ทำให้ท่านเป็นกัวลแล้ว ข้าอยู่ที่นี่สบายดีอยู่นะ มีท่านอาคอยดูแล ไม่เป็นหรอก”
หยุนถิงหันไปเหล่มองเสวี่ยเชียนโฉว เขาอยู่ในชุดดำดูเย็นชาเคร่งขรึมนัก พอเห็นใบหน้านั้น ก็อดแปลกใจไม่ได้ “เจ้ารึ?”
ถึงตอนนั้นที่อยู่ในคุกหลวง เสวี่ยเชียนโฉวจะโดนพิษไฟ ใบหน้าเสียโฉมไปกว่าครึ่ง บัดนี้ใบหน้าเขากลับยังดีอยู่มิสึกหรอเลย หยุนถิงก็จำเขาได้
วินาทีที่เสวี่ยเชียนโฉวเห็นหยุนถิงกับจวินหย่วนโยว ก็รู้ทันทีว่าพวกเขาไม่มีทางทำร้ายคนของอุทยาน
“คุณหนูหยุน ไม่เจอกันเสียนานนะ!” เสวี่ยเชียนโฉวแค่นเสียงเย็น
“เจ้าลักพาตัวน้องสาวข้ามารึ?”