จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 603 มิว่าอะไรก็มิสำคัญเท่าเจ้า
หยุนถิงขมวดคิ้วน้อยๆ “ข้าต้องแน่ใจก่อนว่าเป็นพิษอะไร และวางได้อย่างไร ถึงจะถอนพิษได้ ต้องใช้เวลา”
“ได้ ต้องการให้ข้าทำสิ่งใดขอให้บอก ขอเพียงช่วยซูชิงโยวได้” หยุนไห่เทียนสีหน้าตึงเครียด
“ข้าไม่เกรงใจพี่ใหญ่อยู่แล้ว พวกท่านออกไปกันก่อนเถอะ!” หยุนถิงบอก
ซูโหวเย่รีบให้ท่านหมอและหมอหลวงออกไปจนหมด ตนเองก็ตามออกไป เขารู้ดีว่าฝีมือการแพทย์ของหยุนถิงเก่งกาจนัก มีนางอยู่ ชิงโยวต้องรอดแน่
หยุนไห่เทียนก็ตามออกไปเช่นกัน เขากลัวว่า หากตนอยู่ต่อ พอมองเห็นซูชิงโยวทรมานแล้ว เขาจะทนไม่ไหว
“ซูโหวเย่ อยู่ดีๆทำไมชิงโยวถึงโดนพิษได้เล่า?” หยุนไห่เทียนถาม
“ไม่รู้เลย วันนี้ตอนเช้าชิงโยวบอกจะเข้าวังก็สลบไปเลย นางกินดื่มเหมือนปกติทุกอย่าง หรือว่าจะเป็นในวัง?” ซูโหวเย่เองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน
หยุนไห่เทียนพลันถึงนึกครั้งนั้นในวัง มีคนเกือบฆ่าซูชิงโยว โชคดีที่ตนไปช่วยไว้ได้ทัน ต่อมาสืบสวน แต่ฆาตกรกลับโดนฆ่าปิดปาก ไม่มีร่องรอยอีก
บวกกับครึ่งเดือนมานี้ซูชิงโยวเข้าวังตลอด หยุนไห่เทียนเริ่มเดาได้แล้ว
“เรื่องนี้ข้าจะสืบให้ละเอียดแน่ รับรองจะไม่ให้ผู้ใดทำร้ายชิงโยวได้เป็นอันขาด!” หยุนไห่เทียนรับรอง
“ขอบคุณแม่ทัพหยุนมาก!” ซูโหวเย่ซาบซึ้งใจนัก
ในห้อง หยุนถิงหยิบอุปกรณ์รักษาออกมาจากในมิติและทำการตรวจเลือดซูชิงโยวอย่างรวดเร็ว จวินหย่วนโยวที่อยู่ข้างๆคอยเป็นลูกมือ
เขารู้จักมิติของหยุนถิงดี ดังนั้นพอนางหยิบอะไรออกมา จวินหย่วนโยวก็ไม่รู้สึกเหลือเชื่อเลย
หยุนถิงดึงพิษในเลือดของซูชิงโยวออกมาทดสอบส่วนผสมของพิษ พอแน่ใจว่าเป็นพิษอะไร ก็ถึงหยิบยาถอนพิษของมันออกมาให้ซูชิงโยวกิน
ไม่นานซูชิงโยวก็ฟื้นขึ้นมาจริงๆ เพียงแต่อ่อนเพลียมาก
“รู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง?” หยุนถิงถาม
พอซูชิงโยวเห็นหยุนถิงกับจวินหย่วนโยว ก็ตกใจมาก “หยุนถิง ทำไมเจ้ากับจวินซื่อจื่อถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?”
“ตอนเช้าก่อนออกไปเจ้าสลบไสลไม่ได้สติ สาวใช้เลยไปตามหาที่จวนซื่อจื่อ ข้าเลยมานี่แหละ” หยุนถิงอธิบายง่ายๆ
“ข้าสลบไป ตอนเช้าข้ารู้สึกมึนหัวยิ่งนัก ต่อมาก็จำอะไรไม่ได้แล้ว ข้าเป็นอะไรไปรึ?” ซูชิงโยวถาม
“เจ้าถูกพิษ เป็นพิษออกฤทธิ์ช้า เจ้าโดนมันนานแล้ว พิษชนิดนี้พอเข้าสู่ร่างกายคนนานวันเข้า ร่างกายจะอ่อนเพลียไร้เรี่ยวแรง หัวหมุนมึนงง สุดท้ายก็จะหลับใหลไป ประหนึ่งเจ้าหญิงนิทรา ไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย” หยุนถิงตอบตามจริง ก็เพื่อให้ซูชิงโยวรู้จักระวังตัว
ซูชิงโยวบื้อไปเลย “ผู้ใดกันชั่วร้ายปานนี้ วางยาพิษใส่ข้า?”
“ระยะนี้เจ้าเข้าวังแล้วเจอเรื่องอะไรผิดปกติบ้าง หรือไม่เหมือนเมื่อก่อน หรือมีกลิ่นอะไรไม่เหมือนเดิม?” หยุนถิงถาม
“เจ้าสงสัยว่าจะมีคนในวังวางยาพิษข้า?”
ซูชิงโยวสีหน้าตึงเครียด ครุ่นคิดอย่างตั้งใจ “ทุกวันข้าจะไปกินข้าวเช้ากับไทเฮา น่าจะไม่ได้วางยาพิษในอาหาร ไม่เช่นนั้นไทเฮาก็ต้องโดนพิษด้วย คนที่ปกติพบเจอก็ล้วนเป็นมามาคนสนิทกับสาวใช้ของไทเฮา
หากจะพูด มีเพียงเรื่องเดียวที่ไม่เหมือนคือ บางครั้งที่ข้าไปเร็วหน่อย ไทเฮายังไม่มา มีมามาเข้ามาทำความสะอาด จากนั้นธูปที่เปลี่ยนออกมากลิ่นกลับต่างจากวันแรกที่ได้กลิ่น”
หยุนถิงฟังออกถึงความผิดปกติ “มีอะไรไม่เหมือน กลิ่นอะไร?”
“ธูปวันแรกเป็นกลิ่นดอกหอมหมื่นลี้ วันที่สองข้าไปเร็วหน่อย ธูปที่มามาคนนั้นเปลี่ยนต่อหน้าข้า กลิ่นนั้นอ่อนโยนจาง แทบจะไม่มี เหมือนดอกหอมหมื่นลี้แต่ก็ไม่เหมือนดอกหอมหมื่นลี้ มันบอกไม่ถูก” ซูชิงโยวตอบอย่างจริงจัง
“ดูท่าปัญหาจะอยู่ที่ธูป” หยุนถิงขมวดคิ้ว
“หรือว่าเป็นมามาคนนั้น นางมักจะเข้าไปเปลี่ยนในวันที่ข้าไปเช้าหน่อย หากเป็นเช่นนี้ไทเฮาโดนพิษหรือไม่ ไม่ถูกต้องสิ ทุกวันยามไทเฮาสวดมนต์ไม่มีอะไรผิดปกติเลยนี่นา?” ซูชิงโยวไม่เข้าใจ
“ดูท่าข้าต้องเข้าวังสักครั้งแล้วล่ะ!”
จวินหย่วนโยวที่เงียบมาตลอดจู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า “ไม่ได้ เจ้าเข้าวังไม่ได้?”
“เพราะเหตุใด?”
นี่เป็นครั้งแรกที่ซื่อจื่อคัดค้านไม่ให้เธอเข้าวัง
“ตอนนี้เจ้าเข้าวังทั้งท้องโต ในวังมีหูตามากมายแค่ไหนจับตามองอยู่ คนที่อยากจะฆ่าเจ้ากับข้ามีมากนัก ข้ากลัวเจ้ามีอันตราย
ตอนนี้เจ้ามีลูกด้วยนะ ท้องโตมากแล้ว อย่าเสี่ยงเลย เรื่องนี้ข้าจะให้คนสืบอย่างละเอียด หาตัวคนที่วางยาพิษออกมา เจ้าพักผ่อนอยู่ที่จวนซื่อจื่อก็พอแล้ว!” จวินหย่วนโยวพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมเข้มงวด ห้ามบิดพลิ้วเด็ดขาด
“จวินซื่อจื่อพูดถูก ตอนนี้หยุนถิงเจ้าท้องโตนัก อยู่ที่จวนซื่อจื่อดีกว่า เจอเรื่องนี้เข้าไปข้าก็จะระวังให้มาก เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้านะ” ซูชิงโยวเสริม
“ยังมีหยุนไห่เทียนไม่ใช่รึ เขาไม่มีทางยืนมองคู่หมั้นของตนโดนวางยาพิษแล้วไม่ทำอะไรได้หรอก เจ้ายกโอกาสนี้ให้หยุนไห่เทียนเถอะ!” เสียงจวินหย่วนโยวอ่อนลงหลายส่วน
เขาไม่อาจบอกหยุนถิงได้หรอกว่า นี่เป็นสิ่งที่คงอู๋ไต้ซือโดนคาถาย้อนกลับแล้วทำนายออกมา เช่นนั้นจะมีแต่ทำให้หยุนถิงยิ่งเป็นกังวลและตกใจมากขึ้น
หยุนถิงคิดๆดูก็จริง “ข้าร้อนใจเกินไปจริงๆ พี่ใหญ่ต้องเป็นห่วงชิงโยวมากกว่าใครทั้งนั้น อยากจะจับตัวฆาตกรให้ได้!”
“แม่ทัพหยุน เขารู้ว่าข้าโดนพิษรึ?” ซูชิงโยวถาม
“แน่นอนสิ พี่ใหญ่ข้าอยู่ด้านนอกนี่เอง มาเร็วกว่าพวกเราอีก ข้าเรียกเขาเข้ามานะ!” หยุนถิงลุกขึ้นเดินมาที่หน้าประตู
ประตูห้องเปิดออก หยุนไห่เทียนกับซูโหวเย่มองเข้ามาอย่างเป็นห่วง “ชิงโยวเป็นอย่างไรบ้าง?”
ตอนพึ่งออกมา ซูโหวเย่ก็ให้ท่านหมอและหมอหลวงกลับไปหมดแล้ว มีหยุนถิงอยู่ไหนเลยจะยังต้องพึ่งพวกเขาอีก
“นางฟื้นแล้ว พวกท่านเข้าไปดูเถอะ!” หยุนถิงบอก
หยุนไห่เทียนไม่สนหลีกทางให้ซูโหวเย่ พุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็วราวธนู
“ขอบคุณซื่อจื่อเฟยที่ยื่นมือเข้าช่วย พิษของชิงโยวถอนหมดแล้วใช่หรือไม่?” ซูโหวเย่ถามอย่างเป็นห่วง
“พิษน่ะแก้แล้ว แต่ยังต้องพักฟื้นอีกระยะหนึ่ง”หยุนถิงตอบ
ซูโหวเย่ตื่นเต้นจนน้ำตาไหลพราก “ขอบคุณซื่อจื่อเฟยนักที่ช่วยลูกสาวข้าไว้ ข้าซาบซึ้งใจยิ่งนัก!”
“โหวเย่มิต้องเกรงใจไป ต่อไปเราจะดองเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว”
“ใช่ พวกเราดองเป็นครอบครัวเดียวกัน ลำบากซื่อจื่อเฟยและจวินซื่อจื่อแล้ว ไปดื่มชาที่ห้องโถงกันเถอะ!” ซูโหวเย่รีบบอก
“ได้!”
ในห้อง หยุนไห่เทียนเห็นซูชิงโยวฟื้นแล้ว ก็ตื่นเต้นยิ่งนัก “ชิงโยวเจ้าฟื้นแล้ว ดียิ่งนัก มีตรงไหนไม่สบายก็บอกหยุนถิงนะ!”
ซูชิงโยวเห็นความเป็นห่วงและใส่ใจของหยุนไห่เทียนทั้งหมด นางตื้นตันใจมาก
“แม่ทัพหยุน ข้าไม่เป็นไรแล้ว โชคดีที่หยุนถิงช่วยข้าไว้ ท่านไม่ต้องกังวลนะ ขอโทษด้วย ข้าทำให้ท่านเสียเวลา” ซูชิงโยวรู้สึกผิด
“เด็กโง่ พูดเหลวไหลอะไรน่ะ มิว่าอะไรก็มิสำคัญเท่าเจ้าหรอก” หยุนไห่เทียนปลอบ ซูชิงโยวตาแดงก่ำ ไม่รู้จะพูดอะไรดี
“ระหว่างเจ้ากับข้า ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น พักผ่อนเสียเถอะ ข้ายังรอจะแต่งเจ้าเข้าบ้านอีกนะ” หยุนไห่เทียนกุมมือซูชิงโยวแน่น
ซูชิงโยวน้ำตาไหลพรากทันที ทั้งดีใจ ทั้งรอคอย นางพยักหน้าแผ่วเบา หลับตาลงช้าๆ
หยุนไห่เทียนไม่ได้ออกไป แต่กลับกุมมือซูชิงโยวเอาไว้ ฮัมเพลงขึ้นมา
น้ำเสียงเบามาก และอ่อนโยนมาก ซูชิงโยวรู้สึกปลอดภัยยิ่งนัก จากนั้นจึงหลับไป