จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 605 แย่ล่ะ เขาหลงกลแล้ว
“ซูกงกง เจ้าให้คนไปเลือกตัวยาล้ำค่าและโสมสักหน่อย ส่งไปจวนตระกูลซูด้วยตัวเอง จะอย่างไรซูชิงโยวมาอยู่ภาวนาเป็นเพื่อนไทเฮานานขนาดนี้ ถือเสียว่าเป็นความห่วงใยจากข้า!” ฮ่องเต้พูดเนิบช้า
“ฝ่าบาททรงพระเมตตายิ่ง!” ซูกงกงรีบไปจัดการทันที
ฮ่องเต้กินน้ำซุป หลิ่วเฟยนำถ้วยและสาวใช้ออกไป ฮ่องเต้ก็คุยกับโม่ฉือชิงและฟู่อี้เฉินเรื่องสำคัญยามไปแคว้นเป่ยลี่อีก และกำชับพวกเขาสองคนว่าห้ามทำเหมือนหลีอ๋องเด็ดขาด
หลังจากหลิ่วเฟยออกมา เดินไปได้ไม่นานพอเห็นรอบด้านไร้ผู้คน สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบทันที “ในเมื่อหยุนถิงสงสัยว่ามีคนวางยาพิษ มามาผู้นั้นเก็บไว้ไม่ได้แล้ว เจ้ารู้ว่าควรจะทำเช่นไรใช่หรือไม่?”
“เพคะ เหนียงเหนียง!” สาวใช้พุ่งไปยังฝ่ายตรวจการทันที
เพียงแต่พอสาวใช้ไปถึงฝ่ายตรวจการ หาไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอมามาผู้นั้น นางรีบกลับมารายงานต่อหลิ่วเฟยทันที
พอหลิ่วเฟยได้ยินว่ามามาผู้นั้นหายตัวไปแล้ว ก็โกรธจนสะบัดถ้วยน้ำชาในมือลงพื้น ยกมือตบหน้าสาวใช้ผู้นั้นทันที
สาวใช้รู้สึกปวดแสบที่แก้มอย่างมาก แต่นางไม่กล้าหลบ และยิ่งไม่กล้าโต้แย้งใดๆรีบคุกเข่ายอมรับผิดทันที
ถ้วยชาเมื่อครู่แตกกระจาย กระเด็นไปทั่ว สาวใช้คุกเข่าลงบนเศษมันพอดี รู้สึกเจ็บแสบที่เข่านัก สีหน้าสาวใช้ซีดเผือดทันที
แต่นางยังอดทนความเจ็บปวดพลางอ้อนวอนว่า “ขอเหนียงเหนียงเมตตาด้วย ข้าน้อยทำงานมิดีเอง!”
หลิ่วเฟยมองอย่างไม่แยแส พลางยกเท้าเหยียบลงไปที่ขาที่คุกเข่าอยู่ของสาวใช้อย่างแรง “เจ้ามันสมควรตายนัก!”
ทำเอาสาวใช้เจ็บปวดจนร้องเสียงหลง กระโปรงบริเวณเข่าโดนย้อมไปด้วยเลือดแล้ว เหงื่อเม็ดโตไหลจากขมับนางลงมา สาวใช้และขันทีคนอื่นมองกันอย่างสงสาร แต่ไม่มีใครกล้าขอร้อง
“พวกเจ้าพาคนไปเฝ้าที่ประตูวัง คนอื่นรีบไปค้นในวัง ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินหาก็ต้องหาตัวมามาผู้นั้นออกมาให้ข้าให้ได้ ทำอย่างลับๆ หากมีคนถาม ก็บอกว่าข้าทำกำไลหยกที่ฝ่าบาทประทานให้!” สายตาหลิ่วเฟยมองมาอย่างเหี้ยมเกรียม
“ขอรับ!” เหล่าคนรับใช้รีบพุ่งออกไปทันที
หลิ่วเฟยถึงได้ยกเท้าขึ้น “ครั้งนี้แค่สั่งสอน หากมีครั้งต่อไปจะไม่ใช่แค่เข่าแต่เป็นหัวของเจ้า ยังไม่รีบไสหัวไปตามหาอีก!”
“เพคะ หม่อมฉันไปเดี๋ยวนี้!” สาวใช้อดทนความเจ็บปวดลุกขึ้นยืน เดินกะเผลกออกไป หลิ่วเฟยปาดของรอบกายตกพื้นอย่างแรง “มามาคนเดียวคิดจะหนีจากเงื้อมมือของข้า ฝันไปเสียเถอะ!”
อีกด้านหนึ่ง มามาได้ยินคำพูดของสองนางกำนัล กลัวหลิ่วเฟยจะฆ่าตนปิดปาก กลับไปไม่กล้าเก็บข้าวของ นางยืมชุดแม่ครัวจากมามาอีกคนที่สนิท จากนั้นก็ไปช่วยงานที่ห้องพระเครื่องต้น
พอดีเจอคนของห้องครัวไปจ่ายตลาดซื้อของเข้าวังพอดี มามาคนนั้นเอาเงินที่สะสมมาทั้งชาติยัดใส่ตัวหัวหน้า บอกเพียงว่าวันนี้เป็นวันแต่งงานของลูกชายนาง นางคิดถึงลูกชายยิ่งนักเลยจะออกไปดูสักหน่อย รอพวกเขาซื้อเสร็จก็จะตามกลับมาด้วย
หัวหน้าพอเห็นเงินในถุงนั้นมีไม่น้อยจริงๆ ก็รับปาก ยังไงก็แค่เปลี่ยนคนออกไป ขอเพียงกลับมาตรงเวลาก็พอแล้ว
มามายินดียิ่งนัก รีบตามฝ่ายจัดซื้อออกไปทันที กำลังจะถึงหน้าประตูวังแล้ว คนของหลิ่วเฟยก็มาพอดี
“หลิ่วเฟยเหนียงเหนียงทำกำไลที่ฝ่าบาทประทานให้หายไปอันหนึ่ง สงสัยว่ามีคนมือไม่สะอาด ดังนั้นหากใครจะออกจากวังต้องตรวจสอบให้เข้มงวด ขอท่านแม่ทัพเปิดทางให้ด้วย” อู๋กงกงบอกอย่างนอบน้อม พลางยัดทองก้อนหนึ่งใส่มือองครักษ์คนนั้น
เดิมองครักษ์กับอู๋กงกงรู้จักกันอยู่แล้ว ย่อมรับปากได้ง่ายดาย “ในเมื่อเป็นของพระราชทานจากฝ่าบาท ย่อมมิอาจเลินเล่อได้ ค้นเถอะ แต่คนได้แค่คนรับใช้นะ ท่านอ๋ององค์หญิงเจ้าห้ามค้นโดยเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นข้าก็โดนลงโทษแน่!”
“ขอบคุณมาก!” อู๋กงกงรีบตรวจสอบนางกำนัลขันทีที่จะออกจากวังทันที
มามาที่อยู่ไม่ไกลเห็นเข้าก็อึ้งไปเลย หลิ่วเฟยตั้งใจให้คนมาจับนางชัดๆ
“ไอ้โหย หัวหน้าหลิวข้าพลันปวดท้องอย่างหนัก ขอไปห้องปลดทุกข์ก่อน พวกท่านไปกันก่อนเลย ไว้ข้าค่อยตามพวกท่านไป!” มามากุมท้องบอก
“ก็ได้ เจ้าต้องรีบหน่อยนะอย่าได้ทำงานล่าช้า!” หัวหน้าเร่งเร้า ออกไปกับคนอื่นก่อน
มามาเดินไปตามทางเลี้ยว มองรอบด้านไม่มีใคร จะหนี แต่พึ่งวิ่งไปถึงทางเล็ก องครักษ์สองคนรออยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าเย็นชา กระบี่ยาวในมือพาดมาที่คอนางทันที “มามาเชิญเถอะ!”
พวกเขาเป็นคนของหยุนไห่เทียน หยุนไห่เทียนหลายวันนี้ได้รับความเชื่อใจจากในค่ายทหารยิ่งนัก มีพี่น้องมากมายที่ร่วมเป็นร่วมตายมากับเขา ถึงคนมากมายจะมีหน้าที่ของแต่ละคน แต่หยุนไห่เทียนเอ่ยปากทั้งที พวกเขาก็ยินดีทำให้ทันที
มามาตกใจจนสีหน้าซีดเผือด พอกำลังจะร้องเสียงดัง “หากเจ้ากล้าร้อง ตอนนี้ข้าจะตัดลิ้นเจ้าซะ!” องครักษ์คนหนึ่งพูด
มามาปิดปากแน่นทันที ไม่กล้าส่งเสียงอีก
เพียงแต่พวกเขายังไปได้ไม่ไกล และพบกับคนของหลิ่วเฟย ครานี้มามาร้อนใจนัก จะทำอย่างไรดี?
สาวใช้นางหนึ่งพลันปรากฏตัว “เจ้านายของข้าสนิทสนมกับซื่อจื่อเฟย หากทุกท่านยินดีก็ตามข้าไปเถอะ!”
“เจ้าเป็นสาวใช้ข้างกายของเหมยเฟย?” มามาจำนางได้
สาวใช้พยักหน้า “ใช่ เจ้านายข้าส่งข้ามา”
พอมองเห็นคนที่เดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ มามาตัดสินใจ “ขอบคุณแม่นาง!”
ทั้งหมดเดินตามสาวใช้คนนั้นไปตำหนักของเหมยเฟย คนของหลิ่วเฟยค้นหาทั่วทั้งพระราชวัง ก็หามามาผู้นั้นไม่เจอ หลิ่วเฟยเดือดดาลทะลุฟ้า
พอเห็นว่าค้นหามาตั้งแต่กลางวันจนกลางคืนยังหาไม่เจอ หลิ่วเฟยเริ่มนั่งมิติดแล้ว
นางไล่ทุกคนออกไป หยิบนกหวีดออกมาจากกล่อง เป่าไปที่ข้างหน้าต่างสองครั้ง ไม่นานก็มีเงาร่างสีดำปรากฏตัวขึ้น
“ท่านมีสิ่งใดจะสั่งการรึ?”
นี่คือองครักษ์ลับที่ใต้เท้าหลิ่วชุบเลี้ยงมาหลายปี ให้เขาเชื่อฟังคำสั่งหลิ่วเฟย ก็เพื่อให้หลิ่วเฟยทำงานอย่างสะดวก
“คืนนี้เจ้าไปตระกูลซูสักครั้ง ข้าจะให้ซูชิงโยวฟื้นไม่ได้ตลอดกาล!” สายตาหลิ่วเฟยฉายแววเหี้ยมขึ้น
“ขอรับ!” องครักษ์ลับเหาะจากไป
หลิ่วเฟยมองไปทางหน้าต่าง นางที่เฉลียวฉลาดเคยคิดว่าอาจจะเป็นแผนการของหยุนถิง แต่พอคิดว่า หากซูชิงโยวฟื้นแล้วจะแต่งงานกับหยุนไห่เทียน หลิ่วเฟยที่สงบนิ่งมั่นคงมาตลอดกลับกระสับกระส่ายอย่างน่าประหลาด เดือดดาลเคียดแค้นนัก
ตอ่ให้ต้องเสียสละองครักษ์ลับ นางก็จะให้ซูชิงโยวฟื้นขึ้นมาไม่ได้ตลอดกาล
เวลากลางดึก ทั่วทั้งตระกูลซูเงียบสงัด คนรับใช้ในจวนยุ่งวุ่นวายมาทั้งวัน ตอนนี้พากันหลับหมดแล้ว
องครักษ์ลับหลบเวรยามของตระกูลซูอย่างง่ายดาย มุ่งตรงไปเรือนของซูชิงโยวทันที
ในห้องมิได้จุดตะเกียง มืดสนิท อาศัยแสงจันทร์ด้านนอกหน้าต่างพอเห็นทุกอย่างในห้องได้อยู่บ้าง
องครักษ์ลับเข้าจากหน้าต่างอย่างระมัดระวัง ชักกระบี่ยาวที่เอวออกมาฟันลงไปที่คนบนเตียง
การฟันครั้งนี้เขาใช้กำลังเต็มที่
เพียงแต่คนบนเตียงกลับไม่มีท่าทีอะไรเลย องครักษ์ลับรู้สึกผิดสังเกตทันที รีบเลิกผ้าห่มขึ้น พอเห็นหมอนเละด้านใน องครักษ์ลับตกใจยิ่งนัก
แย่ล่ะ เขาหลงกลแล้ว องครักษ์ลับหมุนตัวจะจากไป เข็มเงินสองเล่มพุ่งเข้าหาเขาทันที
องครักษ์ลับยังไม่ทันหลบ ก็ล้มลงพื้นแล้ว
หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวเดินออกมา “ว่ามา ใครบงการเจ้าให้มาลอบฆ่าชิงโยว!”