จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 614 หยุนเฉิงเซี่ยงเป็นลม

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่614 หยุนเฉิงเซี่ยงเป็นลม

เมื่อฝ่าบาทได้ยินเช่นนี้ ก็โกรธมาก”ว่าแล้วมีคนแอบคิดร้ายซินฉิง สืบตัวฆาตกรเจอหรือยัง?”

“ทูลฝ่าบาท ลานขององค์หญิงสามถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน ดังนั้นจึงยากที่จะแยกแยะได้ว่าใครเป็นคนลงมือ สามารถตรวจสอบได้จากผู้ที่ส่งของขวัญให้ได้เท่านั้น! แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นนางสนมและองค์หญิงในวังหลัง ดังนั้นกระหม่อมจึงไม่สะดวกไปสืบสักเท่าไหร่ มิสู้ให้นางสนมในวังหลังมาสืบ เช่นนี้ก็จะสะดวกเยอะเลย!” ซวนอ๋องกล่าว

ตั้งแต่สมัยโบราณไม่อนุญาตให้ขุนนางเข้าวังหลัง อีกอย่างยังเป็นการสอบสวนคดีด้วย

“ในเมื่อเช่นนั้น เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องสนแล้ว ข้าจะมอบให้เหมยเฟยมาสืบ นางเที่ยงธรรมที่สุด” ฝ่าบาทกล่าว

“พ่ะย่ะค่ะ!”

“ข้าได้ยินว่าช่วงนี้แคว้นเทียนจิ่วไม่ค่อยสงบเสงี่ยมสักเท่าไหร่ องค์หญิงใหญ่ยังอยู่ในคุก และจักรพรรดิแห่งแคว้นเทียนจิ่วก็ไม่ขยับเขยื้อนใดๆ ผิดปกติยิ่งนัก

ข้าสั่งให้เจ้าฝึกกองทัพอย่างลับๆ และฝึกกองทัพเจตจำนงอันแรงกล้าและจิตวิญญาณที่ไม่ยอมแพ้หนึ่งกองทัพให้ข้า หนึ่งต่อร้อย หากอีกสามแคว้นมีการเคลื่อนไหวใด ๆ แคว้นต้าเยียนของข้าก็จะได้สามารถป้องกันได้! ” ฝ่าบาทกล่าวอย่างเชื่องช้า

“พ่ะย่ะค่ะ!”

ซวนอ๋องถอยออก เขายังไม่ทันได้ออกจากประตูพระราชวัง ก็ได้ยินขันทีประกาศว่า ฝ่าบาททรงแต่งตั้งเหมยเฟยเป็นเหมยกุ้ยเหย ช่วยดูแลเรื่องวังหลังชั่วคราว และสืบสวนเรื่องขององค์หญิงสามอย่างละเอียดถี่ถ้วน!

มุมปากของโม่เหลิ่งเหยียนโค้งขึ้น นี่คงเป็นสิ่งที่หยุนถิงต้องการสินะ

ตั้งแต่ที่หยุนถิงไปที่จวนซวนอ๋องในครั้งที่แล้ว เหมือนจะไม่ได้เห็นหยุนถิงมานานแล้ว หลังจากโม่เหลิ่งเหยียนออกวังไป ก็ให้บ่าวรับใช้ชายขับรถม้าไปที่จวนซื่อจื่อ

ในลาน

จวินหย่วนโยวกำลังเดินเล่นกับหยุนถิง จู่ๆก็เห็นโม่เหลิ่งเหยียนที่มาเยือน ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

“ซวนอ๋องมีเรื่องอะไรหรือ?” หยุนถิงถาม

“ข้ามาเพื่อบอกเจ้าว่า ฝ่าบาททรงแต่งตั้งเหมยเฟยเป็นเหมยกุ้ยเหยแล้ว มีนางดูแลบริหารเรื่องของวังหลังไว้ชั่วคราว และรับผิดชอบในการสืบสวนเรื่องขององค์หญิงสาม” โม่เหลิ่งเหยียนตอบ

“นี่เป็นข่าวดี ลำบากแล้ว” หยุนถิงกล่าว

“ในเมื่อมาแล้ว ก็มาเดินหมากสักหน่อยเถอะ หมากครั้งที่แล้วยังเก็บไว้อยู่เลย” จวินหย่วนโยวกล่าว

“อืม!” โม่เหลิ่งเหยียนเดินไป

หยุนถิงรู้สึกประหลาดใจ ซื่อจื่อไม่ถูกกับซวนอ๋องมาโดยตลอดไม่ใช่หรือ สองคนนี้คืนดีกันเมื่อไหร่ ทำไมนางถึงไม่รู้เลย

จากนั้นหยุนถิงก็เห็นทั้งสองนั่งลงเดินหมากจริงด้วย ไม่ได้ตาต่อตา ฟันต่อฟัน และยิ่งไม่ได้ต่างคนต่างไม่ชอบกัน เงียบจนแปลกประหลาด

“ท่านพี่ ท่านกับซวนอ๋องจิตสงบเป็นมิตรกันเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?” หยุนถิงอดไม่ได้ที่จะถาม

“มีหรือ ข้าแค่อยากเอาชนะเขาเร็วๆ!” จวินหย่วนโยวตอบ

“ข้าไม่กลัวเจ้าหรอก มาสิ!” ซวนอ๋องแบะปาก

เมื่อหยุนถิงได้ยินทั้งสองโต้เถียงกัน จึงค่อยรู้สึกว่าพวกเขาสองคนปกติขึ้นมาเยอะเลย

“พวกท่านต่อเลย ข้าไปกินอะไรหน่อย อายุครรภ์เยอะแล้วหิวเร็ว!” หยุนถิงหันหลังกลับและจากไป

หากเป็นปกติ จวินหย่วนโยวจะรีบตามไปแน่นอน แต่คราวนี้กลับไม่”เยว่เอ๋อร์ ดูแลซื่อจื่อเฟยให้ดี!”

“เจ้าค่ะ!” เยว่เอ๋อร์รีบไปพยุงหยุนถิงเข้าห้องทันที

ทันทีที่นางจากไป โม่เหลิ่งเหยียนก็พูดขึ้นทันที “เรื่องขององค์หญิงสามพวกเจ้าเป็นคนวางแผนหรือ?”

“ใช่ พูดตามตรงแล้วนางเป็นคนทำเอง นางไม่อยากเป็นหมากอีกต่อไป ดังนั้นจึงแสร้งตาย!” จวินหย่วนโยวไม่ได้ปิดบังเขา

ซวนอ๋องยิ้มมุมปาก”นางเลือกทางที่ถูก”

“ใช่ ช่วงนี้ฝ่าบาทมีการเคลื่อนไหวใดหรือไม่?” จวินหย่วนโยวถาม

แม้ว่าสายสืบของเขาจะกระจายไปทั่วพระราชวังและทั่วสี่แคว้น แต่เพื่อความปลอดภัยของถิงเอ๋อร์ สุดท้ายจวินหย่วนโยวก็ถามออกมา

ไม่รอโม่เหลิ่งเหยียนได้ตอบ ทันใดนั้นก็มีองครักษ์คนหนึ่งเข้ามาพร้อมกับพ่อบ้านของจวนตระกูลหยุน ด้วยสีหน้ากังวล”บ่าวคารวะจวินซื่อจื่อ ไม่ทราบว่าซื่อจื่อเฟยอยู่หรือไม่?”

จวินหย่วนโยวหันมองมาทันที”จวนตระกูลหยุนเกิดเรื่องอะไรหรือ?”

“จู่ๆ นายท่านของข้าก็หมดสติไป เชิญหมอมาแล้วก็หาสาเหตุไม่เจอ ดังนั้นบ่าวจึงได้มาเชิญซื่อจื่อเฟยไปดูโรคให้นายท่านหน่อย!” พ่อบ้านตอบด้วยความเคารพ

หยุนถิงที่เพิ่งเดินถึงที่ห้องได้ยินเช่นนี้ ก็รู้สึกเป็นกังวล”ทำไมพ่อข้าถึงได้หมดสติไป ข้าจะกลับไปกับเจ้าเดี๋ยวนี้?”

“ไม่ได้!” จวินหย่วนโยวห้ามเอาไว้โดยมิต้องคิด

หยุนถิงมองดูด้วยความสงสัย”ทำไมจะไม่ได้ นั่นเป็นพ่อข้า?”

จวินหย่วนโยวคงบอกนางไม่ได้ว่าทั้งจวนตระกูลหยุนและพระราชวังนางล้วนกลับไปไม่ได้ เพราะมันเกี่ยวข้องกับถึงชั่วกัลป์ ดังนั้นจึงรีบหาข้ออ้าง”ยาสมุนไพรล้ำค่าที่จวนตระกูลหยุนมีไม่น้อย ยกหยุนเฉิงเซี่ยงมาที่จวนซื่อจื่อดีกว่า ที่บ้านไม้ไผ่ในหลังลานนั้นมียาล้ำค่าทุกชนิด เช่นนี้จะสะดวกต่อการรักษากว่า”

“แต่พ่อข้าหมดสติไป และไม่รู้ว่าเขาเป็นโรคอะไร หากไม่เหมาะที่จะโยกย้ายล่ะ ข้ากลับไปถึงจะวางใจได้หน่อยท่านพี่ขัดขวางข้าเช่นนี้ เป็นเพราะเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า?” หยุนถิงถามด้วยความสงสัย

“ข้าก็แค่เป็นห่วงเจ้าอายุครรภ์เยอะ นั่งรถม้ามันสั่นจะโยกเยกไปมา” จวินหย่วนโยวตอบ

“ไม่เป็นไร ข้าให้หลงเอ้อขับข้าหน่อยก็ได้แล้ว รีบไปเถอะ ข้ายิ่งถ่วงไปกว่านี้พ่อข้าคงอันตรายกว่านี้แน่!” หยุนถิงยกเท้าแล้วจากไป

จวินหย่วนโยวก็รู้ว่าตัวเองห้ามในเวลานี้ไม่เหมาะสม หยุนถิงห่วงใยคนในบ้านที่สุด หากนางไม่กลับไปคงไม่สบายใจอย่างแน่นอน

“ข้าไปกับเจ้า!” จวินหย่วนโยวรีบตามไป

โม่เหลิ่งเหยียนก็ตามมาเช่นกัน คำพูดของคงอู๋ไต้ซือเขาไม่เชื่อไม่ได้ และแน่นอนว่าเขาก็อยากให้หยุนถิงเกิดเรื่องอะไร

จวนตระกูลหยุน

ซูอี๋เหนียงและนางจ้าวต่างก็อยู่เคียงข้างหยุนเฉิงเซี่ยง ทั้งสองต่างก็กังวลมากนัก เมื่อเห็นหยุนถิงกลับมาก็รู้สึกโล่งใจมากไม่น้อย

“คุณหนูใหญ่ ท่านรีบตรวจให้นายท่านดู ตอนทานอาหารเช้านายท่านยังดีๆอยู่เลย เมื่อครู่ไปห้องหนังสือมาก็หมดสติไปเลย” ซูอี๋เหนียงพูดอย่างกังวล

“คุณหนูใหญ่ ได้โปรดช่วยนายท่านด้วย” นางจ้าวร้องไห้จนตาแดง

“อืม” หยุนถิงรีบจับชีพจรของหยุนเฉิงเซี่ยงทันที

สภาพชีพจรคงที่ และลมหายใจก็ปกติ แต่คนกลับหมดสติไป ผิดปกติยิ่งนัก

หยุนถิงเปิดตาของหยุนเฉิงเซี่ยงดู สุดท้ายก็เอาเข็มจิ้มมือของเขาเอาปล่อยเลือดออกมา รวมทั้งเลือดก็เป็นสีแดงเช่นกัน ซึ่งทำเอาหยุนถิงลำบากยิ่งนัก

หากถูกวางยาพิษก็ต้องมีอาการอย่างแน่นอน แต่พ่อนอนหลับอย่างสนิท อีกอย่างลมหายใจของเขาก็ดูเหมือนหลับไป

“คุณหนูใหญ่ อาการของนายท่านเป็นอย่างไรบ้าง?” ซูอี๋เหนียงถามอย่างเป็นห่วง

“สภาพนี้ของพ่อข้าค่อนข้างพิเศษ เมื่อไม่กี่วันมานี้หรือวันนี้เขามีอะไรที่ผิดไปกับปกติหรือไม่ อาหารการกิน เครื่องนุ่งห่มหรือของใช้ต่างๆ?” หยุนถิงถาม

ซูอี๋เหนียงคิดอย่างจริงจัง”ก็ไม่ได้ต่างไรกัน สิ่งที่นายท่านกินและดื่มล้วนเป็นเหมือนปกติ เมื่อสองสามวันก่อน พ่อครัวหลิวทำอาหารใหม่ๆ ให้นายท่านชิม นายท่านยังบอกว่าไม่อร่อย บอกให้เขาว่าไม่มีอะไรทำก็อย่าทำไปมั่ว ทำอาหารเก่าสามอย่างนั้นก็ดีแล้ว”

“ใช่ คุณหนูใหญ่ นายท่านคงไม่ได้เป็นอะไรไปจริงสินะ?” นางจ้าวถามอย่างเป็นห่วง

“มีข้าอยู่ พ่อข้าจะไม่เป็นไรแน่นอน!” สีหน้าของหยุนถิงเย็นชาลงทันที

“คุณหนูใหญ่พูดถูก ดูปากข้าสิควรตบปากยิ่งนัก ข้าก็เป็นเพราะเป็นห่วงนายท่าน จึงได้พูดผิดไป คุณหนูใหญ่โปรดอย่าถือสาเลย!” นางจ้าวตบตัวเองทันทีหลังจากพูดจบ

“เอาล่ะ พวกเจ้าลงไปเถอะ อย่ารบกวนโดนข้า!” หยุนถิงทำเสียงเชอะ

“อืม!” ซูอี๋เหนียงและนางจ้าวออกไป

“หายากที่คุณหนูใหญ่กับจวินซื่อจื่อจะกลับมา ข้าไปที่หลังครัวดูหน่อยให้พวกเขาทำอาหารจานโปรดของคุณหนูใหญ่มาสักสองสามอย่าง เจ้าเฝ้าอยู่ตรงนี้ มีอะไรก็จะได้ช่วยได้หน่อย” นางจ้าวจากไปหลังจากพูดจบ

ซูอี๋เหนียงเป็นห่วงแต่หยุนเฉิงเซี่ยง ไม่เห็นท่าทางโหดเหี้ยมและเคร่งขรึมที่มุมปากของนางจ้าวตอนหันไป

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท