จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 621 ถิงเอ๋อร์ระวัง
เมื่อหยุนไห่เทียนได้ยินนางพูดเช่นนี้ก็ยิ่งรู้สึกผิดต่อซูชิงโยว ทั้งยังรู้สึกซาบซึ้งใจมากกว่าเดิมด้วยเช่นกัน “ชิงโยว ขอบใจที่เจ้าเข้าใจ”
“ระหว่างท่านกับข้าไม่จำเป็นต้องเกรงอกเกรงใจ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน” ซูชิงโยวกล่าว
“เจ้าพูดถูก พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน” หยุนไห่เทียนรีบช่วยแก้เชือกที่ผูกมัดตามข้อมือข้อเท้าของนางออกทันที
ซูชิงโยวทรุดตัวล้มลงกับพื้น เมื่อครู่นางฝืนใจอดทนไว้ เพราะหยุนถิงกำลังตั้งครรภ์ หากนางแสดงอาการเหมือนไม่สบายออกไป หยุนเทียนไห่ต้องเป็นห่วงแน่ ซูชิงโยวที่ได้รับอิสระในตอนนี้เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาแล้ว
หยุนไห่เทียนรีบเข้ามาประคองนาง ก่อนจะอุ้มนางไว้ “ไม่ต้องกลัว ไม่เป็นไรแล้ว”
ซูชิงโยวพยักหน้า พร้อมเอนกายแนบอ้อมอกของหยุนเทียนไห่ ทำให้นางรู้สึกโล่งใจมากขึ้นไม่น้อย
ส่วนจวินหย่วนโยวก็คอยช่วยพยุงหยุนถิงอย่างระมัดระวัง “ถิงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง”
“ข้าไม่เป็นไร เพียงแค่ถูกคนวางยา ร่างกายอ่อนแอมาก ไม่ค่อยจะมีเรี่ยวมีแรง” หยุนถิงตอบ
ใบหน้าของจวินหย่วนโยวเปลี่ยนเป็นเย็นชาในทันที เขาตวัดสายตาจ้องมองหลิ่วเฟยด้วยความโกรธ “ส่งยาถอนพิษมา!”
หลิ่วเฟยตกใจกับสายตาเฉียบคมของจวินหย่วนโยว “ข้าก็ไม่มียาถอนพิษเช่นกัน ข้าไม่ได้เป็นคนวางยานาง!”
“แล้วใครทำ” จวินหย่วนโยวถามอย่างเย็นชา
“ข้าเอง!” หลังเสียงเยือกเย็นนี้สิ้นเสียงลง จู่ ๆ ก็มีคนชุดดำ และด้านหลังของเขายังมีคนชุดดำอีกหลายร้อยรุมล้อมเข้ามา โอบล้อมพวกจวินหย่วนโยวเอาไว้
หลงยีกับหลงเอ้อรีบก้าวออกไปยืนขวางหน้าซื่อจื่อกับซื่อจื่อเฟยไว้โดยสัญชาตญาณ พร้อมชักดาบยาวออกมาอย่างรวดเร็ว
“เจ้าเป็นใคร เหตุใดจึงต้องลักพาตัวซื่อจื่อของซื่อจื่อเฟยด้วย” จวินหย่วนโยวจ้องเขม็ง
ผู้นำในชุดดำหัวเราะเย้ยหยัน ก่อนจะถอดผ้าคลุมใบหน้าสีดำออก “ข้าคือเจ้าสำนักแห่งสำนักสิ้นรัก หลานชายของข้าหนานเทียนหลินตายด้วยน้ำมือของพวกเจ้าสองคน
เดิมทีข้าคิดว่าจะให้หลิ่วเฟยเป็นคนจัดการพวกเจ้า แต่ดูเหมือนว่าข้าจะประเมินนางสูงเกินไป วันนี้ข้าจะล้างแค้นให้หลานชายของข้า จวินหย่วนโยวหยุนถิงเอาชีวิตของพวกเจ้ามา!”
ทันใดนั้นหยุนถิงจำหนานเทียนหลินที่คอยตามลอบสังหารนางมาหลายต่อหลายครั้งคนนั้นได้ ที่แท้คนผู้นี้ก็มาหานางเพื่อจะแก้แค้นนี่เอง
จวินหย่วนโยวคว้าตัวหยุนถิงให้หลบไปอยู่ด้านหลังโดยสัญชาตญาณ “องครักษ์ลับอยู่ไหน!”
ทันทีที่สิ้นเสียง องครักษ์เงามังกรและองครักษ์ลับจากทุกสารทิศรอบหน้าผาก็ปรากฏตัวขึ้น ล้อมรอบคนของสำนักสิ้นรักเอาไว้ทั้งหมดจากรอบนอก
ใบหน้าของหนานอูชิงตึงเครียดมาก เขารู้ว่าองครักษ์เงามังกรร้ายกาจมากเพียงใด แค่คนของฝั่งตนก็เป็นมือหนึ่งเป็นคนที่เก่งที่สุดในสำนักสิ้นรักเช่นกัน โอกาสดี ๆ อย่างวันนี้เกรงว่าชาตินี้คงไม่มีอีกแล้ว ฉะนั้นเขาจะไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด
“ทุกคนฟังคำสั่ง สังหารจวินหย่วนโยวและหยุนถิงอย่างเต็มกำลัง!” หนานอูชิงออกคำสั่ง
“น้อบรับคำสั่ง!” เหล่าสาวกทั้งหลายเริ่มโจมตีทันที
“ปกป้องซื่อจื่อเฟย!” จวินหย่วนโยวร้องตะโกน
องครักษ์เงามังกรและองครักษ์ลับเริ่มต่อสู้กับคนของสำนักสิ้นรักทันที แสงและเงาของดาบกับกลยุทธ์ที่ร้ายกาจพุ่งตรงเข้าใส่จะทำร้ายทันที
หยุนไห่เทียนวางซูชิงโยวลงทันที มือข้างหนึ่งจับซูชิงโยวไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างก็กำลังต่อสู้กับศิษย์ของสำนักสิ้นรักอย่างดุเดือด
แววตาของหนานอูชิงมืดมน เขาคว้าอาวุธที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อยิงตรงไปทางหยุนถิง
หลงเอ้อช่วยขวางเอาไว้ได้ทั้งหมด “คิดจะทำร้ายซื่อจื่อเฟยของพวกข้า ต้องผ่านด่านของข้าไปก่อน!”
หนานอูชิงโกรธมาก “ให้ตายเถอะ!” หลังพ่นคำสบถออกมาเขาก็รีบพุ่งตัวเข้าใส่ทันที
หลงเอ้อรีบเข้าไปขวางและต่อสู้กับหนานอูชิง
“ถิงเอ๋อร์ ระวัง!” จวินหย่วนโยวมองคนที่คิดจะลอบโจมตีจากด้านข้าง และจัดการมันด้วยฝ่ามือเพียงข้างเดียวจนชายผู้นั้นกระเด็นลอยออกไป
“ท่านพี่ไม่ต้องห่วง ข้าไม่เป็นไร” หยุนถิงพูดอย่างอ่อนแรง นางดึงเข็มสีเงินออกจากผม ก่อนจะปักฝังไว้ที่จุดฝังเข็มทั่วร่างกาย
ห่างออกไปไม่ไกล หลิ่วเฟยชำเลืองมองหยุนไห่เทียนจับมือซูชิงโยวเอาไว้แน่น ดวงตาหงส์ของนางเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา ทำให้ดูดุร้ายมากขึ้นไปอีก
ในไม่ช้าหน้าผาอันกว้างใหญ่ก็กลายเป็นแม่น้ำเลือดและซากศพเกลื่อนไปทั่ว หนานอูชิงมองเหล่าศิษย์สาวกถูกสังหารไปทีละคน ๆ โมโหจนดวงตาแดงก่ำ และโจมตีหลงเอ้ออย่างดุดันกว่าเดิม
ทันใดนั้นก็มีคันศรธนูจำนวนนับไม่ถ้วนก็ยิงมาทางฝูงชน ลูกธนูพุ่งมาราวกับห่าฝน ปักเต็มไปทั่วบริเวณ หากโดนยิงคงได้พรุนเป็นรังแตนแน่ ๆ
“ถิงเอ๋อร์ ระวัง!” จวินหย่วนโยวรีบป้องตัวนางมาไว้ข้างหลัง
หยุนหลีที่แอบตามมาและดักซุ่มอยู่ไม่ไกล เมื่อเห็นว่ามีคนยิงธนูใส่ท่านพี่ของตนก็โมโหโกรธาสุด ๆ นางรีบวิ่งออกจากมุมลับตรงไปทางกลุ่มมือยิ่งธนูเหล่านั้น และจัดการสังหารพวกมันไปหลายคนภายในชั่วพริบตาเดียว
เมื่อหยุนถิงเห็นหยุนหลีใบหน้าก็ยิ่งตึงเครียดกว่าเดิม “หลงซาน เจ้าพาคนไปเป็นกองหนุนให้หยุนหลีเร็ว!”
“ขอรับ!” หลงซานรีบนำองครักษ์ห้าถึงหกคนเข้าไปช่วยทันที
องครักษ์เงามังกรกับองครักษ์ลับคนอื่น ๆ รีบพากันหลบซ่อนตัว ทว่าคนของสำนักสิ้นรักกลับบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก
หลิ่วเฟยฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีใครสนใจ รีบลุกขึ้นวิ่งตรงเข้าไปผลักซูชิงโยว และทั้งสองคนก็กลิ้งลงไปทางขอบหน้าผา
เพราะนางเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และหยุนไห่เทียนก็ให้ความสนใจกับการสกัดลูกศรธนูที่บินว่อนไปทั่วท้องฟ้าพวกนั้นจึงไม่ทันได้ระวัง เขารู้สึกเพียงว่าแขนข้างหนึ่งของตนคลายออก เมื่อหันกลับไปมองก็เห็นซูชิงโยวกับหลิ่วเฟยกลิ้งไปด้วยกัน จึงรีบพุ่งตัวตามไปทันที
ทว่าพวกศิษย์ของสำนักสิ้นรักหลายคนพุ่งเข้ามาโจมตีหยุนไห่เทียน ทำเอาหยุนไห่เทียนทั้งโกรธทั้งร้อนใจ อยากจะรีบเอาชนะพวกมันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อจะได้รีบไปช่วยคนของเขา แต่พวกศิษย์ของสำนักสิ้นรักก็สู้อย่างไม่คิดชีวิตเช่นกัน ทำให้ไม่สามารถเอาชนะพวกมันได้ภายในเวลาสั้น ๆ
“คนที่ข้าเกลียดที่สุดในชีวิตก็คือเจ้า ต่อให้ต้องตายข้าก็จะลากเจ้าไปตายด้วยกัน” หลิ่วเฟยพูดอย่างเย้ยหยัน
ซูชิงโยวพยายามอย่างเต็มที่ที่จะผลักนางให้ออกไป แต่หลิ่วเฟยกลับจับแขนของซูชิงโยวไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“ท่านพี่รีบไปช่วยชิงโยว!” หยุนถิงตะโกน
เมื่อเห็นว่าซูชิงโยวและหลิ่วเฟยอยู่ห่างจากหน้าผาอีกเพียงห้าหกเมตร แม้ว่าจวินหย่วนโยวจะอยากปกป้องแค่หยุนถิงคนเดียว แต่ในเมื่อถิงเอ๋อร์เอ่ยปากแล้วเขาก็รีบพุ่งตัวออกไปช่วยทันที
หนานอูชิงเห็นจังหวะเวลาก็รีบคว้าอาวุธลับขว้างใส่หลงเอ้อ และฉวยโอกาสตอนที่หลงเอ้อหลบอาวุธ พุ่งตรงเข้าใส่หยุนถิงทันที
“ท่านพี่ ระวัง!” หยุนหลีตะโกนอยู่ไม่ไกล
จวินหย่วนโยวหันกลับมาทันที และเห็นดาบยาวในมือของหนานอูชิงแทงเข้าที่หน้าอกของหยุนถิง
“ไม่ ถิงเอ๋อร์!” จวินหย่วนโยวหน้าซีดเผือด โลหิตในร่างกายแข็วตัว และรีบพุ่งตัวเข้าไปโจมตีหนานอูชิงด้วยฝ่ามือ
“ซื่อจื่อเฟย!” หลงเอ้อและองครักษ์เงามังกรคนอื่นๆ ร้องตะโกน แน่นหน้าอก และเริ่มเป็นกังวลแทบตาย
หนานอูชิงรีบหลบแต่ความเร็วของเขายังช้าเกินไป ทำให้แผ่นหลังรับฝ่ามือเข้าเต็ม ๆ อวัยวะภายในปั่นป่วน และกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
เมื่อเห็นว่าหยุนถิงกำลังจะล้มลง จวินหย่วนโยวรีบเอื้อมมือออกไป ในขณะที่กำลังจะคว้าตัวหยุนถิงเอาไว้ได้ จู่ ๆ ก็มีเสียงขลุ่ยดังขึ้นเป็นระยะ
เสียงนั้นแสบหูและคุ้นเคย
จวินหย่วนโยวรู้สึกปวดหัวแปลบ ใบหน้าซีดเซียว ขมวดคิ้วแน่น
“ซื่อจื่อ!” หลงยีกับหลงเอ๋อตะโกน
หนานอูชิงมองดูจวินหย่วนโย่วที่ดูเจ็บปวดขึ้นมาอย่างกะทันหันก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่า ในเมื่อวันนี้หนีไม่พ้นแล้ว เช่นนั้นเขาก็ลากหยุนถิงให้ตามไปด้วยกัน
มันสายเกินไปที่กล่าวออกมา หนานอูชิงรีบหันกลับไปคว้าตัวหยุนถิงที่กำลังจะทรุดตัวล้มลงและกระโดดลงหน้าผ้าไปด้วยกัน
“ไม่ ถิงเอ๋อร์!” จวินหย่วนโยวร้องลั่น เขาอดทนต่อความเจ็บปวดและอยากจะรีบวิ่งเข้าไป ทว่าเสียงขลุ่ยนั้นยิ่งเสียดแทงหนักขึ้น และมันเจ็บปวดจนเขาต้องคุกเข่าทรุดลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
“ซื่อจื่อเฟย!” ใบหน้าของหลงเอ้อตึงเครียด มือที่ถือดาบสั่นเทา
“ท่านพี่!” หยุนหลีตกตะลึง
“หยุนถิง!” ซวนอ๋องที่รีบตามมา ทันได้มาเห็นฉากที่หยุนถิงถูกลากลงหน้าผาฉากนี้เข้าพอดี ทำเอาลมหายใจของเขาแทบจะหยุดลงในทันที