จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 622 ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย ข้าก็จะอยู่กับเจ้า
โม่เหลิ่งเหยียนคาดไม่ถึงมาก่อนว่าจะเกินเรื่องขึ้นกับหยุนถิงจริง ๆ เขาไม่มีเวลาให้คิดมาก ปลายเท้าออกแรงเหยียบกับอานม้า ใช้วิชาตัวเบาพุ่งตัวเข้าไปทางนั้นทันที
ทางด้านจวินหย่วนโยวก็กำลังเจ็บปวดจนแทบดูไม่ได้ เขาเฝ้าดูหยุนถิงที่กระโดดลงจากหน้าผา แม้ว่าจะถูกควบคุมแต่เขาก็เจ็บปวดหัวใจมาก ทันใดนั้นจวินหย่วนโยวก็กระโจนเข้าไปด้วยสัญชาตญาณ กระโดดลงหน้าผาไปด้วย
เพราะเสียงในใจบอกเขาว่าต้องช่วยหยุนถิงให้ได้ จะปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับนางและลูกไม่เป็นอันขาด
“ซื่อจื่อ!” หลงยีและทุกคนตะโกนลั่น
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นภายในชั่วพริบตา ยังไม่ทันที่ทุกคนจะรู้สึกตัว จวินหย่วนโยวก็กระโดดลงไปเสียก่อนแล้ว
“น้องสาว!” หยุนไห่เทียนตะโกนและรีบวิ่งไปหาซูชิงโยวแล้วจับแขนของนางไว้ เมื่อเห็นว่าเกิดเรื่องกับหยุนถิงทำให้ลังเลเล็กน้อย หลิ่วเฟยอยากจะเอื้อมมือไปคว้าแขนหยุนไห่เทียนแต่ก็คว้าได้แค่ความว่างเปล่า ก่อนจะกลิ้งตกลงจากหน้าผาไป
“อ้าก!” เสียงกรีดร้องอย่างอนาถทำให้ทุกคนตกใจ
สีหน้าของหยุนไห่เทียนน่ากลัวสุด ๆ ที่จริงแล้วเขาสามารถเอื้อมมือไปช่วยได้ แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่หลิ่วเฟยทำร้ายชิงโยว และทำร้ายถิงเอ๋อร์แล้ว ทำให้หยุนไห่เทียนไม่เอื้อมมือออกไปช่วยนาง
“ถิงเอ๋อร์ ถิงเอ๋อร์” หยุนไห่เทียนตะโกน และรีบวิ่งไปที่หน้าผาใกล้ๆ แต่หน้าผานั้นลึกจนมองไม่เห็นใคร
โม่เหลิ่งเหยียนที่เพิ่งตามมาถึงสีหน้าเย็นชา หัวใจของเขาตอนนี้ขึ้นมาจุกตรงลำคอ สิ่งที่เขากลัวที่สุดคือกลัวว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับหยุนถิง เขาพยายามป้องกันอย่างถึงที่สุดแต่สุดท้ายนางกลับถูกลักพาตัวไปอย่างไม่คาดคิด
โม่เหลิ่งเหยียนเจ็บปวดหัวใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และมันทรมานมาก
เขารู้ว่าหยุนถิงรักจวินหย่วนโยว ฉะนั้นเขาจึงเก็บความรู้สึกที่มีต่อหยุนถิงไว้ในส่วนลึกของหัวใจของเขามาโดยตลอด กดมันไว้แบบนั้น มาถึงตอนนี้เมื่อเห็นว่าเกดเรื่องขึ้นหยุนถิง ความรู้สึกที่ฝังลึกอยู่ในใจของโม่เหลิ่งเหยียนท่วมท้นออกมาราวกับน้ำท่วม ทะลักทำลายกำแพงและปะทุพรั่งพรูออกมาทันที
“หยุนถิง!” โม่เหลิ่งเหยียนร้องตะโกนและกำลังจะกระโดดลงจากหน้าผา แต่ถูกหมิงจิ่วซางคว้าตัวไว้เสียก่อน
“โม่เหลิ่งเหยียนตั้งสติ อย่าหุนหันพลันแล่น ถ้าเจ้ากระโดดลงไปด้วย จวินหย่วนโยวและหยุนถิงก็จะหมดหวังทันที พวกเรารีบลงไปที่ก้นผาตามหาพวกเขากันก่อนเถอะ!”
เส้นเลือดปูดโปนตามหน้าผากของโม่เหลิ่งเหยียนดวงตาของเขาคมกริบราวกับคมมีด และร่างกายของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการทำลายล้าง ออร่าอันทรงพลังครอบคลุมไปทั่วริมขอบหน้าผา
“เรียกคนของหอดวงจันทร์ทั้งหมดลงหุบเขาไปตามมาพวกเขา ทำทุกวิถีทางตามหาหยุนถิงให้เจอ!” น้ำเสียงเย็นชาของโม่เหลิ่งเหยียนออกคำสั่งอย่างไม่ลังเล
“น้อมรับคำสั่ง!” หมิงจิ่วซางรีบส่งสัญญาณขึ้นฟ้าทันที
เมื่อหลงซื่อและคนอื่น ๆ เห็นแบบนั้นก็ได้แต่แอบเบ้ปากในใจ ซวนอ๋องให้คนตามหาซื่อจื่อเฟย แล้วซื่อจื่อล่ะ
เหล่าองครักษ์เงามังกรทั้งหลายหรือจะยังมีอารมณ์มาต่อสู้ พวกเขารีบจัดการทุกอย่างอย่างรวดเร็วและรีบลงจากหุบเขาไปตามหาพวกเขา
โม่เหลิ่งเหยียนใช้วิชาตัวเบาลอยหายออกไป มุ่งหน้าตรงไปยังด้านล่างหุบเขา เขาแทบอยากจะติดปีกบินลงไปอย่างอดใจไม่ไหว
อันที่จริงเขารู้ดีว่าการที่ตกลงจากหน้าผาสูงชันเช่นนั้นความหวังที่จะมีชีวิตรอดนั้นมีเพียงน้อยนิด แต่นางคือหยุนถิง หยุนถิงที่ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ นางจะต้องไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน นางต้องรอดพ้นจากอันตรายได้แน่
ด้านล่างหน้าผา หยุนถิงกับหนานอูชิงตกลงมาอย่างรวดเร็ว หยุนถิงทนความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่หน้าอก หยิบเข็มเงินออกมาแทงเข้าที่แขนของหนานอูชิง
“อ้าก!” เมื่อได้ยินเสียงของหนานอูชิงกรีดร้อง มือที่จับหยุนถิงไว้แน่นก็คลายออก ร่างของเขาลอยร่วงตกลงไปด้านล่าง
สติของหยุนถิงพร่ามัว ดาบอาบยาพิษของหนานอูชิง คิดอยากจะเอาชีวิตของหยุนถิง
ในเวลานี้คนที่หยุนถิงคิดถึงมากที่สุดคือจวินหย่วนโยว ภาพฉากที่เคยอยู่ด้วยกันกับวินหย่วนโยวแวบเข้ามาในหัว หยุนถิงไม่เต็มใจที่เรื่องมันจะเป็นแบบนี้
หรือว่านางต้องมาตายแบบนี้จริง ๆ หรือ
ไม่ได้ นางจะตายแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด นางยังมีลูกน้อย ลูกของนางกับจวินหย่วนโยวยังไม่ทันได้ลืมตาดูโลกใบนี้เลย นางจะตายไม่ได้เด็ดขาด
ลมเย็นพักหวีดหวิวเข้ามาในหู ใบหน้าของหยุนถิงซีดขาวจากความเจ็บปวด ขณะที่กำลังจะซ่อนตัวในอากาศ จู่ ๆ ก็เห็นคนคนหนึ่งกระโดดลงมาจากด้านบน
และเมื่อมองคนคนนั้นได้อย่างชัดเจน หยุนถิงก็ถึงกับตกตะลึงทันที “ซื่อจื่อ เหตุใดท่านจึงกระโดดตามลงมา”
จวินหย่วนโยวใบหน้าของจวินหย่วนโยวบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าหล่อเหล่าของเขาขมวดเข้าหากันแน่น “ถิงเอ๋อร์ ไม่ว่าเป็นหรือตาย ข้าก็จะไปอยู่ด้วยกันกับเจ้า!”
คำพูดเพียงประโยคเดียว ทำเอาหยุนถิงน้ำตาร่วงทันที
นางไม่คาดคิดว่าซื่อจื่อจะกระโดดตามลงมาด้วย หากไม่ใช่เพราะเขาเต็มใจกระโดดลงมาเอง ด้วยการปกป้องขององครักษ์เงามังกรจำนวนมากขนาดนั้น ไม่มีทางที่เขาจะถูกโจมตีจนร่วงจากหน้าผาลงมาแน่นอน
ในตอนนี้ หยุนถิงรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก
หลังจากที่จวินหย่วนโยวพูดจบ ดวงตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ คร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดจนแทบดูไม่ได้ และร่วงตกลงไปด้านล่างหน้าผา
หยุนถิงอยากจะเอื้อมมือไปหาจวินหย่วนโยว แต่ระยะห่างระหว่างทั้งสองคนนั้นไกลเกินไป ถ้าปกคิหยุนถิงคงพอจะมีวิธี แต่ตอนนี้ร่างกายของนางถูกวางยา ร่างกายอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง หนำซ้ำดาบที่ปักหน้าอกก็อาบด้วยยาพิษ หยุนถิงสามารถสลบไปได้ทุกเมื่อ นางพยายามอย่างสุดกำลังที่จะคว้าจวินหย่วนโยวไว้ แต่สุดท้ายก็คว้าได้เพียงอากาศและความว่างเปล่า
“ท่านพี่!” หยุนถิงร้องลั่นด้วยความตื่นตระหนก
หน้าสูงชันขนาดนี้ตกลงไปคงมีแต่ตายกับตาย
ทันใดนั้นก็มีเสียงอินทรีร้องขึ้น แววตาคู่สวยของหยุนถิงฉายแววความสุข นางรีบผิวปากเรียกทันที
นกอินทรีสีทองตัวหนึ่งปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ มันรีบบินไปหาหยุนถิงอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ
“เร็วเข้า ไปช่วยท่านพี่เร็ว ต้องช่วยเขาให้ได้ เร็ว!” หยุนถิงตะโกนลั่น
อินทรีทองลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็บินไปหาจวินหย่วนโยวอย่างเชื่อฟัง มันใช้ลำตัวกว้างคว้าจวินหย่วนโยวที่กำลังร่วงลงเอาไว้ได้
หยุนถิงเห็นดังนั้นก็ถอนใจโล่งอก “อินทรีทองพาเขาขึ้นไปบนหน้าผา และปกป้องเขาให้ดี”
หลังจากพูดจบ หยุนถิงก็เป็นลมหมดสติไป
อินทรีทองกำลังลากตัวจวินหย่วนโยวบินขึ้น แต่เมื่อเห็นเจ้านายของมันกำลังร่วงลงอย่างรวดเร็ว มันจึงรีบบินเข้าไป ทว่ามันทันที่อินทรีทองจะเข้าไปใกล้ จู่ ๆ ก็มีแสงสีทองปรากฏขึ้นรอบตัวหยุนถิง และทันใดนั้นหนุยถิงก็หายลับไป
อินทรีทองตกตะลึงและบินวนหลายรอบในบริเวณที่หยุนถิงหายตัวไป แต่เมื่อมันหาเจ้านายไม่เจอ มันจึงบินขึ้นไปบนหน้าผา
เมื่อมันบินไปถึงหน้าผาก็พบว่ามีซากศพเกลื่อนกลาดกระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด
ซูชิงโยวเพิ่งจะถูกหลิ่วเฟยผลักล้มจนได้รับบาดเจ็บ หยุนไห่เทียนอุ้มนางขึ้นเดินไปได้สี่ถึงห้าสิบเมตร จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงอินทรีทองดังแว่วมา หยุนไห่เทียนหันขวับไปทันใด ก่อนจะเห็นนกอินทรีทองตัวใหญ่นำร่างของจวินหย่วนโยววางลงกับพื้น
“จวินซื่อจื่อ เขาขึ้นมาจากหน้าผ้าได้จริง ๆ เช่นนั้นถิงเอ๋อร์ก็อาจจะรอดด้วยใช่หรือไม่” หยุนไห่เทียนดีใจสุดขีด
“แม่ทัพหยุนวางข้าลงแล้วรีบไปดูเถิด ข้าไม่เป็นไรแล้ว” ซูชิงโยวรีบกล่าว
ในเวลานี้ นางเกลียดตัวเองมากที่บาดเจ็บ ทำให้เป็นตัวถ่วงของหยุนไห่เทียน
“เจ้าอยู่คนเดียว ข้าไม่วางใจ” หยุนไห่เทียนอุ้มซูชิงโยวหันตัววิ่งกลับไป
เขาเร่งฝีเท้าอย่างรวดเร็ว หยุนไห่เทียนหอบเหนื่อย เสื้อผ้าของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อแต่ก็ไม่ได้สนใจ
อินทรีทองเห็นหยุนไห่เทียนและซูชิงโยวเร่งฝีเท้าวิ่งตรงมาทางพวกเขา ปีกใหญ่ของมันกระพือออกปกป้องจวินหย่วนโยวเอาไว้ มองพวกเขาอย่างเป็นศัตรูแต่ก็ไม่ได้โจมตี
“อินทรีทอง ข้าชื่อหยุนไห่เทียน เป็นพี่ชายของหยุนถิง เป็นพี่ชายของเจ้านายเจ้า ข้าไม่มีทางทำร้ายซื่อจื่อแน่นอน ถิงเอ๋อร์เล่า เจ้าได้ช่วยนางหรือไม่” หยุนไห่เทียนรีบถาม
อินทรีทองเคยเจอหยุนไห่เทียนมาก่อนและดูเหมือนจะเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร ทำให้มันลดความเป็นศัตรูลงไปเล็กน้อย ก่อนจะกระพือปีกขึ้นลง
มันพูดไม่ได้ ฉะนั้นหลังจากกระพือปีกอยู่นาน หยุนไห่เทียนก็ไม่เข้าใจ
“เจ้าหมายความว่า ถิงเอ๋อร์ขอให้เจ้าช่วยจวินซื่อจื่ออย่างนั้นหรือ” หยุนไห่เทียนเดาความหมาย