จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 623 เป็นเพราะข้าไม่ได้ดูแลถิงเอ๋อร์ให้ดี

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 623 เป็นเพราะข้าไม่ได้ดูแลถิงเอ๋อร์ให้ดี

ใช่ หยุนถิงเป็นเจ้านายของอินทรีทอง มีเพียงนางคนเดียวเท่านั้นที่สามารถสั่งอินทรีทองได้

แต่นางให้อินทรีทองช่วยจวินหย่วนโยว เช่นนั้นตัวของนางคงไม่ได้—–

เมื่อคิดได้เช่นนั้น ใบหน้าของหยุนไห่เทียนก็ยิ่งตึงเครียด ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน “ชิงโยว ข้าจะลงหน้าผาไปตามหาถิงเอ๋อร์”

“แม่ทัพหยุนรีบไปเถิด ต้องตามหาหยุนถิงให้พบ ข้าจะรออยู่ที่นี่ ไม่ต้องเป็นห่วงข้าจนทำให้เสียเวลาเลย” ซูชิงโยวพูดปลอบ นางเองก็เป็นห่วงหยุนถิงมากเหมือนกัน

หยุนไห่เทียนวางซูชิงโยวไว้ข้างๆ หินก้อนใหญ่ ปล่อยให้นางซ่อนตัวอยู่ตามลำพัง แล้วรีบเดินไปที่หน้าผาเพื่อตามหาคน

ทางด้านโม่เหลิ่งเหยียนและคนอื่น ๆ ตรงไปที่ด้านล่างของหน้าผา แต่หน้าผานั้นสูงมาก ต่อให้พวกเขาใช้วิชาตัวเบาเดินทางตลอดทางด้วยความเร็วแสง ก็ต้องใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงจึงจะถึงด้านล่างของหน้าผา

“ทุกคนกระจายตัวกันตามหาหยุนถิง อย่าปล่อยให้คลาดสายตาแม้แต่จุดเดียว!” โม่เหลิ่งเหยียนออกคำสั่ง

“ขอรับ!” คนของหอดวงจันทร์จำนวนนับไม่ถ้วนร่วมกันค้นหาไปทั่วทุดสารทิศ

ส่วนองครักษ์เงามังกรและองครักษ์ลับ และกองทัพขนหงส์ที่ตามมาก็ค้นหาด้วยเหมือนกัน

ใต้หน้าผาอันกว้างใหญ่มีวัชพืชขึ้นรกทึบ มีป่าทึบ และมีทะเลสาบขนาดใหญ่

ดวงตาสีดำคมกริบของโม่เหลิ่งเหยียนจ้องมองไปที่หน้าผาและสายตาของเขาก็สบเข้ากับทะเลสาบผืนนั้น ถ้าหากหยุนถิงตกลงมาจากข้างบนจริง ๆ นางจะต้องตกลงไปในน้ำก่อนแน่

โม่เหลิ่งเหยียนไม่คิดและไม่รีรอให้ชักช้า รีบพุ่งตัวตรงเข้าไป และกระโดดลงทะสาบทันที

“ท่านอ๋อง!” เหล่าองครักษ์ร้องตะโกนด้วยความเป็นห่วงสุดขีด

หยุนหลีที่ตามลงมาก็ตกใจมากเช่นกัน “ทำไมจู่ ๆ ซวนอ๋องถึงกระโดดลงน้ำล่ะ”

“ไม่ต้องห่วงเขาหรอก ทักษะการว่ายน้ำของเขาดีมาก หากไม่ให้เขาไปหาด้วยตัวเอง เกรงว่าชาตินี้เขาคงไม่สบายใจไปตลอดชีวิต” หมิงจิ่วซางถอนหายใจ

ตกจากหน้าผาสูงเช่นนี้ ไม่มีทางเป็นไปได้แน่ที่จะมีชีวิตรอด เขารู้ดี ทว่าโม่เหลิ่งเหยียนห่วงใยหยุนถิงมากแค่ไหน หมิงจิ่วซางก็รู้ดีเช่นกัน

ฉะนั้น ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ได้ห้าม

ความรู้สึกที่โม่เหลิ่งเหยียนมีต่อหยุนถิงนั้นถูกกดอัดอั้นไว้มากเกินไป หากไม่ปล่อยให้เขาตามหาด้วยตัวเอง หมิงจิ่วซางเกรงว่าโม่เหลิ่งเหยียนจะกลายเป็นบ้าไปอีกคน

“ขอรับ!” ทหารองครักษ์ทุกคนย่อมรู้ดีถึงความห่วงใยที่ท่านอ๋องของพวกเขามีต่อหยุนถิง เช่นนั้นจึงไม่มีใครห้าม แต่มีหลายคนกระโดดลงไปในทะเลสาบเพื่อตามหาช่วยเขาด้วยอีกแรง

ตอนนี้หยุนหลีจึงได้เข้าใจ และตามหาต่อไป

ทว่าหลังจากโม่เหลิ่งเหยียนว่ายวนตามหาจนทั่วทะเลสาบแล้ว หาอยู่หลายต่อหลายรอบแล้วแต่ก็ไม่พออะไร แต่โม่เหลิ่งเหยียนก็ไม่ยอมแพ้ และยังคงดำดิ่งลงน้ำตามหาต่อไป

จนกระทั่ง หมิงจิ่งซางสังเกตว่ามีบางอย่างผิดปกติ และสั่งให้ทหารองครักษ์ดำลงไปพาตัวโม่เหลิ่งเหยียนขึ้นมา ถึงพบว่าเขาหมดสติไปแล้ว

“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องเป็นอย่างไรบ้างขอรับ” องครักษ์ส่วนพระองค์ร้องตะโกนอย่างเป็นห่วง

หมิงจิ่งซางเข้ามาช่วยจับชีพจรให้เขา แม้ว่าเขาจะไม่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ แต่เขาพอจะเข้าใจเรื่องการจับชีพจรง่ายๆ อยู่บ้าง

“ไม่ต้องห่วง เขาไม่เป็นไร แค่อยู่ในน้ำนานเกินไป หายใจไม่ค่อยสะดวกเลยหมดสติไป ปล่อยให้เขาพักสักหน่อยเดี๋ยวก็ดีขึ้น” หมิงจิ่วซางกล่าว

เห็นดังนั้นทุกคนก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกและค้นหาต่อไป

หมิงจิ่วซางมองไปที่โม่เหลิงเหยียนที่หมดสติอยู่บนพื้น และถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “คนโง่เง่า ต่อให้เจ้าจมน้ำตายก็ช่วยหยุนถิงไม่ได้อยู่ดี จะทำเช่นนี้ไปเพื่ออะไรกัน”

ห่างออกไปไม่ไกล หยุนไห่เทียนตรงเข้าไปหาใครบางคนก็จะคว้าตัวมาถาม “เจอหยุนถิงแล้วหรือยัง”

องครักษ์เงามังกรตอบกลับทันที “แม่ทัพหยุน ทั้งซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟยยังไม่พบเลยขอรับ!”

หยุนไห่เทียนหัวใจกระตุกสั่นเล็กน้อย “ต้องตามหาถิงเอ๋อร์ให้พบ ได้โปรดตามหานางให้พบ เพื่อช่วยจวินหย่วนโยวนางยอมให้ตัวเองตกลงมาเพียงลำพัง ตอนนี้ซื่อจื่อของพวกเจ้าอยู่บนยอดหน้าผา อินทรีทองช่วยปกป้องเขาเอาไว้”

องครักษ์เงามังกรทั้งหมดต่างตกตะลึง “แม่ทัพหยุน เป็นเรื่องจริงหรือขอรับ”

“ท่านพี่ ท่านบอกว่าซื่อจื่อไม่เป็นไรอย่างนั้นหรือ” หยุนหลีก็ตกใจมากเช่นกัน

หยุนไห่เทียนพยักหน้า “ใช่ ข้าดูแลชิงโยวอยู่จึงลงมาช้า และเมื่อครู่ข้าเห็นอินทรีทองบินขึ้นไปบนหน้าผาพร้อมกับจวินหย่วนโยว ไม่เชื่อพวกเจ้าก็ส่งคนขึ้นไปบนหน้าผาดูสิ ถิงเอ๋อร์เป็นผู้สละโอกาสรอดชีวิตให้กับจวินหย่วนโยว!”

องคเงารักษ์มังกรและคนอื่นๆ ตื่นเต้นมาก ไม่มีใครคิดว่าซื่อจื่อจะยังมีชีวิตอยู่ และซื่อจื่อเฟยเป็นผู้ช่วยซื่อจื่อเอาไว้

“หลงซาน เจ้าพาคนขึ้นไปบนยอดหน้าผา ถ้าหากพบซื่อจื่อจริง ๆ ก็ให้ส่งสัญญาณบอก ส่วนคนอื่น ๆ ตามหาต่อไป!” หลงยีกล่าว

“ได้!”

ในเมื่อแม่ทัพหยุนบอกเช่นนั้นก็ต้องเป็นเรื่องจริงแน่ ตอนนี้ทุกคนต่างชื่นชมหยุนถิงมาก และเป็นห่วงนางด้วยเช่นกัน

เพราะไม่ว่าอย่างไรนางก็กำลังตั้งภรรค์ ตกลงมาจากหน้าผาสูงชันเช่นนั้น พวกเขาทุกคนไม่กล้าคิดถึงผลที่ตามมาเลย

หมิงจิ่วซางก็ได้ยินเช่นกัน เขาเหลือบมองไปทางโม่เหลิ่งเหยียนที่ยังคงสลบอยู่ “เจ้าโง้ เจ้าเป็นห่วงหยุนถิง แต่หยุนถิงกลับสละโอกาสที่จะรอดชีวิตให้จวินหย่วนโยว เจ้าทำเช่นนี้มันคุ้มค่าแล้วหรือ”

โม่เหลิ่งเหยียนที่อยู่บนพื้นไม่มีการตอบสนองใด ๆ เพราะเขาเป็นลมหมดสติไปแล้ว

เสื้อผ้าของหยุนหลีถูกวัชพืชและกิ่งไม้เกาะเกี่ยวจนขาดวิ่น ขาทั้งสองข้างมีรอยขีดข่วนหลายแห่ง ความเจ็บปวดทำให้นางขมวดคิ้วแน่น แต่หยุนหลีก็ไม่ได้หยุดการตามหา และอดทนกับความเจ็บปวดเดินหน้าตามหาต่อไป

ในอดีต หยุนหลีกับหยุนถิงเป็นคนที่เข้ากันไม่ได้มากที่สุด ตั้งแต่เล็กจนโตหากเกิดเรื่องขึ้นกับหยุนถิง หยุนหลีก็จะเป็นผู้ที่ปรบมือพร้อมบอกว่าดีอย่างแน่นอน แต่หลังจากได้คลุกคลีกับพี่สาวในช่วงไม่นานมานี้ ทำให้หยุนหลีชื่นชมหยุนถิงมาก

นางไม่อยากให้เกิดเรื่องขึ้นกับพี่สาวของนางเลยจริง ๆ ตราบใดที่ยังตามหานางไม่พบ นั่นหมายความว่าพี่สาวของนางยังมีโอกาสที่อาจจะยังมีชีวิตรอด

ทุกคนออกค้นหาอยู่นานกว่าสองวันเต็ม ๆ เดินตามหาตามด้านล่างของหุบผาหลายต่อหลายครั้ง กระทั้งตามต้นไม้ใหญ่ ถ้ำเล็กถ้ำน้อยก็ไม่เว้น แต่กลับไม่พบตัวหยุนถิงเลย

จวินหย่วนโยวฟื้นตื่นขึ้นในอีกสองวันต่อมา

เมื่อได้ยินหลงยีรายงานว่ายังไม่พบตัวหยุนถิง จวินหย่วนโยวก็นึกขึ้นได้ว่าหลังจากที่ตนกระโดดลงหน้าผาแล้วหยุนถิงสั่งให้อินทรีทองช่วยชีวิตเขาเอาไว้ได้ สีหน้าของจวินหย่วนโยวซีดเซียวขึ้นมาในทันที ภายในร่างกายของเขาเจ็บปวด มันเจ็บปวดราวกับมดนับพันตัวกำลังกัดแทะหัวใจของเขา และมันเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหว

ถิงเอ๋อร์ทิ้งโอกาสเดียวที่จะมีชีวิตรอดมอบให้กับเขา นางยอมแลกชีวิตของนางกับลูกเพื่อแลกกับชีวิตของเขา

เมื่อคิดถึงเรื่องที่นางกับลูกตกลงจากหน้าผาสูงชันเช่นนั้น จวินหย่วนโยวก็ได้แต่ขมวดคิ้วแน่นเป็นปม

“พรึบ!” จวินหย่วนโยวกระอักเลือดออกมาและล้มลงกับพื้น

หลงยีสายตาว่องไวมือเร็วรีบพยุงตัวของเขาไว้ “ซื่อจื่ออย่างทรงโมโหเลยขอรับ ตอนนี้ทุกคนยังคงตามหาอยู่ พวกเราจะตามหาซื่อจื่อเฟยพบแน่นอนขอรับ”

“รีบพาข้าลงไปที่ก้นหน้าผาเดี๋ยวนี้ บอกทุกคนว่าต้องตามหาถิงเอ๋อร์ให้พบ หากตามหาไม่พบไม่ว่าใครก็จะไม่ได้กลับทั้งนั้น” จวินหย่วนโยวเอ่ยด้วยเสียงอ่อนแรง

“ขอรับ!”

ด้านล่างของหน้าผา

เมื่อจวินหย่วนโยวมาถึงก็เห็นโม่เหลิ่งเหยียนในสภาพที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ย ผมเผ้ายุ่งเหยิง หนวดเครารุงรัง และเขาก็กำลังตามหาอยู่เช่นกัน

ทันทีที่เห็นจวินหย่วนโยว โม่เหลิ่งเหยียนก็รีบพุ่งตัวเข้าใส่เขาอย่างโมโหโกรธา ก่อนจะซักหมัดใส่หน้าจวินหย่วนโยวอย่างแรง

“อ๊ะ!” จวินหย่วนโยวร้องออกมาเบา ๆ แก้มที่รับหมัดเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก

“เพราะเหตุใด จวินหย่วนโยว เหตุใดเจ้าจึงไม่ปกป้องหยุนถิงให้ดี ทั้งที่เจ้าก็รู้ว่านางจะมีภัย เหตุใดถึงยังพานางมาที่ริมหน้าผาเช่นนี้” โม่เหลิ่งเหยียนร้องตะโกน

หากเป็นปกติ จวินหย่วนโยวคงจะสู้กลับและให้อีกฝ่ายชดใช้คืนเป็นสองเท่าไปแล้ว แต่ตอนนี้ เขากลับไม่ได้สู้กลับ และได้แต่ยืนนิ่งและเสียใจอย่างสุดซึ้ง

“ข้าสมควรตาย เป็นข้าที่ปกป้องถิงเอ๋อร์ไม่ดี ข้ามันเลว ข้าประมากเลินเล่อจนทำให้ถิงเอ๋อร์ถูกทำร้าย เป็นความผิดของข้าทั้งหมด——-” จวินหย่วนโยวสำนึกผิดอย่างสุดซึ้ง

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท