จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 624 ซื่อจื่อ ขาของท่าน
โม่เหลิ่งเหยียนซัดหมัดมาอีกหนึ่งหมัด “เจ้ามันสมควรตายจริง ๆ!” หลังจากทิ้งประโยคนี้ไว้แล้วเขาก็หันกลับไปตามหาต่อ
เดิมทีจวินหย่วนโยวก็กระวนกระวายมากอยู่แล้ว ยิ่งโดนหมัดสองหมัดของซวนอ๋องเข้าไปเช่นนี้จวินหย่วนโยวถึงกับทรุดตัวลงกับพื้น หลงยีรีบเข้ามาช่วยพยุงเขาอย่างรวดเร็ว
“ไม่ต้องห่วงข้า รีบไปตามหาซื่อจื่อเฟย ต้องตามหานางให้พบ!”
“ขอรับ!”
การค้นห้ากินเวลาไปนานกว่าห้าวันเต็ม ๆ ทว่ากลับยังไม่พบแม้แต่เงาของหยุนถิง ทำให้ทุกคนยิ่งกระวนกระวายใจ
ทั้งจวินหย่วนโยวและโม่เหลิ่งเหยียนเนื่องจากร่างกายอ่อนแรงสุดท้ายก็เป็นลมหมดสติไปในที่สุด หมิงจิ่วซางมองสองคนที่หมดสติไป “ใครก็ได้มาพาพวกเขาสองคนกลับไปก่อน ส่วนคนอื่น ๆ ค้นหาต่อไป”
“ขอรับ! หลงเอ้อพาซื่อจื่อกลับไปส่งที่จวนตระกูลฟู่ก่อน เดี๋ยวข้าจะพาคนอื่น ๆ ตามหาต่อไป!” หลงยีกล่าว
“ขอรับ!”
หมิงจิ่วซางเห็นดังนั้นก็เรียกองครักษ์ประจำตัวของซวนอ๋องมาและกระซิบสั่งเขาเสียงเบาว่า “เจ้าพาคนไปส่งโม่เหลิ่งเหยียนที่จวนตระกูลฟู่ก่อน”
“ขอรับ!”
ณ จวนตระกูลฟู่
ทันทีที่ท่านลั่วเห็นจวินหย่วนโยวและโม่เหลิ่งเหยียนถูกแบกเข้ามาเช่นนั้นก็ตกใจสุดขีด “เกิดอะไรขึ้น พวกเขาทั้งสองคนเป็นอะไรไป”
“ท่านลั่ว เกิดเรื่องกับซื่อจื่อเฟยของพวกเราขอรับ” หลงเอ้อรีบบอกทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
ท่านลั่วตกตะลึงทันที ก่อนจะทรุดตัวลงกับพื้น “เป็นไปได้อย่างไร เกิดเรื่องขึ้นกับหยุนถิงได้อย่างไร”
หลงเอ้อสีหน้าจริงจัง “ข้าก็หวังเช่นกัน แต่โชคไม่ดี พวกเรากับคนของหอดวงจันทร์ตามหาอยู่ใต้หน้าผานานกว่าห้าวันแล้ว แต่กลับไม่พบซื่อจื่อเฟยเลยขอรับ”
เมื่อฮูหยินเฒ่าฟู่ได้ยินว่าเกิดเรื่องขึ้นกับหยุนถิงใบหน้าของนางก็ซีดเผือดทันที “ยักเด็กคนนี้คงไม่ได้เดินตามรอยแม่ของนางใช่ไหม ใครก็ได้มานี่ที ถ่ายทอดคำสั่งของข้า สั่งให้กองทหารตระกูลฟู่รีบส่งกำลังออกตามหา และทำทุกวิถีทางตามหาหยุนถิงให้พบ!”
“ขอรับ!” พ่อบ้านรีบไปทำตามคำสั่ง
ท่านลั่วมองไปที่จวินหย่วนโยวที่กำลังสลบอยู่ ใบหน้าของเขาซีดเซียว ริมฝีปากบางของเขาไม่มีสีเลือดเลยสักน้อย ใบหน้ายังคงเคร่งขรึม “เจ้าหนูจวินรักหยุนถิงมากขนาดนั้นจะไม่โศกเศร้าตายกันพอดีหรือ รีบพาเขาเข้าเรือนไป”
“ขอรับ!”
เมื่อองครักษ์ของซวนอ๋องเห็นเช่นนั้นก็พาโม่เหลิ่งเหยียนเข้าไปด้วย
กองทัพของตระกูลฟู่ที่เงียบสงบมานานและไร้การเคลื่อนไหวมานานกว่าสิบปี ตอนนี้ถูกระดมกำลัง มุ่งหน้าตรงไปที่หน้าผาที่หยุนถิงร่วงลงมา และเมื่อการเคลื่อนไหวค่อนข้างอึกทึกย่อมเข้าตาของฮ่องเต้เป็นธรรมดา
เมื่อฮ่องเต้ได้ยินว่ามีการระดมกองทัพทั้งหมดของตระกูลฟู่ก็ตกใจมาก จนต้องรีบส่งคนไปตามสืบ แต่เพราะทนรอไม่ไหวพระองค์จึงมุ่งหน้าไปที่จวนตระกูลฟู่ด้วยตนเอง
นั่นเป็นกองทัพทหารที่ฮ่องเต้องค์ก่อนมอบไว้ให้ฮูหยินเฒ่าฟู่ ปกติแล้วจะไม่ถูกเรียกใช้
เมื่อฮ่องเต้ได้ยินจากปากฮูหยินเฒ่าฟู่ว่าหยุนถิงถูกทำร้ายและถูกผลักตกจากหน้าผา และเมื่อได้เห็นจวินหย่วนโยวและโม่เหลิ่งเหยียนหมดสติกลับมาเช่นนั้นก็ตกตะลึงพูดไม่ออกเช่นกัน
หยุนถิงเป็นเหมือนสมอเรือช่วยชีวิต เป็นที่พึ่งพาของเขาเลยนะ แม้ว่าปกติฮ่องเต้จะไม่ค่อยเรียกพบหยุนถิงบ่อยนัก แต่เมื่อใดที่ฝ่าบาทประสบปัญหาที่แก้ไม่ได้ คนแรกที่ฝ่าบาททรงนึกถึงก็ถือหยุนถิง
และหยุนถิงก็ไม่เคยทำให้พระองค์ทรงผิดหวัง เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำสามารถแก้ปัญหาที่คนทั้งราชสำนักแก้ไม่ได้
ตอนที่หยุนถิงเข้าวังและหายตัวไปในวังนั้น ฮ่องเต้ก็สั่งให้กองทัพหลวงออกตามหาจนทั่ววังแต่ก็ไม่พบ ตอนนั้นก็ได้แต่คิดว่าคงมีใครประสงค์ร้ายกับหยุนถิง
แต่มีจวินหย่วนโยวกับองครักษ์เงามังกรอยู่ด้วยแบบนี้ จะเกิดเรื่องขึ้นกับหยุนถิงได้อย่างไร ถึงจะเกิดเรื่องขึ้น ด้วยสติปัญญาและความเฉลียวฉลาดของนางก็คงจะเพียงพอที่จะจัดการกันมันได้ เช่นนั้นฮ่องเต้จึงไม่ทรงปักใจเชื่อว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับหยุนถิงจริง
แต่นี่นางกลับถูกทำร้ายและผลักตกหน้าผา จวินหย่วนโยวที่เป็นห่วงหยุนถิงมากยังนอนสลบเช่นนี้ แล้วฮ่องเต้จะไม่ทรงเชื่อได้อย่างไร
“ซูกงกง ท่านไปที่ตระกูลโมเพื่อส่งพระราชกฤษฎีกา ให้โม่ฉีเฟิงและโม่หลานพาคนออกไปตามหาหยุนถิง ทหารองครักษ์ของพระราชวังก็ให้ถอนกำลังออกไปตามหาด้วยครึ่งหนึ่ง ต่อให้ต้องขุดดินพลิกแผ่นดินหาก็ต้องหาหยุนถิงให้พบ!” ฮ่องเต้ออกคำสั่ง
ฮูหยินเฒ่าฟู่เห็นเช่นนั้นก็ตกตะลึงเช่นกัน ทหารหลวงมีหน้าที่ปกป้องความปลอดภัยของฮ่องเต้ ทว่าฮ่องเต้กลับถอนกำลังทหารครึ่งหนึ่งออกไปเพื่อตามหาหยุนถิง ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงให้ความสำคัญกับหยุนถิงมากจริง ๆ
เพราะเหตุการณ์เช่นนี้ ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติการณ์
ท่านลั่วรีบเข้าไปช่วยจับชีพจรให้จวินหย่วนโยว ซึ่งการจับชีพจรครั้งนี้ทำให้เขาถึงกับงุนงงมาก จนต้องจับชีพจรของจวินหย่วนโยวอีกครั้ง หลังจากยืนยันว่าพิษในร่างกายของเขาถูกถอนพิษแล้วจริง ๆ เขาก็ทั้งตกใจ ประหลาดใจ และดีใจ พร้อมทั้งชื่นชมและนับถือในตัวของหยุนถิงมาก
ในโลกนี้มีเพียงหยุนถิงเท่านั้นที่สามารถทำได้ ซึ่งมันทำให้ท่านลั่วรู้สึกละอายใจมาก
หลังจากโม่ฉีเฟิงได้รับพระราชกฤษฎีกาจากฮ่องเต้ เขากับโม่หลานก็มุ่งตรงไปที่หน้าผาพร้อมกับกองทัพหลวงทันที ซึ่งการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ครั้งนี้ทำให้ทุกคนตกใจ
เมื่อจ้าวเม่ยเอ๋อร์จากจวนผีได้ยินเรื่องนี้เข้า ก็ไม่สนใจจะปกปิดหลบซ่อนตัวอีก นางรีบสวมหมวกไม้ไผ่แล้วออกไปตามหาด้วยทันที
วันนี้ทุกคนมารวมตัวกันที่ใต้หน้าผา มีองครักษ์เงามังกร องครักษ์ลับ ทั้งยังมีองครักษ์ขนหงส์ และคนจากหอดวงจันทร์ —–กล่าวคือทุกคนที่เกี่ยวข้องกับหยุนถิงล้วนออกไปตามหาด้วยกัน ซึ่งการเคลื่อนไหวนี้ช่างดูน่าตกใจอย่างมาก
จวินหย่วนโยวตื่นขึ้นในสามวันต่อมา ทันทีที่เขาลืมตาขึ้นชื่อแรกที่เอ่ยถึงก็คือ หยุนถิง
“ถิงเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง ตามหาถิงเอ๋อร์เจอแล้วหรือยัง”
หลงเอ้อทำหน้าเครียด “ซื่อจื่อ ต้องพบแน่นอนขอรับ”
จวินหย่วนโยวขมวดคิ้วแน่นเป็นปม รีบยันตัวขึ้นจะลุกไปตามหาหยุนถิง แต่ทันทีที่ขาลุกขึ้นนั่งก็ถึงกับตกตะลึงในทันที
“ขา เกิดอะไรขึ้นกับขาของข้า”
ท่านลั่วรีบเข้ามาช่วยตรวจดูอาการให้เขา โดยเอื้อมมือเข้าไปบีบขาของจิวนหย่วนโยว “เจ็บหรือไม่”
จวินหย่วนโยวส่ายหน้า “ไม่เจ็บ!”
ใบหน้าของท่านลั่วเปลี่ยนเป็นจริงจังกว่าเดิม “แล้วตรงนี้ล่ะ”
“เหตุใดข้าจึงไม่มีความรู้สึกอะไรเลย”
“เจ้าโกรธมากเกินไปจนส่งผลต่อร่างกาย การที่เจ้าเสียสติและเสียใจจนเกินขีดจำกัดทำให้ส่งผลกระทบต่อร่างกายให้สูญเสียความรู้สึก พูดตามตรงคือเจ้าเสียใจจนเกินขีดจำกัด เจ้าหนูจวิน เจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดี ตอนนี้ยังตามหาหยุนถิงไม่พบ เจ้าจะเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาด!” ท่านลั่วปลอบโยนเขา
จวินหย่วนโยวหงุดหงิดจนทุบขาอย่างแรงด้วยมือทั้งสองข้าง “บ้าเอ้ย ข้ายังตามหาถิงเอ๋อร์ไม่พบเลย เหตุใดจึงต้องมาไร้ความรู้สึกเช่นนี้ เหตุใดถึงเดินไม่ได้ หลงเอ้อมานี่ รีบมาประคองข้าไปตามหาถิงเอ๋อร์เร็วเข้า!”
“ซื่อจื่อ ขาของท่าน” หลงเอ้อเป็นกังวล
“ต่อให้ข้าตรงคลานไปก็ต้องไปให้ได้ รีบไปหารถม้ามาเร็วเข้า!” จวินหย่วนโยวออกคำสั่ง
เขาแค่อยากจะตามหาหยุนถิงให้พบโดยเร็วและไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับนาง
“ขอรับ!”
สิบวันผ่านไปแล้วก็ยังไม่พบหยุนถิง ข่าวที่หยุนถิงประสบอุบัติเหตุแพร่สะพลัดไปถึงอีกสามแคว้น
ณ แคว้นชางเยว่
เมื่อชางหลันเย่ได้ยินว่าเกิดเรื่องขึ้นกับหยุนถิงเขารู้สึกราวกับว่าเขาถูกฟ้าผ่าลงกลางศีรษะ สตรีที่มีความสามารถน่าทึ่งเช่นนั้นจะเกิดเรื่องขึ้นกับนางได้อย่างไร ทำให้เขารีบพาคนออกมาตามหาหยุนถิงด้วยตนเองทันที
องค์ชายสี่ขวางเขาไว้ “เสด็จพี่ไท่จื่อ ท่านเพิ่งจะพ่ายแพ้หยางเฟย มีสายตาหลายคู่จับจ้องมองท่านอยู่ หากท่านออกไปตอนนี้จะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้อื่นที่เหลือเป็นแน่”
ชางหลันเย่ผู้ที่สงบและมั่นคง และไม่เคยแสดงอารมณ์ความรู้สึกให้คนภายนอกรู้มาเสมอ ครั้งนี้กลับทำลายทุกอย่างไปเพราะหยุนถิง
“หากไม่ใช่เพราะนาง ข้าคงตายในดินแดนแคว้นต้าเยียนไปนานแล้ว ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นกับนาง ข้าจะไม่นิ่งดูดายเป็นอันขาด!” ชางหลันเย่กล่าว
เมื่อเป่ยหมิงฉี่แห่งแคว้นเป่ยลี่ได้ยินข่าวว่าเกิดเรื่องกับหยุนถิงก็ทรงตกใจและประหลาดใจมาก แต่ตอนนี้อาณาจักรเป่ยลี่เพิ่งจะสถาปนาขึ้นใหม่ได้ไม่นาน เขาไม่อาจปลีกตัวออกไปจากที่นี่ได้ เป่ยหมิงฉี่จึงได้สั่งให้องครักษ์ลับของเขาออกไปตามค้นหาแทนตนเองทันที
เมื่อเริ่นเซวียนเอ๋อร์แห่งแคว้นเทียนจิ่วได้ยินเรื่องของนางเข้าก็รีบตรงไปที่แคว้นต้าเยียนทันที ทักษะการแพทย์ของหยุนถิงทำให้นางชื่นชมและยอมรับนับถือมาก อีกทั้งหยุนถิงช่วยชีวิตอาจารย์ของนางไว้ เช่นนั้นเริ่นเซวียนเอ๋อร์ก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องอะไรกับหยุนถิงเช่นกัน
ทางด้านผิงหนานอ๋อง เมื่อได้ยินเรื่องนี้ มือของเขาที่กำลังจับถ้วยชากระชับแน่น “คาดไม่ถึงว่าคนที่เกิดเรื่องจะกลายเป็นนางไปได้!”
เมืองหลวงต้าเยียนเกิดเรื่องใหญ่ที่ทำให้ผู้คนต่างต้องตื่นตระหนกกันไปทั่วเมือง