จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 627 ข้าให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 627 ข้าให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย

เหอหลี่เก๋อถลึงตาอย่างโมโหใส่ “เหตุใดเจ้าถึงหน้าไม่อายเยี่ยงนี้ เป็นแม่ที่มีลูกสองคนแล้ว คาดมิถึงยังมาสนใจฮูเอ๋อเลี่ย ข้ากับเขาเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ต่อไปเขาได้เพียงแต่งงานกับข้าเท่านั้น!”

หยุนถิงเยาะเย้ย “หรือว่าเจ้าไม่เคยได้ยินว่า รู้จักกันมาแต่เด็กยังไม่สู้รักแรกพบ?”

ความจริงหยุนถิงไม่ได้ชอบฮูเอ๋อเลี่ย สามีของนางคือจวินหย่วนโยว ซื่อจื่ออันดับหนึ่งแห่งแคว้นต้าเยียน ผู้ชายที่สุขุมงดงามเยี่ยงนั้น จักมีผู้ใดสามารถเทียบได้อีก

หยุนถิงเพียงแค่เห็นฮูเอ๋อเลี่ยเป็นพี่ชาย แต่เหอหลี่เก๋อมายั่วยุปานนี้ หยุนถิงจึงจงใจพูดเช่นนี้

“น่ารังเกียจ คนเยี่ยงเจ้าจะมาคู่ควรเป็นรักแรกพบกับฮูเอ๋อเลี่ย ไม่ดูตัวเองเสียหน่อยว่ามีคุณธรรมอันใด เดิมทีเจ้าไม่มีสิทธิ์แย่งเขากับข้า” เหอหลี่เก๋อพูดจาอย่างเดือดดาล

“ข้าไม่มีสิทธิ์แย่งกับเจ้าจริงๆ เพราะเดิมทีข้าก็มิต้องแย่ง!” หยุนถิงพูดอย่างเหยียดหยาม

“เจ้า!” เหอหลี่เก๋อโกรธเคืองยิ่งนัก ยกมือจะตบเข้าไปทางหยุนถิง

ยังไม่ทันให้หยุนถิงโจมตีกลับ ก็มีมือข้างหนึ่งเข้ามาจับมือของเหอหลี่เก๋อเอาไว้

“เจ้าทำอะไร?” ฮูเอ๋อเลี่ยทำหน้าเย็นชาแล้วถามขึ้น

“คนไม่ดี คนไม่ดี——” จวินเสี่ยวเทียนจ้องตาเขม็งแล้วพูดด้วยเสียงเด็กน้อย

เหอหลี่เก๋อเห็นฮูเอ๋อเลี่ยดุใส่ตนเอง ยิ่งเดือดดาลกว่าเดิม “นางมีอะไรดีกันแน่ ถึงทำให้เจ้าปกป้องนางปานนี้?”

“โวยวายพอหรือยัง ต่อไปห้ามเจ้าเสียมารยาทกับจี๋ญ่าอีก ขอโทษนางเสีย!” เสียงของฮูเอ๋อเลี่ยเย็นชาระดับหนึ่ง

“คาดมิถึงเจ้าให้ข้าขอโทษนาง ไม่เด็ดขาด!” เหอหลี่เก๋อสะบัดมือของฮูเอ๋อเลี่ยออก ร้องไห้แล้ววิ่งหนีไป

“จี๋ญ่าเจ้าอย่าถือสานางเลย เหอหลี่เก๋อเป็นคนนิสัยชอบใช้อำนาจไปบ้าง แต่นางมิได้มีเจตนาร้าย ข้าขอโทษเจ้าแทนนางด้วย” ฮูเอ๋อเลี่ยเอ่ยปาก

“ไม่เป็นไร ข้าจักไม่ถือสาเด็กสาวคนหนึ่งเป็นแน่” หยุนถิงตอบกลับ แล้วอุ้มจวินเสี่ยวเทียนเข้ามา

เมื่อพูดถึงความจองหองและใช้อำนาจบาตรใหญ่ ผู้ใดจะสู้นางได้เล่า

เพียงแค่ตอนนี้นางมีลูกแล้ว ทุกอย่างต้องคำนึงถึงลูกทั้งสอง และไม่เหมือนเมื่อก่อนที่พอพูดจาไม่ถูกใจสักคำก็ทะเลาะขึ้นมา หยุนถิงในตอนนี้อารมณ์คงที่ขึ้นมากนัก

“ท่านแม่ กอดหน่อย รักท่านแม่!” จวินเสี่ยวเทียนหัวเราะชอบใจ

ใบหน้าอันนุ่มนิ่มนั้น มองจนหยุนถิงอบอุ่นหัวใจไปหมด อุ้มลูกชายไปเล่นแล้ว

เช้าวันต่อมา หยุนถิงตามฮูเอ๋อเลี่ยไปฝึกซ้อมเหล่าผู้กล้า ป้าซางดูแลจวินเสี่ยวเทียนกับจวินเสี่ยวเหยียนให้

เด็กทั้งสองคนกินอะไรนิดหน่อย และดื่มนมไป เล่นกันสักพักก็ง่วงแล้ว

ป้าซางดูแลพวกเขาให้นอน รอพวกเขาหลับกันแล้ว ก็ห่มผ้าห่มให้

ป้าจั๋วหม่าเข้ามาหานาง “แกะที่เดิมทีจะฆ่าตอนกลางวัน ดันล้มลงกะทันหัน ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่อย่างนั้นเจ้าไปดูเสียหน่อย?”

ปกติป้าซางรับหน้าที่ทำอาหารของทุกคน พอได้ยินว่าแกะมีปัญหาจึงกังวลในชั่วขณะนั้น มองดูจวินเสี่ยวเทียนกับจวินเสี่ยวเหยียนที่หลับอยู่แวบหนึ่ง “ได้ พวกเรารีบไปรีบกลับกัน อย่าให้เด็กๆ ตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอผู้ใด”

ป้าซางและป้าจั๋วหม่าเพิ่งออกไป เหอหลี่เก๋อที่หลบอยู่ในที่ลับจึงวิ่งเข้ามาทันใด

มองเด็กสองคนที่หลับปุ๋ยอยู่บนพรม เหอหลี่เก๋อจ้องทางจวินเสี่ยวเทียนตาเขม็ง พอนึกถึงว่าฮูเอ๋อเลี่ยชอบเขามากเพียงนั้น ดวงตาของเหอหลี่เก๋อเผยความโหดร้ายออกมา เดินเข้ามาอุ้มจวินเสี่ยวเทียนที่หลับอยู่ขึ้นมาแล้วรีบออกไป

นางออกมาจากกระโจมแล้ว พอมองรอบด้านไม่มีผู้ใด จึงอุ้มจวินเสี่ยวเทียนไปหาพี่ชายทันที ให้เขาพาตัวเด็กไป

เหอจาหลัยแบกจวินเสี่ยวเทียนไว้แล้วมุ่งตรงไปยังรถม้าที่เตรียมพร้อมเรียบร้อย จากนั้นควบรถม้าออกไป

พอไปคราวนี้ก็ไปทั้งวัน ระหว่างนี้จวินเสี่ยวเทียนตื่นขึ้นทั้งตะโกนทั้งร้องไห้ กลับถูกเหอจาหลัยทำให้สลบลงแล้ว จนกระทั่งฟ้ามืดถึงมาเยือนยังป่ารกร้างแห่งหนึ่งแล้ว

เหอจาหลัยชายตามองรอบด้านเห็นว่ามืดมิดไปหมด อย่าว่าแต่คนเลยแม้แต่ผียังไม่มี เขาจึงรีบอุ้มจวินเสี่ยวเทียนที่อยู่บนรถลงมาแล้วเดินเข้าไปในป่าสักระยะหนึ่ง ทิ้งเขาไว้แล้วออกมาทันใด

ส่วนป้าซางในเผ่าหลังกลับไปแล้วเห็นว่าจวินเสี่ยวเทียนไม่อยู่แล้ว คิดว่าเขาตื่นขึ้นมาเองแล้วไปปลดทุกข์ จึงรีบไปตามหาโดยรอบด้านนอกกระโจม

ผลปรากฏว่าป้าซางหาดูรอบหนึ่งแล้ว ก็ไม่เจอจวินเสี่ยวเทียน และถามคนที่ผ่านไปมาหลายคนก็บอกว่าไม่เห็นเสี่ยวเทียนเช่นกัน เวลานี้ป้าซางสับสนแล้ว รีบอุ้มจวินเสี่ยวเหยียนไว้ไปตามหาหยุนถิง

หยุนถิงที่ยังกำลังฝึกซ้อมผู้กล้าพอได้ยินว่าจวินเสี่ยวเทียนหายไปแล้ว รีบให้ทุกคนช่วยตามหาทันที พอตามหาก็ใช้เวลาทั้งวัน พวกเขาตามหาทั่วทั้งเผ่าแล้วก็หาไม่เจอ

“จี๋ญ่าไม่ต้องกังวล บางทีเสี่ยวเทียนเพียงแค่ห่วงเล่น ทุกคนช่วยกันตามหาต้องหาเจอได้แน่” ฮูเอ๋อเลี่ยพูดปลอบใจ

“ขอให้เป็นเช่นนั้นเถิด” ทั้งหัวใจหยุนถิงบีบแน่น

เหอหลี่เก๋อที่อยู่ไม่ไกลนักมองเห็นท่าทางร้อนใจของหยุนถิง นัยน์ตาส่วนลึกเผยความโหดร้ายและความพอใจออกมา

พอหยุนถิงหันหน้ามองเห็นความกระหยิ่มยิ้มย่องบนใบหน้าเหอหลี่เก๋อเข้าพอดี จึงโกรธเคืองยิ่งนัก วิ่งตรงเข้ามาบีบคอของเหอหลี่เก๋อเอาไว้ “เสี่ยวเทียนอยู่ที่ใด?”

เหอหลี่เก๋อรู้สึกเจ็บคอ ถลึงตาใส่ “เจ้าบ้าไปแล้วหรือไร รีบปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”

ลุงเหอที่รีบมาหาพอเห็นเข้า จึงพุ่งเข้ามาทันใด “จี๋ญ่าเจ้าปล่อยมือเดี๋ยวนี้ ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เผ่าพวกเราให้เจ้าอยู่ต่อ เจ้ากับลูกของเจ้าคงตายไปนานแล้ว ตอนนี้เจ้าทำร้ายผู้มีพระคุณด้วยการทำร้ายลูกสาวข้า เป็นคนอกตัญญูเสียจริง!”

มุมปากของหยุนถิงวาดยิ้มเยาะขึ้นมา “ที่พวกท่านช่วยเหลือข้าคือเรื่องจริง แต่ถ้าไม่ใช่ข้าช่วยเหลือ เผ่าของพวกท่านที่เจอโรคระบาดเมื่อสองปีก่อนคงตายไปตั้งนานแล้ว สามปีก่อนเกิดความขัดแย้งกับเผ่าอื่น ถ้าไม่ใช่ข้า พวกท่านคงโดนกำจัดทิ้งหมดแล้ว

ข้าซาบซึ้งใจที่พวกท่านช่วยชีวิตข้าไว้ แต่ข้าก็ช่วยพวกท่านพลิกเหตุร้ายให้กลายเป็นดีหลายครา ข้าไม่อยากใช้เรื่องพวกนี้มาตัดสินไมตรีจิตมิตรภาพระหว่างข้ากับพวกท่าน เพราะข้าเห็นพวกท่านเป็นเหมือนคนกันเองจริงๆ

แต่เหอหลี่เก๋อต่างออกไป ทั่วทั้งเผ่าผู้ใดไม่รู้บ้างว่านางเกลียดข้าที่สุด ปกตินางทำกับข้าเยี่ยงไร ข้าไม่ถือสากับนางได้ แต่นางไม่อาจมาทำร้ายเสี่ยวเทียนได้เด็ดขาด!” หยุนถิงพูดอย่างเคียดแค้น

แต่ละคำความหมายลึกซึ้งมีพลัง เย็นชาอย่างยิ่ง ราวกับตีกลางแสกหน้าทำให้ทุกคนไม่มีอะไรตอบกลับ

สีหน้าลุงเหอกระอักกระอ่วนยิ่งนัก จริงตามนั้น ถ้าไม่ใช่จี๋ญ่ากลัวว่าพวกเขาคงตายจากโรคระบาดหรือไม่ก็ถูกเผ่าอื่นๆ กำจัดแล้ว

“ฮูเอ๋อเลี่ยช่วยข้าที!” เหอหลี่เก๋อรีบขอความช่วยเหลือ

“จี๋ญ่า บางทีเรื่องนี้อาจเข้าใจผิด ถึงแม้ปกติเหอหลี่เก๋อจะก้าวร้าวแต่ไม่น่าจะทำร้ายเสี่ยวเทียน” ฮูเอ๋อเลี่ยเอ่ยปาก

“ไม่มีคำว่าน่าจะมากปานนั้น ข้าให้โอกาสเจ้าเป็นหนสุดท้าย บอกที่อยู่ของเสี่ยวเทียนออกมาเสีย มิเช่นนั้นอย่าโทษว่าข้าใจร้าย!” หยุนถิงพูดอย่างหมดความอดทน

“ฮูเอ๋อเลี่ยเจ้าต้องเชื่อข้า ข้าไม่รู้จริงๆ ต่อให้เจ้าฆ่าข้าทิ้งก็ตาม——” เหอหลี่เก๋อตีให้ตายก็ไม่ยอมรับสารภาพ

เพียงแต่นางยังไม่ทันพูดจบ หยุนถิงนำยาเม็ดหนึ่งยัดเข้าในปากนางแล้ว ออกแรงดันคางของนางขึ้น

เหอหลี่เก๋อรู้สึกเพียงว่าเจ็บคาง ยังไม่ทันตอบสนองกลับมา ก็กลืนลงไปแล้ว

“เจ้าให้ข้ากินอะไรแล้ว?”

“ยาพิษ ถ้าเจ้าไม่บอกที่อยู่ของเสี่ยวเทียนออกมาก็รอความตายเสียเถิด” หยุนถิงพูดอย่างเย็นชา

“เจ้ามันนังผู้หญิงชั่ว ข้าจะฆ่าเจ้า——” เหอหลี่เก๋อพูดจบ รู้สึกเพียงว่าปวดท้องอย่างรุนแรง

“ยาพิษของข้า ทั่วทั้งโลกไม่มีผู้ใดแก้พิษได้ ต่อให้มีคนแก้ได้ เจ้ารอไหวหรือ!” หยุนถิงพูดจาเย็นชา

เหอหลี่เก๋อเจ็บจนจะตาย ทั่วทั้งตัวกลิ้งไปมาบนพื้น สุดท้ายเหอหลี่เก๋อย่อมทนความเจ็บปวดไม่ไหว พูดมาแล้ว “ข้าจะบอก ข้าบอกแล้วยังไม่พอหรือไร เสี่ยวเทียนเป็นข้าให้คนพาตัวเขาไป ข้าเพียงแค่อยากจะสั่งสอนเจ้า ผู้ใดให้เจ้ามายั่วฮูเอ๋อเลี่ยกันเล่า”

พอพูดออกมา ทุกคนตกใจ เป็นนางตามคาด

“พาเขาไปที่ใดแล้ว?” หยุนถิงถลึงตาใส่

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท