จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 629 สองปีมาแล้วในที่สุดก็ได้พบหน้ากัน

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 629 สองปีมาแล้วในที่สุดก็ได้พบหน้ากัน

สีหน้าของจวินหย่วนโยวเย็นเฉียบดุจน้ำค้างแข็งทันที ถ้าไม่ใช่เพราะหลิงเฟิงกลัวว่าวินาทีนี้เด็กคนนี้คงเป็นศพร่างหนึ่งแล้ว

“หลิงเฟิงรีบพาคนไปกำจัดโจรพวกนั้น กล้ามาทำร้ายลูกชายข้า ข้าจะให้มันเสียใจที่เกิดมาบนโลกนี้!” จวินหย่วนโยวพูดอย่างโมโห

“ขอรับ!” เวลานี้หลิงเฟิงก็เสียใจเช่นกัน

ถ้าไม่ใช่เมื่อสักครู่ตนเองรีบเข้าไป ถ้าไปช้าอีกเสียหน่อย เช่นนั้นซื่อจื่อน้อยไม่ใช่สิ้นชีวิตอยู่ที่นี่หรือไร

หลิงเฟิงรีบส่งองครักษ์ฝีมือดีสามสี่คนไปแล้ว ให้พวกเขาไปเก็บกวาดโจรพวกนั้น

“รั่วจิ่งเร่งความเร็วขึ้นอีก หลงซานเจ้าไปติดต่อหลงยี จากนั้นพากำลังคนกลุ่มหนึ่งมุ่งไปข้างหน้าก่อน จะต้องตามหาถิงเอ๋อร์โดยเร็ว!” จวินหย่วนโยวเอ่ยปากอีกครั้ง

เด็กน้อยโผล่มาอยู่ในป่ากลางดึก เช่นนั้นถิงเอ๋อร์ไม่ใช่ว่ามีอันตรายมากหรือไร พอนึกถึงเรื่องนี้ทั้งหัวใจของจวินหย่วนโยวบีบรัดระดับหนึ่ง

“ขอรับ!” ทุกคนรีบปฏิบัติตาม

จวินหย่วนโยวมองทางเสื้อผ้าที่เปื้อนมอมแมมบนตัวจวินเสี่ยวเทียน ถูกกรีดขาดเป็นรูสามสี่รูแล้ว รู้สึกปวดใจยิ่งนัก

“ท่านลั่ว รีบหยิบเสื้อผ้าที่ข้านำมาด้วยออกมาให้หมด นำมาเปลี่ยนให้ลูกชายข้า!” จวินหย่วนโยวพูดสั่งการ

“เจ้าหนูคนนี้ดวงแข็งเสียจริง สถานที่ห่างไกลผู้คนเยี่ยงนี้ยังสามารถเจอพ่อแท้ๆ ของตนเองได้ โชคดีมากเสียจริงเชียว!” ท่านลั่วรีบหยิบห่อผ้าหลายห่อจากด้านล่างที่นั่งบนรถม้าออกมา

ด้านในล้วนเป็นของที่จวินหย่วนโยวเตรียมไว้ให้ลูก ของกินของใช้ล้วนมีครบครัน

เพราะไม่รู้ว่าลูกสูงเท่าใด หนักเท่าใด ฉะนั้นจวินหย่วนโยวให้คนเตรียมมากองหนึ่ง

ท่านลั่วหาเสื้อผ้าออกมาจากด้านใน วัดขนาดกับจวินเสี่ยวเทียนดูเสียหน่อย หาชุดที่เหมาะกับเขาตัวหนึ่งมาเปลี่ยนให้ และนำของกินบางส่วนมาให้เจ้าหนูน้อย

จวินเสี่ยวเทียนเหมือนจะชอบจวินหย่วนโยวมาก แอบอิงในอ้อมอกของเขากำลังกินอยู่ จากนั้นยกมือน้อยๆ ขึ้น “ท่านพ่อ กิน!”

“พ่อไม่กิน เจ้ากินเถิด เสียงของจวินหย่วนโยวอ่อนโยนระดับหนึ่ง หยิบผ้าไหมเข้ามาช่วยเช็ดฝุ่นบนหน้าให้จวินเสี่ยวเทียน

ผิวพรรณของเจ้าหนูน้อยขาวสะอาด ใบหน้างดงามประณีต โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นคล้ายกับถิงเอ๋อร์มาก ราวกับองุ่นดำ กลมโตแวววาว พอยิ้มดวงตาสองข้างหรี่เล็กจนกลายเป็นร่องแถวหนึ่ง ดูน่ารักยิ่งนัก

กอดเจ้าหนูน้อยที่จ้ำม่ำเอาไว้ สัมผัสถึงอุณหภูมิของเขา วินาทีนี้จวินหย่วนโยวทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจ สั่นเทาไปทั้งตัว

นี่คือลูกชายของเขา เป็นลูกชายของเขากับหยุนถิง เป็นลูกคนแรกของพวกเขา

วินาทีนี้ จวินหย่วนโยวรู้สึกโชคดีจริงที่ตนเองรีบมา หลิงเฟิงลงมือช่วยชีวิตเขาไว้พอดี ตนเองบังเอิญอุ้มเขาเข้ามาอีก มิเช่นนั้นพลาดไปนิดหนึ่ง เกรงว่าเขาคงต้องคลาดกับลูกชายไปตลอดกาลแล้ว

“หลิงเฟิง เจ้าช่วยซื่อจื่อน้อยไว้แล้ว ทำได้ดีมาก ต่อไปเจ้าก็คือผู้มีพระคุณของซื่อจื่อน้อย อาวุธที่หอเทียนเสวี่ยพอกลับไปเจ้าเลือกได้ตามชอบใจ!” จวินหย่วนโยวกล่าว

หลิงเฟิงที่อยู่ด้านนอกรถม้ารู้สึกประทับใจที่สุด “ขอบพระคุณซื่อจื่อขอรับ”

ทางนี้ หยุนถิงพาทุกคนออกเดินทางกลางดึก มุ่งตรงไปทางป่ารกร้าง พอนึกถึงว่าเสี่ยวเทียนยังเด็กเยี่ยงนั้นถูกทิ้งไว้ในป่าคนเดียว ทั้งหัวใจของหยุนถิงก็บีบรัดแน่นขึ้นแล้ว

นางพยายามภาวนาอยู่ในใจ ขอให้เสี่ยวเทียนอย่าเป็นอะไรเด็ดขาด

พอเดินทางคราวนี้ เดินทางกันอยู่ครึ่งคืน จนกระทั่งตอนที่ใกล้ฟ้าสว่าง รถม้าของหยุนถิงหยุดลงด้านหน้าฉับพลัน

“ซื่อจื่อเฟย!” หลงยีตะโกนเสียงดัง

เดิมทีหลงยีรีบเข้ามาก่อน น่าจะถึงตั้งนานแล้ว แต่ว่าชายแดนใหญ่ปานนั้น ล้อมรอบด้วยภูเขา หลงยีและคนอื่นหลงทางอยู่ในภูเขากันแล้ว วนอ้อมอยู่หลายวันถึงออกมาได้

พอมองเห็นสัญญาณของหลงซาน หลงยีที่รีบมาทางนี้จึงรีบพาคนมาโดยเร็ว ได้ยินหลงซานเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น หลงยีตกใจอย่างยิ่ง รู้สึกละอายใจตำหนิตนเองแทบแย่ จึงรีบพาคนมาตามหาซื่อจื่อเฟย

ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี้ หยุนถิงในรถม้าตัวแข็งทื่อทันใด รีบดึงม่านหน้าต่างออก ตอนที่มองเห็นหลงยีและคนอื่นที่อยู่ห่างไม่กี่เมตร หยุนถิงตื่นเต้นยิ่งนัก

“หลงยี หลงซานพวกเจ้ามากันแล้ว ซื่อจื่อเล่า เขาอยู่ที่ใด?” หยุนถิงกระโดดลงจากรถมาแล้ววิ่งเข้ามา

“ซื่อจื่อได้รับจดหมายก็รีบส่งพวกเรามาก่อนขอรับ เพียงแต่ภูเขาใหญ่ช่างมากเหลือเกิน พวกเราหลงทางแล้ว วนอยู่หลายวันถึงออกมาได้ขอรับ” หลงยีพูดอย่างอับอาย

“อีกไม่นานซื่อจื่อก็มาถึงขอรับ ระหว่างทางเจอกับซื่อจื่อน้อยขอรับ โชคดีที่หลิงเฟิงลงมือช่วยซื่อจื่อน้อยจากในมือโจรกลุ่มหนึ่งมาได้ ซื่อจื่อเฟยไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ ตอนนี้ซื่อจื่อน้อยอยู่ด้วยกันกับซื่อจื่อขอรับ” หลงซานอธิบาย

“เจ้าบอกว่าเสี่ยวเทียนอยู่ด้วยกันกับจวินหย่วนโยว เป็นไปได้เช่นไร เขาจำเสี่ยวเทียนได้เช่นไรกัน?” หยุนถิงทั้งประหลาดใจทั้งตื่นเต้น

แต่ว่าจวินหย่วนโยวไม่เคยเห็นเสี่ยวเทียนมาก่อน จำเขาออกได้เยี่ยงไร

“ท่านลั่วบอกว่าเด็กคนนั้นเหมือนซื่อจื่อสมัยเด็กมากขอรับ ในองครักษ์เงามังกรและองครักษ์ลับมีคนมากมายเคยเห็นซื่อจื่อสมัยเด็กเช่นกัน บอกว่าคล้ายกับซื่อจื่อจริงขอรับ ซื่อจื่อจำเชือกแดงที่ใส่บนมือของเขาได้ขอรับ” หลงซานตอบกลับ

“ช่างดีเหลือเกิน คาดไม่ถึงช่วยเสี่ยวเทียนเอาไว้ รีบพาข้าไปเจอเขาเดี๋ยวนี้!” หยุนถิงเอ่ยปาก

“ขอรับ!”

“จี๋ญ่า พวกเขาเป็นผู้ใดกัน?” ฮูเอ๋อเลี่ยในรถม้าเอ่ยปากถามทันใด

เมื่อสักครู่ฟังพวกเขาพูดกันพักหนึ่ง ฮูเอ๋อเลี่ยเข้าใจบ้าง และไม่เข้าใจบ้างเหมือนกัน

หยุนถิงมองเข้ามา “พวกเขาเป็นคนของสามีข้า พวกเขาบอกว่าช่วยเสี่ยวเทียนไว้แล้ว ตอนนี้ข้าต้องไปเจอเขา เจ้ารีบตามเหอจาหลัยไปต่อ ถ้าเกิดที่พูดมาไม่ใช่เด็กคนเดียวกันจักได้ตามหาง่าย!”

“ได้ เช่นนั้นเจ้าระวังตัวด้วย!” ฮูเอ๋อเลี่ยเอ่ยปาก

“อืม!” หยุนถิงพยักหน้า ยื่นมือไปรับจวินเสี่ยวเหยียนที่หลับอยู่ในมือของฮูเอ๋อเลี่ยเข้ามา รีบให้หลงยีใช้วิชาตัวเบาพานางออกไป

องครักษ์เงามังกรคนอื่นต่างลอยออกไปหมด แค่พริบตาเดียวก็หายไปแล้ว

เหอจาหลัยมองจนตกตะลึงแล้ว “คาดไม่ถึงพวกเขาไม่ต้องนั่งรถม้า ลอยไปโดยตรงกัน แค่ลูกน้องก็เก่งกาจถึงปานนี้ เช่นนั้นสามีของจี๋ญ่าไม่ใช่เก่งกาจยิ่งกว่าหรือ ข้าคิดได้ทันทีว่าวันตายของข้ามาถึงแล้ว”

ฮูเอ๋อเลี่ยถลึงตาใส่เขาแวบหนึ่ง “ดีที่สุดเจ้าภาวนาให้เสี่ยวเทียนไม่เป็นอะไร มิเช่นนั้นผู้ใดก็ช่วยเจ้าไม่ได้”

ทางนี้ จวินหย่วนโยวให้รั่วจิ่งเร่งความเร็วขึ้นอีก รถม้าวิ่งตรงไปตลอดทาง

เวลาเพียงธูปดอกเดียว หลงยีรีบพาหยุนถิงเข้ามา หยุนถิงที่อยู่ไกลๆ มองเห็นรถม้าของจวนซื่อจื่อคันนั้นแล้ว

เขามาจริงด้วย เขามารับตนเองกลับไปด้วยตนเอง

สองปีแล้ว นางไม่เจอหน้าซื่อจื่อมาสองปีแล้ว พอนึกถึงขาของซื่อจื่อ หยุนถิงยิ่งกังวลจนเจ็บปวด

“ซื่อจื่อเฟย!” รั่วจิ่งที่อยู่นอกรถม้าตะโกนเสียงดัง รีบหยุดรถม้าลง

จวินหย่วนโยวในรถม้าได้ยินเสียงตะโกนนี้ ยื่นมือไปเปิดม่านหน้าต่างโดยเร็ว

หลงยีพาหยุนถิงลอยเข้ามา ลอยมาลงบริเวณสองสามเมตรจากรถม้า

ทั้งคู่สบตากันและกัน มือของจวินหย่วนโยวที่ดึงม่านหน้าต่างออกสั่นเทาไปหมด ในที่สุดเขาเจอหน้าถิงเอ๋อร์แล้ว เห็นนางยืนดีๆ อยู่ด้านหน้าตนเอง ในอ้อมอกยังอุ้มเด็กน้อยคนหนึ่งไว้ ชั่วขณะหนึ่งเบ้าตาของจวินหย่วนโยวแดงขึ้นแล้ว

จวินหย่วนโยวตามหาหยุนถิงมาสองปี สองปีนี้เขาส่งทุกคนไปตามหาทั่วทั้งสี่แคว้น แม้กระทั่งให้หลงเอ้อพาคนไปตามหาแคว้นฝั่งทะเล แต่ทุกคราวต่างผิดหวังกลับมา แต่จวินหย่วนโยวก็ไม่ได้ยอมแพ้

ขอเพียงเขายังมีชีวิตอยู่ ขอเพียงเขายังมีลมหายใจอยู่ จะต้องยืนหยัดตามหาต่อไป จนกระทั่งหาหยุนถิงเจอถึงจะเลิก

วินาทีนั้นที่ได้รับจดหมาย จวินหย่วนโยวดีใจจนน้ำตานองหน้า เป็นสวรรค์ทรงเมตตาจริงๆ ถิงเอ๋อร์ของเขายังมีชีวิตอยู่ และยังคลอดลูกแล้วด้วย ฉะนั้นจวินหย่วนโยวจึงรีบส่งคนมาหาทันที

เขาอยากติดปีกบินมาหาใจแทบขาด น่าเสียดายขาของเขาไม่ได้เรื่อง ได้เพียงรีบเดินทางหามรุ่งหามค่ำ ครึ่งเดือนนี้จวินหย่วนโยวไม่ได้ลงจากรถม้า เหนื่อยแล้วก็พักผ่อนในรถม้า เขาเพียงอยากรีบมาให้เร็วหน่อย

วินาทีนี้มองเห็นถิงเอ๋อร์ จวินหย่วนโยวดีใจจนน้ำตาไหล

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท