จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 643 ประวัติของหยุนถิง
“หยุนถิง เป็นลูกสาวของหยุนเฉิน ที่จวนตระกูลหยุนแห่งแคว้นต้าเยียนนะหรือ?” หญิงชราถามอย่างตื่นเต้น
หยุนถิงพยักหน้าเบาๆ “ใช่เจ้าค่ะ หยุนเฉิงเซี่ยงแห่งแคว้นต้าเยียนคือท่านพ่อของข้า”
วินาทีต่อมา หญิงชราจับมือของหยุนถิงไว้อย่างฮึกเหิม “คุณหนูหยุน ท่านคือคุณหนูหยุนจริงๆ ช่างดีเหลือเกิน ในที่สุดข้าก็พบเจอท่านแล้ว นึกไม่ถึงว่าก่อนตายข้ายังพบเจอลูกสาวของคุณหนูได้อีก เป็นสวรรค์เมตตาเสียจริง”
ทุกคนมองอย่างตกใจ ทั้งหมดมองเข้ามาอย่างไม่เข้าใจ โดยเฉพาะเยว่เอ๋อร์กอดจวินเสี่ยวเหยียนไว้แน่นแล้ว กลัวว่าหญิงชราที่ดุจดังปีศาจร้ายผู้นั้นจะทำร้ายนาง
จวินหย่วนโยวขมวดคิ้วขึ้นมาเช่นกัน เขาได้ยินเพียงว่าตอนนั้นมารดาของหยุนถิงคลอดลูกลำบากจึงเสียชีวิต และไม่มีข่าวคราวอย่างอื่น ต่อมาไม่มีผู้ใดพูดถึงเรื่องนี้อีก ราวกับเดิมทีมารดาของนางไม่มีตัวตนอยู่
ตอนนั้นจวินหย่วนโยวก็รู้สึกแปลกๆ เช่นกัน แต่ว่าตอนนั้นร่างกายเขาโดนพิษร้ายแรง ทุกวันได้รับความทุกข์ทรมานจากพิษร้ายแรง ยังมีกะจิตกะใจไปสนใจเรื่องอื่นที่ใดเล่า
หยุนถิงทำหน้าตกใจ “ท่านเฒ่า ท่านรู้จักท่านแม่ของข้าหรือเจ้าคะ?”
หญิงชราเช็ดน้ำตาแล้ว “ข้าไม่เพียงรู้จัก ท่านแม่ของท่านยังเคยช่วยชีวิตข้าเอาไว้ ข้าติดตามนางอยู่หลายปี นางจิตใจดีงาม จงเกลียดจงชังคนชั่วยิ่งนัก ชาญฉลาดรอบด้าน เป็นหญิงสาวที่หาได้ยากนัก”
นี่ยังเป็นครั้งแรกที่หยุนถิงได้ยินคนอื่นพูดถึงมารดา ทุกคนล้วนบอกว่ามารดาของนางเสียชีวิตไปตอนที่คลอดลูกยาก แม้แต่บิดาก็พูดเช่นนี้ ดังนั้นนางจึงไม่เคยคิดมากมาก่อน
“คุณหนูหยุน ท่านมากับข้าเถิด!” หญิงชราดึงหยุนถิงไว้อยากจะเดินไป
จวินหย่วนโยวยกเท้าขึ้นอยากตามไปด้วย หญิงชราสีหน้าเย็นชา “คนอื่นห้ามตามมา มิเช่นนั้นอย่าโทษว่าข้าไม่เกรงใจ”
“ท่านเฒ่า เขาเป็นสามีของข้า เป็นพ่อของลูกข้า” หยุนถิงกล่าวแนะนำ
คำพูดประโยคหนึ่ง อธิบายความสัมพันธ์ของจวินหย่วนโยวกับตนเอง และแสดงถึงตำแหน่งของจวินหย่วนโยวที่อยู่ในใจตนเอง
“เช่นนั้นก็มิได้ แม้เป็นสามีภรรยาต่างก็มีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่เช่นนั้นตอนนั้นคุณหนูจักเกิดเรื่องได้เช่นไร” หญิงชรามองเข้ามาอย่างเป็นปฏิปักษ์
“ท่านเฒ่า ท่านหมายความว่าท่านพ่อข้าทำร้ายท่านแม่ข้าแล้วหรือ?” หยุนถิงตื่นตกใจอย่างยิ่ง
สีหน้าของจวินหย่วนโยวอึมครึมถึงที่สุด “ถิงเอ๋อร์อย่าฟังนางพูดเหลวไหล ระวังถูกคนมีเจตนาแอบแฝงหลอกใช้ คนบนโลกนี้ต่างรู้ว่าหยุนเฉิงเซี่ยงรักภรรยาของตนเองมากที่สุด หลังจากที่นางจากไปไว้ทุกข์เพื่อนางด้วยตนเองตั้งสามปี ผู้ชายทั่วไปย่อมไม่มีทางทำได้ เหตุใดถึงต้องทำร้ายท่านแม่ของเจ้าด้วยเล่า”
จริงด้วย ปกติท่านพ่อรักตนเองที่สุด ว่างๆ มักจะหยิบภาพวาดของท่านแม่มาดูในห้องหนังสือ ไม่ว่าตนเองทำความผิดใหญ่โตเพียงใด ท่านพ่อจะปกป้องตนเองเสมอ เอ็นดูตนเอง ถ้าบอกว่าท่านพ่อที่เป็นแบบนี้ทำร้ายท่านแม่แล้ว หยุนถิงจะไม่เชื่อโดยเด็ดขาด
“หยุนเฉิงเซี่ยงรักอย่างสุดซึ้งจริงๆ ข้านึกไม่ถึงว่าเขาจะปฏิบัติเช่นนี้ต่อคุณหนู เพียงแค่คนที่ข้าหมายถึงไม่ใช่เขา” หญิงชราพึมพำอย่างเย็นชา ถอดกำไลตรงข้อมือออกแล้วยื่นเข้ามา
หยุนถิงมองกำไลอันนั้นอยู่ แข็งทื่อไปทั่วทั้งตัวแล้ว “นี่ นี่คือ?”
กำไลนี้นางเคยเห็นบนภาพวาดของบิดา ก็คืออันนั้นที่ใส่อยู่บนข้อมือมารดา
เพราะปกติกำไลหากไม่ใช่มรกตก็เป็นหยก แต่ว่ากำไลของมารดานางกลับเป็นสีดำ ด้านบนยังมีลวดลายของนกที่แปลกตามากตัวหนึ่งอยู่ด้วย ดังนั้นหยุนถิงจึงสังเกตเห็นได้เป็นพิเศษ
ก่อนหน้านี้นางเคยถามหยุนเฉิงเซี่ยง เพราะเหตุใดกำไลของมารดาถึงเป็นสีดำ หยุนเฉิงเซี่ยงก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน กลับคิดไม่ถึงว่าหญิงชราคนนี้นำมันออกมาแล้ว
“นี่คือของที่คุณหนูให้ข้าไว้ในตอนนั้น ตอนนี้ท่านเชื่อแล้วกระมัง?” หญิงชราพูดอย่างไม่พอใจ
“ท่านพี่ ท่านดูลูกๆ อยู่ที่นี่ ข้ามีเรื่องอยากถามท่านเฒ่า” หยุนถิงเอ่ยปาก
“ได้!” คราวนี้จวินหย่วนโยวไม่ได้ขัดขวาง มองหยุนถิงกับหญิงชราเดินจากไป สีหน้าอึมครึมอย่างยิ่ง
หญิงชราพาหยุนถิงเข้ามาในห้อง กระท่อมสามห้องที่ดูเรียบง่ายมาก พอมองก็สามารถมองได้ทั่ว หญิงชราไม่รู้ว่ากดตรงใดเข้าแล้ว ทันใดนั้นบนพื้นปรากฏช่องทางลับแห่งหนึ่งขึ้นมา
“คุณหนูหยุน มากับข้าเถิด” หญิงชราพาหยุนถิงเข้าไป
ใต้ดินไม่ได้เรียบง่ายและทรุดโทรมเหมือนข้างบน ด้านในมีแก้วแหวนเงินทองสารพัดกองเต็ม สมบัติหายาก ตำราโบราณเก่าแก่ ยังมีตัวยาที่ล้ำค่ามากมาย——
“ท่านเฒ่า ที่ท่านพูดเมื่อสักครู่ ท่านพ่อข้าเป็นอีกคนหนึ่งหรือ?” หยุนถิงไม่สนใจชื่นชมข้าวของด้านในนี้ รีบถามเรื่องสำคัญออกมาทันที
“ถูกต้อง หยุนเฉิงเซี่ยงแห่งแคว้นต้าเยียนไม่ใช่พ่อของท่าน สำหรับพ่อของท่านคือผู้ใด ข้าไม่รู้ ตอนนั้นข้าถูกตระกูลศัตรูตามฆ่า เป็นคุณหนูที่ช่วยชีวิตข้าไว้ ข้าจึงติดตามคุณหนูมาห้าปี
ต่อมาคุณหนูบอกจะออกจากภูเขา เดิมทีข้าก็ติดตามไปด้วย ต่อมาหลงกันกับคุณหนูแล้ว ข้าตามหาทั่วทุกแห่งล้วนหาคุณหนูไม่พบ จึงรีบกลับไปแจ้งข่าว
เจ้าบ้านโกรธเคืองมาก สั่งให้ทุกคนไปตามหา แต่พวกเขาหามาเดือนหนึ่งก็หาไม่พบ ยังบอกว่าคุณหนูเกิดเรื่องแล้ว แต่ข้าไม่เชื่อ ข้าจึงลงจากภูเขาไปตามหาด้วยตนเอง
สวรรค์ทรงเมตตา ข้าเจอคุณหนูที่ถูกคนตามฆ่าโดยบังเอิญ ตอนนั้นคุณหนูตั้งครรภ์แล้ว ข้าพาคุณหนูหนีมาจนถึงเมืองหลวงแห่งแคว้นต้าเยียน เจอกับหยุนเฉิงเซี่ยงเข้าพอดี
หยุนเฉิงเซี่ยงกับท่านแม่ของท่านรู้จักกัน เห็นพวกเราลำบาก จึงรีบช่วยเหลือพวกเราแล้ว ยังปิดข่าวไว้ด้วย นี่ถือว่าปกป้องคุณหนูไว้จนได้
ข้าถามคุณหนูว่าหนึ่งปีกว่านี้ไปที่ใดกัน พ่อของเด็กคือผู้ใด เหตุใดนางถูกคนตามฆ่า แต่คุณหนูไม่พูดอะไรเลย ทั่วทั้งตัวไม่มีชีวิตชีวาร่าเริงเยี่ยงเมื่อก่อน จิตใจห่อเหี่ยวทั้งวัน
ทันใดนั้นมีวันหนึ่ง นางดึงมือข้าเอาไว้ นำกำไลนี้มาให้ข้า บอกให้ข้าเก็บไว้ให้ลูกที่ยังไม่เกิดมาของนาง ยังบอกว่าของที่เก็บไว้ใต้ดินนี้เป็นนางสะสมไว้ เหลือให้ลูก
ร่างกายของคุณหนูย่ำแย่ลงทุกวัน เริ่มแรกข้าคิดว่าคุณหนูไม่สบายใจ แต่ต่อมาถึงพบว่านางโดนพิษเข้าแล้ว พูดให้ถูกต้องคือโดนหนอนพิษกู่เข้าแล้ว แต่ข้ากลับไม่รู้เกี่ยวกับหนอนพิษกู่สักนิด หยุนเฉิงเซี่ยงแอบจ้างหมอมากมาย ล้วนไม่มีหนทาง
เพราะคุณหนูยังตั้งครรภ์อยู่ ไม่สามารถใช้ยาตามอำเภอใจ ฉะนั้นจึงผลัดไปวันแล้ววันเล่า ข้าเกลียดเสียจริง เกลียดที่ข้าเองไร้ความสามารถ ไม่สามารถช่วยคุณหนูได้
ต่อมาถึงวันที่คุณหนูจะคลอดลูก คนที่ตามฆ่านางพวกนั้นค้นหามาจนถึงเมืองหลวงแห่งแคว้นต้าเยียน ข้ากลัวคุณหนูเกิดเรื่องขึ้น จึงพาสาวใช้ที่ปลอมตัวเป็นคุณหนูคนหนึ่งออกมา
พวกเราโดนบีบจนหมดหนทางไป ข้าได้เพียงพาสาวใช้กระโดดหน้าผา ถึงทำให้พวกเขาคิดว่าพวกเราคงตายอย่างมิต้องสงสัย ฉะนั้นจะได้ไม่ต้องสงสัยต่อจวนตระกูลหยุนอีก
โชคดีที่คนตัดฟืนคนหนึ่งเดินผ่านมาช่วยข้าไว้แล้ว เขาบอกตอนที่พบข้า สาวใช้คนนั้นก็สิ้นใจลงแล้ว ส่วนข้ายังมีลมหายใจอยู่นิดๆ
ตอนนั้นข้าขาหัก รักษาอยู่สามเดือนถึงลงเดินได้ รอตอนที่ข้าสามารถเดินเหินได้ จึงรีบกลับมา เพิ่งมาถึงชายแดนแคว้นชางเยว่ก็ได้ยินว่าหยุนเฉิงเซี่ยงแห่งแคว้นต้าเยียนได้ลูกสาวคนหนึ่ง แต่ฮูหยินคลอดลูกลำบากจนเสียชีวิต
ข้าเศร้าเสียใจยิ่งนัก ปลอมตัวแล้วจงใจไปที่แคว้นต้าเยียน เฝ้ามองอยู่ด้านนอกจวนตระกูลหยุนอยู่หนึ่งเดือน เห็นหยุนเฉิงเซี่ยงดีต่อท่านจริงๆ ยังประกาศต่อผู้คนว่าท่านเป็นลูกสาวคนโตของจวนตระกูลหยุน ข้าก็วางใจแล้ว
จากนั้นข้ามาที่นี่แล้ว ช่วยคุณหนูดูแลของพวกนี้ไว้ และศึกษาหนอนพิษกู่ ทำมาเป็นเวลาสิบกว่าปี หลังจากที่ท่านอายุสิบขวบข้าก็ไม่เคยเจอหน้าท่านอีก ฉะนั้นจึงตื่นเต้นถึงเพียงนี้เมื่อได้พบท่านอีก
มองเห็นท่านอยู่รอดปลอดภัย มองเห็นท่านก่อเรื่องอย่างก้าวร้าว มองเห็นหยุนเฉิงเซี่ยงปกป้องท่านอย่างดี รักเป็นห่วงท่าน ข้าก็วางใจแล้ว ทุกปีจะได้ยินข่าวลือสารพัดของท่าน
ถึงแม้ไม่น่าฟังเท่าใด แต่ขอเพียงท่านมีชีวิตอย่างปลอดภัยย่อมสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด ต่อมาได้ยินว่าท่านมีความสามารถที่น่าตกใจ รูปโฉมกลับมาเป็นอย่างเดิมแล้ว ข้าดีใจกับคุณหนูเสียจริง
ตอนนี้ในที่สุดข้าก็ศึกษายาแก้พิษหนอนกู่ได้แล้ว น่าเสียดายที่สายไปเสียแล้ว ถ้าตอนนั้นข้าทำได้ บางทีคุณหนูคงจะไม่เป็นอะไร ล้วนเป็นข้าที่ไร้ความสามารถ”