จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 645 นังหนูน้อย เจ้าไม่กลัวหรือ

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 645 นังหนูน้อย เจ้าไม่กลัวหรือ

“คุณหนูเจ้าคะ ท่านเชื่อท่านเฒ่าคนนี้จริงหรือ?” ซูหลินลังเลนิดหน่อย ยังถามไป

นางเคยติดตามคุณหนูมาหลายปี กลับไม่เคยเห็นท่านเฒ่าคนนี้ปรากฏตัวมาก่อน ดังนั้นซูหลินถึงสงสัย

หยุนถิงมองทางนาง สีหน้าเคร่งขรึมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “ข้าเชื่อนาง!”

ทั้งที่นางสามารถนำแก้วแหวนเงินทองพวกนั้นหนีไปจากที่นี่เพื่อใช้ชีวิตดีๆ ได้ แต่นางกลับเพียงแค่อาศัยอยู่ในกระท่อม ศึกษาหนอนพิษกู่มาเป็นเวลาหลายปี เพียงเพราะไร้ความสามารถและความเสียใจในอดีต

ความซื่อสัตย์สิบกว่าปีนี้ ลองถามดูว่ามีสักกี่คนที่สามารถทำได้

หยุนถิงดูนับถือหญิงชราคนนี้มาก และเชื่อนางจากใจจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกำไลของมารดาหากเป็นคนทั่วไปคงนำออกมาไม่ได้ ยังมีเรื่องราวที่เป็นความลับพวกนั้น รอนางจัดการเรื่องราวที่แคว้นเทียนจิ่วเสร็จ จะต้องกลับไปถามบิดาให้กระจ่างแน่นอน

“ในเมื่อคุณหนูเชื่อ เช่นนั้นข้าก็เชื่อเหมือนกัน” ซูหลินพยักหน้า

ขอเพียงเป็นคนที่คุณหนูยอมรับ นางก็จะเชื่อใจอย่างไม่มีเงื่อนไข

ทันใดนั้นในห้องมีเสียงพึมพำลอยมา ถึงแม้เสียงไม่ดัง แต่หยุนถิงยังได้ยินแล้ว

แต่ไหนแต่ไรซื่อจื่ออดกลั้นเป็นที่สุด นี่จะต้องเจ็บมากเพียงใด เขาถึงส่งเสียงออกมาได้ หยุนถิงปวดใจที่สุด เป็นห่วงยิ่งนัก เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกถึงความรู้สึกไร้หนทาง

นางอยากช่วยอะไรสามีบ้างอย่างมาก ยินยอมได้รับความเจ็บปวดแทนเขา แต่นางกลับทำอะไรไม่ได้ ได้เพียงรอคอย

“คุณหนูไม่ต้องกังวลเจ้าค่ะ ซื่อจื่อจะต้องไม่เป็นอะไร” เยว่เอ๋อร์พูดปลอบใจ

“อืม ข้าก็เชื่อว่าท่านพี่จะไม่เป็นอะไร” หยุนถิงพูดเบาๆ

“ท่านแม่ ท่านแม่!” จวินเสี่ยวเหยียนอยากให้อุ้มเสียหน่อย

หยุนถิงรีบยื่นมืออุ้มนางเอาไว้ จวินเสี่ยวเทียนเป็นเด็กดีมาก เหมือนรู้ว่าบิดาเกิดเรื่องขึ้นแล้ว เจ้าหนูน้อยถูกซูหลินอุ้มไว้ รอคอยอย่างเงียบๆ ดูเชื่อฟังมาก

เวลาค่อยๆ ผ่านไป หลังจากหญิงชราออกมาก็ผ่านไปหนึ่งชั่วยามแล้ว

“หนอนพิษกู่ในร่างกายของเขายับยั้งไว้ชั่วคราวแล้ว คนก็หมดสติไปแล้ว พักผ่อนสักคืนหนึ่งก็ดีขึ้น วางใจเถิด” หญิงชราเอ่ยปาก

“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านเฒ่า”

“คุณหนูหยุนไม่ต้องเกรงใจ” หญิงชราก็เหนื่อยจนเหงื่อท่วมตัวเช่นกัน

“ท่านเฒ่าช่วยชีวิตท่านพี่ของข้าไว้ ย่อมเป็นผู้มีพระคุณของข้า ต่อไปเรียกข้าว่าหยุนถิงเถิด” หยุนถิงกล่าว

“ได้ หยุนถิง”

หยุนถิงรีบพาคนเข้าไปทันที เห็นจวินหย่วนโยวที่หมดสติไป สีหน้าซีดเซียวที่สุด ริมฝีปากถูกกัดจนแตกแล้ว เห็นได้ว่าเจ็บมากจริงๆ หยุนถิงดูปวดใจมาก

“พยุงท่านพี่ไปขึ้นรถม้า พาเขากลับไปพักผ่อน”

“ขอรับ” หลงยีกับหลงซานรีบพยุงซื่อจื่อของตนเองขึ้นมา

“ท่านเฒ่า ท่านเก็บข้าวของเสียหน่อยแล้วพวกเราออกไปด้วยกันเจ้าค่ะ” หยุนถิงมองทางหญิงชรา

“หญิงชราอย่างข้าโดดเดี่ยวตัวคนเดียว ไม่มีอะไรให้เก็บไป นำเจ้าตัวน้อยพวกนี้ไปด้วยก็พอแล้ว ข้าก็อยากไปประลองฝีมือกับผิงหนานอ๋องผู้นั้น!” หญิงชรากำลังเขย่ากระดิ่งเงินตรงแขน หนอนพิษกู่พวกนั้นล้วนคลานเข้ามาแน่นขนัดเต็มพื้น มองจนคนขนพองสยองขวัญ

“ทุกคนไม่ต้องกลัว พวกมันจะไม่โจมตีพวกเจ้า!”

หยุนถิงและคนอื่นขึ้นรถม้าแล้ว หญิงชราจึงตามขึ้นรถม้ามาเช่นกัน ทั้งหมดออกเดินทาง ส่วนด้านหลังรถม้าในหญ้ารกและพุ่มไม้สองข้างริมทางด้านหลังรถม้าพวกหนอนพิษกู่นับไม่ถ้วนกำลังคลานตามมาอย่างรวดเร็ว ภาพเหตุการณ์นั้นดูโอ่อ่ายิ่งใหญ่มาก

จวินเสี่ยวเทียนหวาดกลัวอยู่บ้าง แอบอิงในอ้อมอกของซูหลินไม่กล้ามองหญิงชรา กลับเป็นจวินเสี่ยวเหยียนที่ชอบใจยิ่งนัก ยิ้มให้ทางหญิงชราต่อเนื่อง ทันใดนั้นมือน้อยๆ โบกไปมา

เวลานี้ทุกคนถึงมองเห็นกันชัดเจน คาดไม่ถึงในมือของจวินเสี่ยวเหยียนบีบหนอนสีดำตัวหนึ่งเอาไว้ ทำเอาหยุนถิงตกใจจนสีหน้าตึงเครียดระดับหนึ่งทันใด

“เสี่ยวเหยียนรีบแบมือออกมา ท่านเฒ่าท่านได้โปรดช่วยคุ้มครองเสี่ยวเหยียนอย่าให้โดนหนอนพิษกู่กัดด้วย!” เสียงของหยุนถิงร้อนใจมากๆ

เยว่เอ๋อร์และคนอื่นตกใจจนสีหน้าซีดเผือดแล้ว “คุณหนู เหตุใดในมือเสี่ยวเหยียนถึงมีหนอนพิษกู่ได้เจ้าคะ จะต้องเป็นเมื่อสักครู่ตอนนางยืนเล่นบนพื้นแล้วแอบหยิบมาแน่เจ้าค่ะ เสี่ยวเหยียนรีบปล่อยออกเร็วเข้า นั่นเป็นหนอนพิษกู่ อันตรายมากนะ!”

จวินเสี่ยวเหยียนกลับไม่กลัวแม้แต่น้อย ทว่ายกมือน้อยๆ แสนจ้ำม่ำส่ายไปมา “เล่น สนุก!”

หญิงชราก็ตกตะลึงเช่นกัน นึกไม่ถึงว่ายัยหนูน้อยคนนี้ถือหนอนพิษกู่ของนางไว้ และหนอนพิษกู่ก็ไม่ได้ทำร้ายนางด้วย

หญิงชราจับจ้องสังเกตดูจวินเสี่ยวเหยียนตาไม่กะพริบ “นังหนูน้อย เจ้าไม่กลัวหรือ?”

“ไม่กลัว ไม่กลัว!”

“ข้าศึกษาหนอนพิษกู่มาสิบกว่าปี ยังเป็นครั้งแรกที่เจอคนไม่กลัวหนอนพิษกู่ นังหนูน้อยคนนี้ใจกล้านักเชียว ดูแล้วเป็นคนมีวาสนากับข้า

หยุนถิงถ้าเจ้าไม่ถือสา ข้าอยากอบรมนางให้เรียนวิชาควบคุมหนอนกู่ ถ่ายทอดความสามารถทั้งหมดนี้ของข้าให้นังหนูน้อยคนนี้ แบบนี้ต่อไปถ้ามีคนปล่อยหนอนพิษกู่ใส่อีก ก็ไม่ต้องกลัวแล้ว” หญิงชราพูดความคิดของตนเองออกมา

ได้ยินจนซูหลินและเยว่เอ๋อร์ตกใจกัน นั่นเป็นหนอนพิษกู่เชียว พิษร้ายแรงยิ่งนัก หนำซ้ำหากไม่ระวังถูกกัดเข้าคงเหมือนตายทั้งเป็น

“คุณหนู เสี่ยวเหยียนเพิ่งหนึ่งขวบกว่ายังเด็กเกินไป ไม่เช่นนั้นรอนางโตสักหน่อย?” ซูหลินพูดเสนอแนะ

“ใช่เจ้าค่ะคุณหนู เจ้าตัวนี้ประหลาดจนน่าสยองขวัญ ถ้าเกิดเสี่ยวเหยียนโดนกัดเข้าจะอันตรายเพียงใด?” เยว่เอ๋อร์เอ่ยปากตาม

หยุนถิงนึกไม่ถึงเช่นกันว่าหญิงชราจะพูดแบบนี้ ความจริงสำหรับแผนการของเด็กทั้งสองเมื่อเติบโตไปในภายภาคหน้า นางยังไม่เคยคิด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กทั้งสองยังเล็กเหลือเกิน ตอนนี้ก็มองไม่เห็นอะไร ขอเพียงพวกเขาปลอดภัย และมีความสุขก็เพียงพอแล้ว

เวลานี้หญิงชราพูดขึ้นมา หยุนถิงสีหน้าตึงเครียดระดับหนึ่ง ปกติหนอนพิษกู่มักจะโจมตีคน แต่เสี่ยวเหยียนหยิบมาเล่นนานขนาดนั้นยังไม่โดนกัดหรือโดนทำร้าย หรือว่านี่จะเป็นบัญชาจากสวรรค์

“เสี่ยวเหยียน ลูกชอบเล่นหนอนพวกนี้หรือ?”

เด็กน้อยเข้าใจวิชาควบคุมหนอนกู่อะไรที่ไหนเล่า ดังนั้นหยุนถิงได้เพียงใช้ภาษาที่ง่ายที่สุดถามไป

จวินเสี่ยวเหยียนพยักหน้า “ชอบ สนุก!”

หยุนถิงยิ้มดีใจ “ท่านเฒ่า ในเมื่อเสี่ยวเหยียนมีวาสนากับหนอนพิษกู่นี้ เช่นนั้นก็ลำบากท่านแล้ว”

“ไม่ลำบาก ข้ายังกังวลอยู่ว่าวิชาควบคุมหนอนกู่ทั้งหมดของข้านี้จะไม่มีผู้สืบทอด ตอนนี้กลับหาเจอแล้ว วางใจเถิด ขอเพียงมีข้าอยู่ จะไม่ให้นังหนูน้อยคนนี้ได้รับบาดเจ็บเด็ดขาด ต่อไปทุกคนสามารถเรียกข้าว่ายายขุยได้”

“ได้ ยายขุยขอบคุณมากเจ้าค่ะ” หยุนถิงเอ่ยปาก

ถึงแม้ซูหลินกับเยว่เอ๋อร์จะเป็นกังวล ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ในเมื่อเป็นเรื่องที่คุณหนูตัดสินใจ พวกนางย่อมสนับสนุนเต็มที่ เพียงแค่เป็นห่วงอยู่บ้าง

รถม้ารีบกลับไปตลอดทาง หลงยีกับหลงซานรีบพยุงซื่อจื่อของตนเองกลับไปพักผ่อน จวินเสี่ยวเทียนกับจวินเสี่ยวเหยียนก็เหนื่อยจนหลับไปแล้วเช่นกัน ซูหลินกับเยว่เอ๋อร์ต่างอุ้มเด็กคนหนึ่งเข้าห้องไปพักผ่อน

หยุนถิงจัดเตรียมห้องให้ท่านเฒ่าด้วยตนเอง พาท่านเฒ่าไปพักผ่อน

องครักษ์คนหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก “ซื่อจื่อเฟยขอรับ นี่คือจดหมายที่ราชวงศ์แคว้นเทียนจิ่วสั่งคนส่งมาขอรับ”

หยุนถิงขมวดคิ้ว คาดไม่ถึงสายตาของราชวงศ์แคว้นเทียนจิ่วก็อยู่ที่เมืองฉีแห่งนี้ กลับพอเข้าใจได้

“เอามาให้ข้าเถิด” หยุนถิงรับจดหมายมาเปิดอ่าน มองเห็นเนื้อหาภายใน สีหน้าเคร่งขรึมอยู่บ้าง

“เกิดอะไรขึ้น?” ยายขุยถาม

“ฮ่องเต้ของแคว้นเทียนจิ่วเชิญข้ากับซื่อจื่อไปเป็นแขก” หยุนถิงตอบกลับ

นางกับจวินหย่วนโยวและฮ่องเต้ของแคว้นเทียนจิ่วไม่มีมิตรภาพใดๆ ต่อกัน เหตุใดเขาพูดออกมาในเวลานี้ หรือว่าเป็นผิงหนานอ๋องมองอะไรออกแล้ว

“เจ้ามีแผนการเช่นไร?”

“ในเมื่อฮ่องเต้แห่งแคว้นเทียนจิ่วเชื้อเชิญ ย่อมต้องไปแน่ ไม่ว่าอีกฝ่ายใช้วิธีการอะไรมาพวกเราก็ใช้วิธีการนั้นรับมือ อย่างไรเสียก็ต้องไปสักรอบ” หยุนถิงตอบกลับ

“ดี ข้าไปด้วยกันกับเจ้า”

“ลำบากท่านเฒ่าแล้ว” หยุนถิงรีบเรียกซูหลินเข้ามา กำชับกับนางสักหน่อย

ผิงหนานอ๋องเจ้าเล่ห์ปานนั้น คราวนี้ไปจะต้องเตรียมพร้อมให้ครบถ้วน

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท