จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 647 จวินหย่วนโยวปกป้องภรรยาและลูกอย่างยโส
หยุนถิงรีบมองทางหน้าประตู ก็เห็นเริ่นเซวียนเอ๋อร์ที่สวมชุดกระโปรงยาวสีชมพู เดินเข้ามาด้วยหน้าตายิ้มแย้มดีใจ
“เจ้ามาแล้วหรือ”
“อืม เสด็จพ่อให้คนไปแจ้งกับข้า ข้าจึงรีบมาทันที ได้พบเจ้าช่างดีเสียจริง เจ้ายังมีชีวิตอยู่ดีจริงเชียว” เริ่นเซวียนเอ๋อร์ตื่นเต้นจนเบ้าตาแดงก่ำ
หยุนถิงกลับนึกไม่ถึงว่านางจะตื่นเต้นปานนี้ “ข้ากับองค์หญิงไม่สนิทกันปานนั้นกระมัง?”
ชั่วขณะหนึ่งเริ่นเซวียนเอ๋อร์มองค้อนนางทีหนึ่ง “เจ้าพูดเยี่ยงนี้ก็ใจร้ายไปแล้ว สองปีนี้ที่เจ้าหายตัวไปข้าตามหาเจ้าไปทั่วไม่น้อย เพียงแค่ตามหาไม่เจอเท่านั้น ยังเป็นจวินซื่อจื่อเก่งกาจตามคาด”
“เจ้าตามหาข้าทำไมเล่า?” หยุนถิงไม่เข้าใจ
“ยากที่ข้าจะเจอคู่ต่อสู้ในด้านทักษะทางการแพทย์ เจ้าเป็นคนผู้นั้นที่หาตัวได้ยากนัก ฉะนั้นข้าเห็นเจ้าเป็นคู่ต่อสู้ ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังช่วยชีวิตคนที่สำคัญที่สุดของข้าไว้ด้วย” เริ่นเซวียนเอ๋อร์ตอบไป
“องค์หญิงสามเกรงใจไปแล้ว วันเวลาต่อจากนี้คงต้องรบกวนองค์หญิงแล้ว ข้ามาแคว้นเทียนจิ่วเป็นหนแรก อาหารการกินและที่เที่ยวคงต้องขอให้เจ้านำทางแล้ว” หยุนถิงพูดหยอกล้อ
“แน่นอนสิ มาถึงถิ่นของข้าแล้วเจ้ากินดื่มได้ตามสบาย ทุกอย่างข้าจัดการเอง” เริ่นเซวียนเอ๋อร์พูดจาตรงไปตรงมา
มองเห็นหยุนถิงกลับมาอย่างปลอดภัย นางดีใจ ตื่นเต้น และสุขใจมากจริงๆ
“ท่านแม่ ท่านแม่!” จวินเสี่ยวเทียนตะโกนเสียงดัง
“แม่อยู่นี่!” หยุนถิงรีบเข้าไปหา
เริ่นเซวียนเอ๋อร์จึงสังเกตเห็นจวินเสี่ยวเทียนเข้า จ้องใบหน้าที่จ้ำม่ำใบนั้นอยู่ตั้งนาน “หยุนถิง นี่คือลูกชายของเจ้าหรือ โตปานนี้เชียว หน้าตาน่ารักมากนัก ดูเหมือนจวินซื่อจื่อมากด้วย!”
เริ่นเซวียนเอ๋อร์พูดอยู่ จึงยื่นมือไปบีบแก้มของจวินเสี่ยวเทียน ใบหน้าอันจ้ำม่ำเป็นสัมผัสที่ดียิ่งนัก
“ปล่อยลูกชายข้าเดี๋ยวนี้!” จวินหย่วนโยวพูดด้วยเสียงเย็นชา
เริ่นเซวียนเอ๋อร์ตกใจจนสั่นเทา รีบปล่อยมือออก “จวินซื่อจื่ออย่าเข้าใจผิด ข้าแค่เห็นว่าเจ้าหนูน้อยนี้น่ารักเหลือเกิน ฉะนั้นถึงอดใจไม่ไหว”
ยังไม่รอให้จวินหย่วนโยวเอ่ยปาก จวินเสี่ยวเหยียนก้าวขาสั้นๆ วิ่งเข้ามาหา “พี่สาว พี่สาว——”
เวลานี้เริ่นเซวียนเอ๋อร์ตะลึงค้างแล้ว “เด็กคนนี้หรือว่าก็ใช่เช่นกัน?”
“พวกเขาสองคนเป็นฝาแฝดชายหญิง!” หยุนถิงตอบ
“เจ้าช่างเก่งเสียจริงเชียว ครั้งเดียวก็คลอดตั้งสองคน ยังเป็นฝาแฝดชายหญิงด้วย เพียบพร้อมด้วยลูกชายลูกสาวจริงๆ” เริ่นเซวียนเอ๋อร์นับถืออย่างยิ่ง รีบนั่งยองลงไปมองจวินเสี่ยวเหยียนทันใด
“พี่สาว ให้!” จวินเสี่ยวเหยียนยื่นมือส่งเข้าไป
เริ่นเซวียนเอ๋อร์เพิ่งจะดีใจ พอมองเห็นหนอนสีดำในมือจวินเสี่ยวเหยียนเข้า ตกใจจนร่างกายเอนไปด้านหลัง ก้นกระแทกลงไปนั่งบนพื้นโดยตรง
“นี่ นี่คือหนอนพิษกู่ นังหนูน้อยเจ้ากล้าเล่นหนอนพิษกู่เชียวหรือ อยากตายหรือไร รีบทิ้งมันเสีย!” ถึงแม้เริ่นเซวียนเอ๋อร์มีทักษะทางการแพทย์ยอดเยี่ยม กลับฝึกหนอนกู่ไม่เป็น สำหรับหนอนพิษกู่นั้นเลี่ยงแทบไม่ทัน
“สนุก พี่สาวเล่น!” จวินเสี่ยวเหยียนขยับเข้าใกล้นางอีกครั้ง
เริ่นเซวียนเอ๋อร์รู้สึกเพียงว่าหนังศีรษะเหน็บชา “ไม่ต้องแล้ว เจ้าเล่นผู้เดียวเถิด พี่สาวไม่เล่น” พูดจบ ลุกขึ้นมาได้จึงวิ่งไป “หยุนถิง ตอนค่ำเจอกันที่งานเลี้ยงต้อนรับ!”
หยุนถิงหัวเราะนางเข้าแล้ว จากนั้นจึงให้ยายขุยพาเสี่ยวเหยียนออกไป
พระราชวัง งานเลี้ยง
จวินหย่วนโยวกับหยุนถิงพาเด็กทั้งสองคนเข้ามา เดิมทีอยากให้พวกเขาอยู่ที่ตำหนักรับรอง แต่กลัวผิงหนานอ๋องหรือว่าคนอื่นทนไม่ไหวลงมือต่อเด็กๆ ดังนั้นจึงพาเข้ามาแล้ว
พอเข้าวังมา จวินเสี่ยวเทียนกับจวินเสี่ยวเหยียนดีใจแทบไม่ไหว เด็กทั้งสองมองซ้ายมองขวา ดูอยากรู้อยากเห็นมาก
ฮ่องเต้แคว้นเทียนจิ่วและคนกลุ่มหนึ่งมาพร้อมกันเรียบร้อย พอเห็นจวินหย่วนโยวกับหยุนถิงอุ้มเด็กเข้ามา ทุกคนยังแปลกใจอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนหน้านี้หยุนถิงหายตัวไปสองปี แล้วจวินซื่อจื่อไปตามหาเจอกะทันหัน อุ้มเด็กไว้ ข่าวนี้ช่างใหญ่โตเหลือเกิน
“จวินซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟย เด็กนี้คือ?” ฮ่องเต้แคว้นเทียนจิ่วก็ทำหน้าตกใจ ถามออกไปโดยจิตสำนึก
“นี่คือลูกชายลูกสาวของกระหม่อมกับถิงเอ๋อร์!” จวินหย่วนโยวตอบด้วยเสียงเย็นเยือก
“เช่นนั้นก็ยินดีกับจวินซื่อจื่อด้วย เพียบพร้อมด้วยลูกชายลูกสาวเป็นเรื่องที่ดีเสียจริง” ฮ่องเต้ตรัส ในใจกลับแอบทอดถอนใจว่าจวินซื่อจื่อปิดบังแน่นหนาเสียเหลือเกิน ตอนนั้นหยุนถิงตั้งครรภ์หลบสายตาของแคว้นเทียนจิ่วที่แคว้นต้าเยียนไปได้
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!”
“ซื่อจื่อกับซื่อจื่อเฟยเชิญนั่งลงเถิด วันนี้ฝ่าบาทตั้งใจจัดงานต้อนรับให้ทั้งสองเป็นพิเศษ ผู้ที่มาล้วนเป็นคนกันเอง ทั้งสองก็ตามสบาย!” หลงเฟยเอ่ยปากบอก
หยุนถิงชำเลืองมองนางแวบหนึ่ง สวมชุดในวังสีม่วงแดง ท่าทางสง่าผ่าเผย รูปโฉมงดงามและใจกว้าง ดูสุภาพและเที่ยงตรง พอมองก็รู้ว่าเป็นคนที่คบหาได้ง่าย
ด้านข้างนางยังมีพระสนมสองสามคนยืนอยู่ ส่วนที่นั่งตรงข้ามคือเริ่นเซวียนเอ๋อร์ องค์หญิงหลันรั่ว ยังมีชายวัยกลางคนที่อายุประมาณสี่สิบปีคนหนึ่ง น่าจะเป็นผิงหนานอ๋องผู้นั้น
“ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ” หยุนถิงกล่าว
“ซื่อจื่อเฟยไม่ต้องเกรงใจ”
หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวนั่งลง ทั้งสองคนอุ้มเด็กและดูแลไปคนละคน
“ท่านพ่อ กิน!” จวินเสี่ยวเทียนชี้ไปทางองุ่นบนโต๊ะแล้วพูดขึ้น
“ได้!” จวินหย่วนโยวหยิบองุ่นนั้นมาด้วยตนเอง แล้วปอกเปลือกป้อนให้เสี่ยวเทียน
จวินเสี่ยวเหยียนไม่ได้กิน สังเกตรอบด้านด้วยความอยากรู้อยากเห็น
นักดนตรีเข้ามาดีดพิณ นางระบำสิบกว่าคนแสดงเพิ่มความสนุกสนาน จวินหย่วนโยวกลับไม่มีจิตใจใดๆ ไปชื่นชม เพียงดูแลลูกชายเท่านั้น
“จวินซื่อจื่อรักใคร่เอ็นดูเด็กน้อยถึงเพียงนี้ แน่ใจจริงหรือว่าเขาคือลูกชายของซื่อจื่อ ข้าได้ยินมาว่าซื่อจื่อเฟยหายตัวไปสองปี เด็กนี่ใช่ลูกของซื่อจื่อแน่หรือไม่ คงต้องตรวจสอบให้กระจ่าง!” เสียงเหน็บแนมอย่างเจ็บปวดเสียงหนึ่งลอยมา
สีหน้าหยุนถิงเย็นเฉียบ ยักคิ้วแล้วมองเข้าไป
ผู้หญิงตรงข้ามที่สวมชุดหรูหรา ผมยาวสลวย หน้าตามีเสน่ห์ บนใบหน้าเพิ่มการเสียดสีมาระดับหนึ่ง สายตาดูไม่เป็นมิตรมาก
“จิ่วหัวเจ้าอย่าพูดเหลวไหล!” เริ่นเซวียนเอ๋อร์รีบห้ามปรามนาง
ก่อนหน้านี้ยัยคนนี้หลงรักจวินซื่อจื่อ ไปสู่ขอที่แคว้นต้าเยียนด้วยตนเองอย่างไม่คำนึงถึงสิ่งใด ปรากฏว่าถูกจวินหย่วนโยวปฏิเสธ นางต้องแค้นใจจวินหย่วนโยวเป็นแน่ถึงพูดจาก้าวร้าวในเวลานี้
จวินหย่วนโยวเป็นคนที่นางครอบครองได้ที่ไหน ยัยคนนี้รนหาที่ตายโดยแท้
ยังไม่รอให้หยุนถิงลงมือตามคาด องุ่นลูกหนึ่งที่เดิมทีอยู่ในมือจวินหย่วนโยวก็ยิงเข้ามาอย่างแรง ตามมาด้วยกระแสอันตรายยิ่งใหญ่ที่แหวกอากาศอย่างรวดเร็วโจมตีตรงไปทางองค์หญิงจิ่วหัว
“อ่า!” องค์หญิงจิ่วหัวกรีดร้องทีหนึ่ง ชั่วพริบตาเดียวปากบวมเป่ง บ้วนเลือดออกมาตาม ยังมาพร้อมฟันหน้าสองซี่ เจ็บจนนางร้องโหยหวน
ทุกคนมองอย่างตกใจ ล้วนถูกเหตุการณ์ฉากนี้ทำตกใจยกใหญ่
“จวินหย่วนโยวเจ้ากล้าลอบทำร้ายข้า เสด็จพ่อช่วยตัดสินแทนลูกด้วยเพคะ!” องค์หญิงจิ่วหัวร้องไห้กล่าวฟ้อง
เพราะฟันหน้าหายไปสองซี่ นางพูดพลางน้ำลายกระเด็นออกจากปาก ฟันโดนทำหักไปแล้ว เลือดสดจึงพ่นออกมาจากปาก ไม่ต้องพูดถึงว่าน่าเวทนาเพียงใด
ทุกคนตกใจกันหมด ไม่กล้าหายใจแรง ผู้ใดก็ไม่กล้าพูดมาก
ฮ่องเต้แคว้นเทียนจิ่วนึกไม่ถึงจะเป็นเช่นนี้ สีหน้าเคร่งขรึม ไม่รู้ควรจัดการอย่างไร
“ลูกชายลูกสาวของข้า เป็นหยุนถิงให้กำเนิดเพื่อข้า หากผู้ใดกล้าสงสัยสถานะของพวกเขา ก็เท่ากับว่าเป็นศัตรูกับข้า ต่อให้เจ้าเป็นองค์หญิงก็ไร้ประโยชน์
กล้าเหยียดหยามภรรยาของข้า ข้าจะไม่ปล่อยไว้เป็นอันขาด! วันนี้ฟันหน้าสองซี่คือบทเรียน ถ้ามีครั้งต่อไปอีก ถึงแม้เป็นฝ่าบาทมาขอร้องแทนเจ้า ข้าก็ไม่ปล่อยไปแน่!” เสียงของจวินหย่วนโยวเย็นเฉียบ ประหนึ่งเสียงจากนรก คนฟังตัวสั่นเทา
หยุนถิงรู้สึกประทับใจที่สุด เห็นซื่อจื่อปกป้องตนเองและลูกทั้งสองคนปานนี้ นางจึงนั่งลงดื่มกินอย่างสงบ