จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 648 ช่วยขอโทษนางด้วย
องค์หญิงจิ่วหัวหวาดผวาต่อลักษณะพลังยิ่งใหญ่ของจวินหย่วนโยว ตกใจจนสีหน้าซีดเซียวทันที จวินซื่อจื่อที่น่ากลัวปานนี้นางยังเคยเห็นเป็นครั้งแรก ราวกับว่าถ้านางพูดมากกว่านี้สักคำ จวินซื่อจื่อสามารถบิดศีรษะของนางลงมาได้
“จิ่วหัวเหตุใดเจ้าถึงไม่รู้ภาษาเยี่ยงนี้ เด็กสองคนนี้เป็นลูกของจวินซื่อจื่อแน่นอน เจ้าดูพวกเขาเหมือนซื่อจื่อกับซื่อจื่อเฟยมาก หนำซ้ำก่อนที่ซื่อจื่อเฟยจะหายตัวไปก็ตั้งครรภ์อยู่หลายเดือนแล้ว เพียงแค่ไม่ได้ประกาศออกมาเท่านั้น
ฉะนั้นทุกคนถึงไม่รู้ ความจริงนี่คือซื่อจื่อเพื่อปกป้องซื่อจื่อเฟยไว้ จวินซื่อจื่ออภัยให้ด้วย น้องสาวข้าคนนี้พูดจาไม่รู้จักคิด เจ้าอย่าได้ถือสาหาความกับนาง ข้าจะพานางออกไปเดี๋ยวนี้” เริ่นเซวียนเอ๋อร์กำลังพูด ลุกขึ้นแล้วลากองค์หญิงจิ่วหัวจะเดินออกไป
ถึงแม้องค์หญิงจิ่วหัวจะก้าวร้าวและชอบใช้อำนาจ แต่ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนาง ถ้าให้จวินซื่อจื่อฆ่าจิ่วหัวทิ้งแล้ว กลัวว่าเสด็จพ่อคงไม่ยอมเลิกราง่ายๆ เป็นเช่นนี้มิใช่ว่ามีเหตุผลให้ท่านอาผิงหนานอ๋องจัดการพวกเขาแล้วหรือ ดังนั้นเริ่นเซวียนเอ๋อร์จึงเอ่ยปาก
องค์หญิงจิ่วหัวทำหน้าหงุดหงิดเจ็บใจ นางไม่พอใจแล้วต้องออกไปเยี่ยงนี้
“ไม่อยากตาย เจ้าก็รีบออกไป ถ้าจวินซื่อจื่อเปลี่ยนความคิด ต่อให้เสด็จพ่อก็ช่วยเจ้าไว้ไม่ได้! ถ้าเจ้าไม่รีบไปรักษาฟันหน้านี้ให้เร็ว ผู้ใดจะยินยอมแต่งงานกับองค์หญิงที่ไม่มีฟันหน้าเล่า!” เริ่นเซวียนเอ๋อร์พูดกดเสียงเบาๆ
จิ่วหัวถลึงตาใส่อย่างโมโห หมุนตัวเดินไปอย่างโมโหแล้ว
เริ่นเซวียนเอ๋อร์ก็ตามออกไปเช่นกัน หาคนมาดูจิ่วหัวโดยเฉพาะ ห้ามนางสร้างเรื่องวุ่นวายอีก
ตำหนักที่กว้างใหญ่ ชั่วขณะนั้นเงียบสงบลงมา
“ท่านพ่อ นั่ง!” จวินเสี่ยวเทียนยื่นมือดึงมือของจวินหย่วนโยว
จวินหย่วนโยวหมุนตัวมองทางลูกชาย รีบเก็บลักษณะชั่วร้ายรอบตัวลงทันที บนใบหน้ามีความอ่อนโยนและรักทะนุถนอมเพิ่มมาระดับหนึ่ง “ได้ เสี่ยวเทียนเก่งจริงเชียว”
“ท่านพ่อ กิน หิวแล้ว!” จวินเสี่ยวเทียนชี้ไปยังอาหารอันโอชะในจาน
“ได้ พ่อตักให้เจ้า!” จวินหย่วนโยวตักกับข้าวมาให้ลูกชายด้วยตนเอง ดูแลลูกให้กินข้าวอย่างอดทน เหมือนเป็นคนละคนกับเขาที่เย็นชาและโหดร้ายเมื่อสักครู่
ผ่านสถานการณ์เมื่อสักครู่มา ผู้ใดก็ไม่กล้ากำเริบเสิบสานต่อหน้าจวินหย่วนโยว แม้แต่หน้าของฝ่าบาทเขายังไม่เว้น นับประสาอะไรกับคนอื่น
ทุกคนดื่มกินกันอย่างสงบ ตกใจจนไม่กล้าแม้แต่เงยหน้า
“ขอถามจวินซื่อจื่อเสียหน่อย แคว้นต้าเยียนจะจับองค์หญิงใหญ่ของแคว้นข้าถึงเมื่อไรกันแน่?” ผิงหนานอ๋องเอ่ยปากกะทันหัน
ชั่วขณะหนึ่งสีหน้าจวินหย่วนโยวเย็นเยือกดุจน้ำค้างแข็ง “เรื่องเช่นนี้ท่านน่าจะไปถามฮ่องเต้ของแคว้นต้าเยียน ข้าไม่สนใจเรื่องของราชสำนัก เหตุใดจักรู้การตัดสินใจของฝ่าบาทแคว้นข้าเล่า!”
ผิงหนานอ๋องไม่โกรธสักนิด สีหน้าสงบเรียบเฉย “จวินซื่อจื่อพูดก็ถูก เป็นข้าล่วงเกินแล้ว ข้าดื่มให้จวินซื่อจื่อแก้วหนึ่ง!” พูดอยู่ จึงเงยหน้าดื่มเหล้าหมดแก้วหนึ่ง
จวินหย่วนโยวไม่เงยหน้ามองสักนิด “ข้าต้องดูแลลูก ไม่อาจดื่มเหล้าได้!”
คำพูดที่เย็นชา ปฏิเสธไปโดยตรง ทำให้สีหน้าของผิงหนานอ๋องดูแย่พอสมควร
ผิงหนานอ๋องนึกไม่ถึงว่า จวินหย่วนโยวไม่ไว้หน้าตนเองเพียงนี้ มือที่อยู่ในแขนเสื้อกุมหมัดไว้แน่น บนหน้ากลับเรียบเฉยสบายใจ “ลูกสำคัญ จวินหย่วนโยวต้องดูแลให้ดี”
เพียงคำพูดที่เบาๆ หยุนถิงกลับฟังความผิดปกติของเขาออกแล้ว
สิ่งที่หยุนถิงไม่ชอบที่สุดคือผู้อื่นพูดจาวกวนอย่างแปลกประหลาด จึงเอ่ยปากไปตรงๆ “งานเลี้ยงในวันนี้เหตุใดถึงไม่เห็นเซียจิ่วเซียวเล่า เท่าที่ข้ารู้เขาเป็นคนรักสนุกที่สุดมิใช่หรือ”
พูดแบบนี้ออกมา สีหน้าของผิงหนานอ๋องดูแย่ระดับหนึ่งทันใด มือที่กุมแก้วเหล้าไว้ออกแรงอย่างคุมไม่อยู่
ถ้าไม่ใช่เพราะจวินหย่วนโยวกับหยุนถิง ลูกชายของเขาจะกลายเป็นคนพิการได้อย่างไร ตอนนี้รักษาตัวมาสองปีกว่าถึงพอจะเหมือนกับคนทั่วไป
ผิงหนานอ๋องสาบานอยู่ในใจว่า ความแค้นนี้เขาจะต้องเอาคืนเป็นพันเท่าหมื่นเท่า
เพียงแค่เวลานี้อยู่ต่อหน้าผู้คน ผิงหนานอ๋องไม่ได้หงุดหงิดและเคียดแค้น สีหน้าเรียบนิ่งดุจน้ำ “จิ่วเซียวสุขภาพไม่ดี กำลังพักรักษาอยู่ที่จวน ไม่เหมาะจะออกมา”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง” หยุนถิงพึมพำนิ่งๆ
“ท่านแม่ เล่น!” จวินเสี่ยวเหยียนพูดจบ ลุกขึ้นก้าวขาสั้นๆ แล้วไปด้านหลัง
หยุนถิงรู้ว่าเสี่ยวเหยียนเป็นคนนั่งไม่นิ่งที่สุด นั่งสงบมานานเยี่ยงนี้ได้ถือว่าเห็นได้ยากมาก เวลานี้อยากจะลุกขึ้นมาเล่น ย่อมเป็นปกติเสียจริง
“ฝ่าบาทโปรดอย่าทรงถือสาเพคะ เด็กน้อยอยู่ไม่สุข!” หยุนถิงเอ่ยปาก
“ไม่เป็นไร นังหนูน้อยนี้หน้าตาคล้ายคลึงเจ้ามากนัก น่ารักเสียจริง อายุพอกันกับองค์ชายแปดของข้า พระราชวังใหญ่ปานนี้ ให้นางเล่นตามชอบใจเถิด” ฮ่องเต้พูดอย่างยินดี
“ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ!” หยุนถิงไปอยู่ด้วยกันกับเสี่ยวเหยียน
เริ่มแรกเสี่ยวเหยียนยังเพียงแค่เล่นอยู่ด้านหลังที่นั่งหยุนถิง แต่เล่นไปพักหนึ่งรู้สึกว่าไม่สนุก จึงไปเล่นด้านข้าง เดินพลางวิ่ง ดูเบิกบานและอยากรู้อยากเห็นมาก หยุนถิงจึงตามติดอยู่ด้านหลัง
จวินเสี่ยวเหยียนวิ่งไปวิ่งมาระหว่างผู้คน สุดท้ายวิ่งมาถึงด้านข้างของลั่วผิน ลั่วผินกำลังจะดื่มน้ำแกงโสม ปรากฏว่าจวินเสี่ยวเหยียนไม่ได้ตั้งใจชนโดนแขนของนาง น้ำแกงโสมถ้วยนั้นพลิกคว่ำไปต่อหน้า ทั้งหมดหกลงบนชุดของลั่วผิน ยังมีส่วนมากที่หกลงบนพื้น
“อ่า! ลวกข้าจะแย่แล้ว เจ้าเด็กนี่เหตุใดไร้มารยาทเช่นนี้!” ลั่วผินรีบพูดอย่างโมโห
นางเพิ่งพูดจบก็สังเกตเห็นดวงตาแหลมคมเย็นเฉียบทั้งสองกวาดมองมา ลั่วผินมองทางสายตาที่ดุร้ายไม่พอใจนั้นของจวินหย่วนโยวกับหยุนถิง ตกใจยกใหญ่ทันที
“เมื่อครู่ข้าเพียงแค่พูดด้วยอารมณ์ ไม่ได้จงใจจะดุนาง เป็นเพราะข้าโดนลวกเข้าแล้ว ยังพูดไม่ได้สักคำหรือ” ลั่วผินพูดถึงประโยคสุดท้าย เสียงเงียบลงเรื่อยๆ
จวินเสี่ยวเหยียนรีบวิ่งมาทางหยุนถิง “ท่านแม่ กลัว!”
“เสี่ยวเหยียนไม่ต้องกลัว แม่อยู่นี่ แม่รู้ว่าเจ้าไม่ได้ตั้งใจ” หยุนถิงปลอบลูกอยู่ จากนั้นมองทางลั่วผิน “เด็กน้อยไม่รู้ภาษา ขอให้ท่านอย่าได้ถือสา แต่เมื่อครู่ท่านตวาดนาง ทำลูกสาวข้าตกใจแล้ว ช่วยขอโทษนางด้วย”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นเสี่ยวเหยียนที่ไปชนนางเข้าแล้ว มารยาทที่สมควรมียังต้องมีอยู่
ลั่วผินหน้าดูแย่ แต่นึกถึงฟันหน้าขององค์หญิงจิ่วหัวยังพูดออกไปอย่างไม่ยินยอม “ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ”
หนอนพิษกู่ในแขนเสื้อของจวินเสี่ยวเหยียนคลานออกมาทันใด คลานไปทางน้ำแกงโสมที่หกบนพื้นพวกนั้นอย่างรวดเร็วยิ่งนัก
“อ่า หนอนมาจากที่ใดกัน?” ลั่วผินตกใจจนรีบถอยหลังไปหลายก้าว เกือบจะหกล้ม โชคดีที่สาวใช้ข้างกายประคองนางไว้ทัน “เหนียงเหนียง ท่านเป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ?”
คนอื่นๆ ต่างมองเข้ามา เห็นเพียงหนอนสีดำนั้นคลานมาถึงน้ำแกงโสมตรงนั้นก็ไม่ขยับแล้ว เหมือนกำลังกินน้ำแกง แต่ว่าพริบตาเดียวหนอนพิษกู่นั้นก็บิดตัวขยับ ลักษณะเหมือนเจ็บปวดมาก สุดท้ายไม่ขยับเขยื้อนอีก
“นี่ นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” องค์หญิงหลันรั่วที่ไม่พูดจามาตลอดส่งเสียงตกใจ
สีหน้าหยุนถิงเคร่งขรึม กวาดดวงตามองทางน้ำแกงโสมที่หกพวกนั้นแล้ว สายตามืดครึ้มล้ำลึก
เริ่นเซวียนเอ๋อร์ที่รีบกลับมาเห็นเหตุการณ์ฉากนี้เข้า ก็ตกใจยิ่งนัก “เกิดอะไรขึ้น?”
“มีคนวางยาพิษในนี้ อยากจะใช้พิษทำร้ายเหนียงเหนียงท่านนี้ เป็นเสี่ยวเหยียนบังเอิญชนน้ำแกงโสมหกลงแล้ว ช่วยเหนียงเหนียงท่านนี้เอาไว้ได้!” หยุนถิงอธิบาย
ลั่วผินตกใจจนสั่นเทา สีหน้าซีดเผือด “เป็นผู้ใดวางยาทำร้ายข้า?”
“ข้าจะรู้ได้เช่นไรว่าน้ำแกงโสมมีพิษ?” องค์หญิงหลันรั่วรีบดึงปิ่นบนผมลงมาจุ่มที่น้ำแกงโสม แต่ปิ่นไม่ได้เปลี่ยนสี
“พิษบางอย่างไร้สีไร้กลิ่น เครื่องเงินทั่วไปเดิมทีตรวจไม่ได้ ในเมื่อคนที่วางยาพิษกล้าลงมือในงานเลี้ยง เห็นได้ว่ามีความมั่นใจต่อพิษของตนเองมาก” หยุนถิงพูดอย่างเรียบๆ