จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 652 โชคดีที่ตอนนั้นข้าเจอท่านแล้ว
เด็กหญิงที่ด้านข้างเดินเข้ามาแล้วถือน้ำตาลปั้นยื่นมาให้แล้ว “น้ำตาลปั้นที่ท่านแม่ข้าทำอร่อยที่สุด และหวานที่สุดในย่านนี้ ให้ท่านลองชิม”
จวินเสี่ยวเหยียนเห็นรูปร่างหมูน้อยอันนั้น ชอบอย่างมาก รีบยื่นมือไปหยิบ
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ น้ำตาลปั้นพวกนี้ข้าซื้อไว้ทั้งหมด” หยุนถิงเอ่ยปาก
ซูหลินรีบยื่นเงินเข้าเข้ามาให้ทันที “ไม่ต้องทอนแล้ว!”
พอหญิงผู้นั้นเห็นเข้า ซาบซึ้งใจยิ่งนัก รีบคำนับศีรษะให้หยุนถิงทันใด “ขอบพระคุณเจ้าค่ะแม่หญิง ขอบพระคุณเจ้าค่ะ”
“ไม่ต้องเกรงใจ!” หยุนถิงอุ้มลูกไว้แล้วเดินไป
หลงซื่อเข้ามาแบกมัดฟางที่เสียบน้ำตาลปั้นขึ้นโดยตรง ออกไปตามด้านหลัง
จวินเสี่ยวเทียนก็ชอบมากเช่นกัน ดึงน้ำตาลปั้นรูปลูกวัวอันหนึ่งแล้วกินขึ้นมา
ตอนที่กำลังจะไป ซูหลินยังมองหญิงผู้นั้นแวบหนึ่ง ในใจดูไม่สบายเอามากๆ
“คุณหนูใหญ่เจ้าคะ โชคดีที่ตอนนั้นข้าพบเจอท่านแล้ว!” ซูหลินพูดทอดถอนใจ
ตอนนั้นสามีของนางก็ทำกับนางและลูกเยี่ยงนี้เช่นกัน แต่ว่านางโชคดีกว่าหญิงผู้นั้น ตัดสินใจเลือกอย่างถูกต้องแล้ว ติดตามคุณหนูใหญ่มา ถึงมีตนเองในวันนี้ได้
หยุนถิงหันหน้ามองทางนาง “เจ้าสามารถมีวันนี้ได้ล้วนเป็นความพยายามทุ่มเทของตัวเจ้าเอง ข้าเพียงแค่มอบโอกาสหนึ่งให้เจ้าเท่านั้น ทางเลือกของแต่ละคนต่างกัน ย่อมมีชะตาชีวิตต่างกันเป็นธรรมดา ตั้งใจดูแลลูกให้ดีก็พอแล้ว!”
ซูหลินออกแรงพยักหน้า “เจ้าค่ะ ข้าเข้าใจแล้ว”
บริเวณไม่ไกลนัก ภาพคนผู้หนึ่งมองเด็กทั้งสองที่กำลังกินน้ำตาลปั้นอันหอมหวานอยู่ ในแววตาลึกเผยความชั่วร้ายออกมา
ส่วนหญิงผู้นั้นและเด็กหญิงบนพื้นเห็นหยุนถิงและคนอื่นไปกันไกล แล้วหายตัวไปจากในฝูงชน จึงลุกขึ้นมาจากบนพื้น ถือเงินไว้แล้วหมุนตัวไปตรงมุมด้านข้าง
“คุณชายเจ้าคะ เรื่องที่ท่านให้พวกข้าทำพวกข้าไปทำตามแล้วเจ้าค่ะ” หญิงผู้นั้นเอ่ยปากบอก
มู่เซียวเซียวที่แต่งตัวเป็นชายดูพึงพอใจมาก ล้วงเงินถุงหนึ่งยื่นให้พวกนาง “ทำได้ไม่เลว!”
หญิงผู้นั้นรับเงินมา ปลื้มใจยิ่งนัก จึงลากลูกเดินไป ไม่ได้ไปสนใจชายที่โดนจวินหย่วนโยวถีบสลบไปก่อนหน้านี้ด้วย
เดิมทีพวกเขาเพียงแค่มาร่วมมือกันชั่วคราว ได้เงินแล้วย่อมแยกย้ายไปก่อน
มู่เซียวเซียวรู้จักนิสัยของหยุนถิงเป็นอย่างดีเหลือเกิน ถ้าขายน้ำตาลปั้นไปให้โดยตรงต้องทำให้หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวสงสัยขึ้นแน่ ฉะนั้นนางถึงจงใจหาคนมาแสดงละครเยี่ยงนี้ออกมา
หยุนถิงไม่ใช่ชอบออกหน้าช่วยเหลือคนที่โดนรังแกมากที่สุดหรือ เช่นนั้นนางจึงสร้างโอกาสให้หยุนถิง
เห็นบรรลุเป้าหมายเรียบร้อย มู่เซียวเซียวหมุนตัวออกไป เวลานี้นางรอคอยเพียงข่าวดีแล้ว
……………………………………
แคว้นต้าเยียน
หยุนซูได้ข่าวว่าพี่สาวยังมีชีวิตอยู่ ตื่นเต้นอย่างยิ่ง ทั้งจวนตระกูลหยุนประดับโคมไฟ ตั้งใจฉลองสักรอบ
หยุนซูให้ผู้จัดการร้านของร้านเนื้อย่างลดราคาให้ทุกคนด้วย ก็เพื่อฉลองที่พี่สาวปลอดภัยดี
เวลานี้ หยุนซูเพิ่งมาถึงร้านเนื้อย่างด้านหลังทำงานยุ่งมาก ผู้จัดการร้านก็เดินเข้ามา “คุณหนูสามขอรับ คุณชายจ้าวให้คนส่งข้าวของมาไม่น้อย คราวนี้เขาก็มาด้วยตัวเองแล้วขอรับ บอกอยากพบท่าน”
หยุนซูขมวดคิ้ว จ้าวเฉินเยวียนคนนี้เป็นอะไรกันแน่ ในสองปีนี้เขียนจดหมายมาให้นางเรื่อยๆ และส่งของที่มีเอกลักษณ์ส่วนหนึ่งมาอีก ทำเอาหยุนซูไม่รู้ควรทำเช่นไรดี
เดิมทีนางกับจ้าวเฉินเยวียนก็ไม่สนิทกัน และเพียงแค่ก่อนหน้านี้เคยกินข้าวด้วยกันกับองค์หญิงหนานชวน เจอกันไม่กี่ครั้ง และไม่มีมิตรภาพอะไรด้วย
“มาแล้วก็ดี ข้าอยากพูดกับเขาให้รู้เรื่องพอดี!” หยุนซูลุกขึ้นเดินออกไป
จ้าวเฉินเยวียนพอเห็นหยุนซู ดีใจอย่างยิ่ง “คุณหนูสามให้เกียรติมาเจอแล้ว คราวนี้ข้าเข้าเมืองหลวงมาทำธุระ ผ่านที่นี่พอดีจึงเข้ามาเยี่ยมเสียหน่อย เจ้าสบายดีหรือไม่?”
“ข้าสบายดี ขอบคุณความเป็นห่วงของคุณชายจ้าวมาก เชิญด้านบนเถิด” หยุนซูกล่าว
ในใจจ้าวเฉินเยวียนเผยความดีใจขึ้นมา คุณหนูสามจะต้องรู้สึกประทับใจต่อตนเองแล้ว กับตนเองก็คงอยากจะ——
ปรากฏว่าเพิ่งเข้ามาในห้อง จ้าวเฉินเยวียนก็ตะลึงค้างแล้ว เพราะด้านในวางของขวัญที่ก่อนหน้านี้เขาส่งให้หยุนซูเอาไว้ หนำซ้ำล้วนไม่ได้แกะห่อทั้งสิ้น
“คุณชายจ้าวข้าขอบคุณสำหรับความชื่นชอบของท่าน สองปีนี้ท่านส่งของให้ข้ามากมาย ยังมีจดหมายอีก วันนี้ได้เจอคุณชาย จึงอยากพูดกับท่านให้กระจ่างพอดี
ข้าวของพวกนั้นกับจดหมายข้าวางไว้ตรงนี้ทั้งหมด ขอให้คุณชายนำกลับไปด้วย ต่อไปก็ไม่ต้องส่งของให้ข้าและเขียนจดหมายให้ข้าอีก ของพวกนี้ข้าไม่ต้องการ!” เสียงของหยุนซูเย็นเยือกและเฉยชา มาพร้อมความห่างเหินระดับหนึ่ง
จ้าวเฉินเยวียนขมวดคิ้วจนเกิดร่องระหว่างคิ้ว สีหน้าดูแย่มาก นึกไม่ถึงว่าหยุนซูจะปฏิเสธความรู้สึกของตนเองต่อหน้า
ตั้งแต่เด็กก็มีผู้หญิงนับไม่ถ้วนตามอยู่ด้านหลังเขา ชอบเขา นี่ยังเป็นครั้งแรกที่มีผู้หญิงปฏิเสธเขา
นี่ทำให้จ้าวเฉินเยวียนหงุดหงิดและเคียดแค้น มือในแขนเสื้อกุมเป็นหมัดแน่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่นี่เป็นร้านเนื้อย่าง เป็นเมืองหลวงแห่งแคว้นต้าเยียน จ้าวเฉินเยวียนสูดหายใจลึกๆ สองสามที ให้ตนเองสงบใจลงมา
“เหตุใดคุณหนูสามถึงทำเช่นนี้ ความรู้สึกที่ข้ามีต่อคุณหนูสามหรือว่าคุณหนูสามยังไม่เข้าใจหรือไร ตั้งแต่คราวก่อนที่กินข้าวกับคุณหนูสาม ข้าหลงรักเจ้าตั้งแต่แรกพบ สาบานว่าชาตินี้จะแต่งกับเจ้าเพียงผู้เดียว!” จ้าวเฉินเยวียนพูดอย่างลึกซึ้งยิ่งนัก
ถ้าเป็นผู้หญิงทั่วไปต้องหลงเสน่ห์เป็นแน่ แต่หยุนซูอยู่ในท่ามกลางการแก่งแย่งของเรือนด้านหลังในตระกูลหยุนตั้งแต่เด็ก อดกลั้นมาหลายปี คุ้นชินความสัมพันธ์จอมปลอม และการประจบเอาใจมานานแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังเรียนรู้กับพี่สาวมานานปานนั้น ย่อมเดาเป้าหมายของจ้าวเฉินเยวียนออกเป็นธรรมดา
“ถ้าคุณชายจ้าวอยากจะมาสานสัมพันธ์ที่จวนตระกูลหยุนหรือจวนซื่อจื่อผ่านทางข้า เช่นนั้นคงเป็นไปมิได้ ข้าเป็นเพียงลูกสาวอนุภรรยาคนหนึ่งของตระกูลหยุน กลัวว่าทำให้ท่านเสียแรงเปล่าแล้ว
ข้าไม่เชื่อเรื่องรักแรกพบ ฉะนั้นยังขอคุณชายจ้าวหยุดเพียงเท่านี้ ข้าวของและจดหมายอยู่ตรงนั้น ถ้าคุณชายจ้าวไม่นำไปด้วยตนเอง เช่นนั้นข้าได้เพียงส่งคนนำกลับไปให้ท่านแล้ว!” หยุนซูพูดอย่างแหลมคมและตรงไปตรงมา
นางไม่เชื่อรักแรกพบที่จ้าวเฉินเยวียนบอกมา คนผู้หนึ่งเมื่อไม่บรรลุเป้าหมายแล้วสามารถยืนหยัดได้ถึงสองปี นี่เป็นความคิดที่น่ากลัวเพียงใดเล่า ดังนั้นหยุนซูรีบตัดไฟตั้งแต่ต้นลมพูดให้กระจ่างไป
จ้าวเฉินเยวียนสีหน้าดูแย่มาก และซีดเซียวระดับหนึ่ง “ที่แท้ในสายตาคุณหนูสาม ข้าเป็นคนเยี่ยงนี้”
“คุณชายเป็นเยี่ยงนี้หรือไม่ มีเพียงท่านเองที่รู้ดีสุด ข้าคบมิตรเพียงมองความจริงใจ ส่วนคุณชายไม่ใช่เช่นนั้นพอดี ต่อไปคุณชายไม่ต้องมาหาข้าอีก ถ้าเพียงแค่มากินข้าว ร้านเนื้อย่างยังยินดีต้อนรับ!” หยุนซูทิ้งเอาไว้ประโยคหนึ่ง ออกไปโดยตรง
เมื่อความเห็นไม่ตรงกัน ก็ไม่มีทางร่วมทางกันได้
จ้าวเฉินเยวียนมองภาพด้านหลังของหยุนซู เย็นชาเด็ดเดี่ยวปานนั้น ทำเขาโกรธใหญ่โต ดวงตาแดงจัด เส้นเลือดบนหน้าผากปูดขึ้นอย่างหนัก
น่ารังเกียจ ลูกสาวอนุภรรยาคนหนึ่งก็กล้าปฏิเสธตนเอง เขาเป็นถึงลูกชายของจ้าวอ๋องผู้น่าเกรงขาม ลูกชายเพียงคนเดียว ผู้คนมากมายมาประจบประแจง มาเยินยอ มาเอาใจ
เวลานี้จ้าวเฉินเยวียนรู้สึกอับอายที่สุด ชายตามองข้าวของพวกนั้นในห้องแวบหนึ่ง อับอายและเคียดแค้น หมุนตัวเดินไป
จ้าวเฉินเยวียนที่กลับมาถึงโรงเตี๊ยม ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด อ๋องน้อยผู้ยิ่งใหญ่เยี่ยงเขาคาดมิถึงโดนลูกสาวของอนุภรรยาคนหนึ่งปฏิเสธ นี่หากแพร่ออกไปไม่ใช่จะถูกผู้คนหัวเราะเยาะจนฟันหักหรือไร
ในเมื่อนางไม่รู้ว่าควรทำตัวเช่นไรปานนี้ เช่นนั้นอย่าโทษว่าตนเองใจร้ายอำมหิตแล้วกัน
“เข้ามาที!” จ้าวเฉินเยวียนพูดเสียงเย็นชา
องครักษ์ประจำตัวเดินเข้ามา “คุณชายขอรับ มีอะไรสั่งการขอรับ?”
“ไปวางเพลิงร้านเนื้อย่าง!” เสียงของจ้าวเฉินเยวียนเย็นเฉียบ น่าสะพรึงกลัวที่สุด ราวกับงูพิษตัวหนึ่ง ฟังจนคนหนังศีรษะเหน็บชา
“ขอรับ!”
ช่วงค่ำมาเยือน ตอนนี้ก็เป็นเวลาหลังเที่ยงคืนแล้ว ผู้คนทั้งเมืองล้วนนอนหลับหมด
เหล่าองครักษ์ของจ้าวเฉินเยวียนวิ่งตรงมาที่ร้านเนื้อย่างของหยุนซู มองโดยรอบแวบหนึ่งไม่มีผู้ใด นำน้ำมันที่เตรียมมาราดหน้าประตูและบนหน้าต่างของร้านเนื้อย่างก่อน จากนั้นล้วงตะบันไฟออกมาแล้วทิ้งเข้าไป