จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 657 ท่านอา ท่านช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ข้าแล้ว
บ้าคลั่งมาทั้งคืน จนกระทั่งฟ้าสว่าง
หยุนถิงเหนื่อยจนหลับไปแล้ว จวินหย่วนโยวเพิ่งยุติ“ศึก”ในค่ำคืนนี้ลง เขายกมุมปากขึ้นอย่างพอใจ ช่วยหยุนถิงแต่งตัวให้เรียบร้อย จากนั้นช่วยคลุมผ้าห่มให้นาง
จวินหย่วนโยวก้มหน้าจูบลงบนหน้าผากหยุนถิงทีหนึ่ง “ถิงเอ๋อร์ พักผ่อนดีๆ!” พูดจบก็ลงจากเตียงนอน ไปที่ห้องด้านข้างแล้ว
เด็กทั้งสองคนนอนหลับอย่างระเกะระกะ ดีที่ผ้าห่มบนตัวถูกห่อไว้เหมือนดักแด้ และไม่ได้หลุดมาข้างนอก
จวินหย่วนโยวปีนขึ้นไป อุ้มเด็กทั้งสองแล้วจัดให้พวกเขานอนดีๆ ตนเองก็ตามลงไปนอนอยู่ตรงกลางของเด็กทั้งสอง จากนั้นถึงหลับตาลงอย่างสุขใจ
ที่นอนอยู่ด้านข้างคือลูกชายลูกสาวคู่หนึ่งของเขา ความรู้สึกแบบนี้อบอุ่น และงดงามมาก
ถิงเอ๋อร์เหนื่อยมาทั้งคืนแล้ว ย่อมปล่อยให้เขาเป็นฝ่ายมาดูแลลูกๆ นอนหลับ ให้นางได้พักผ่อนเต็มอิ่มสักที
………………………….
ทางนี้ หยุนหลีหลับใหลไปหลายวันถึงตื่นขึ้นมา ตอนที่ลืมตาขึ้นมองเห็นทุกอย่างแปลกหน้ารอบด้าน ตกใจยกใหญ่ นางรีบลุกขึ้นโดยเร็ว
กลับเพราะลุกเร็วเกินไป จึงวิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรง เกือบหกล้มลงพื้น
พอเสวี่ยเชียนโฉวที่เดินเข้ามาเห็นเข้า รีบวิ่งเข้ามาหา ประคองนางเอาไว้ “เหตุใดถึงลงมาแล้ว ไม่สบายตรงไหนหรือไม่?”
หยุนหลีเงยหน้าพอเห็นผู้มาเยือน ตกตะลึงอย่างยิ่ง “ท่านอา เหตุใดถึงเป็นท่าน?”
“ข้ามาทางนี้เพราะมีธุระ ผ่านตรงป่าผืนนั้น เห็นเจ้าเข้าพอดี ฉะนั้นจึงช่วยชีวิตเจ้าเอาไว้” เสวี่ยเชียนโฉวอธิบาย
เขาคงไม่อาจบอกได้กระมังว่าตนเองจงใจส่งคนติดตามหยุนหลี พอเห็นนางมีอันตราย จึงรีบเข้ามาหา
เวลานี้หยุนหลีจึงนึกถึงคนตัดฟืนคนนั้นที่วางยาต่อตนเอง แล้วอยากทำมิดีมิร้ายกับตนเอง เหมือนว่าเป็นท่านอาปรากฏตัวช่วยตนเองไว้ช่วงเวลาสำคัญแล้ว
เห็นคนที่คุ้นเคยตรงหน้า ความไม่เป็นธรรมทั้งหมดในใจหยุนหลีล้นทะลักขึ้น กอดเสวี่ยเชียโฉวไว้แล้วร้องไห้เสียงดังออกมา
“ท่านอาขอบพระคุณมากเจ้าค่ะ โชคดีที่ท่านช่วยข้าไว้แล้ว”
ถึงจะก้าวร้าวเพียงใดก็เป็นเพียงหญิงสาวผู้หนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นครั้งแรกที่พบเจอเรื่องราวแบบนี้ด้วย
เสวี่ยเชียนโฉวฟังนางร้องไห้เสียงดัง ปวดใจอยู่บ้าง ยกมือขึ้นแตะๆ ด้านหลังของนาง “ไม่ต้องกลัว ไม่เป็นไร มีข้าอยู่”
ตั้งนาน เสียงร้องไห้ของหยุนหลีถึงเบาลง ออกมาจากอ้อมอกของเสวี่ยเชียนโฉว “เจ้าคนตัดฟืนสารเลวคนนั้นคาดไม่ถึงอยากเอาเปรียบข้า ข้าจะไปแก้แค้นมันตอนนี้เลย!”
เห็นบนหน้าที่เดือดดาลของนางยังมีหยดน้ำตา เสวี่ยเชียนโฉวยื่นมือช่วยเช็ดน้ำตาให้นาง “คนตัดฟืนคนนั้นก็โดนข้าฆ่าทิ้งแล้ว วางใจเถิด เรื่องนี้จะไม่มีคนรู้”
“ท่านฆ่าเขาแล้ว?” หยุนหลีเบิกดวงตาโตมองเข้ามา
เสวี่ยเชียนโฉวกลัวหยุนหลีคิดว่าตนเองโหดเหี้ยม จึงพยักหน้าเบาๆ กำลังคิดว่าจะพูดกับนางเช่นไรดี
“ท่านอาท่านช่างเก่งเสียจริง สำหรับคนระยำพรรค์นั้นควรโดนเช่นนี้!” หยุนหลียกหัวนิ้วมือให้เขา
เสวี่ยเชียนโฉวถึงแอบโล่งอกไปทีหนึ่ง ถือว่ายัยคนนี้แยกแยะถูกผิดเป็น
ท้องของหยุนหลีมีเสียงดังจ๊อกลอยมา นางหัวเราะอย่างเขินอาย เพิ่งอยากพูดว่าหิวแล้ว พอก้มหน้าก็มองเห็นเสื้อผ้าบนตัวตนเองเปลี่ยนไป ชั่วขณะหนึ่งทั้งตัวดูไม่ดีแล้ว
“ท่านอา ท่านช่วยข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว?”
เสวี่ยเชียนโฉวเห็นใบหน้าตึงเครียดของนาง ก็รู้ว่ายัยคนนี้เข้าใจผิดแล้ว “ไม่ใช่ข้า เป็นข้าให้ภรรยาผู้จัดการร้านของโรงเตี๊ยมมาเปลี่ยนให้เจ้า”
หยุนหลีถึงโล่งอกไปทีหนึ่ง “ขอบพระคุณท่านอาเจ้าค่ะ!”
“ไปเถิด ลงไปกินข้าว” เสวี่ยเชียนโฉวกลัวนางเป็นลมไปอีกครั้ง มือข้างหนึ่งจูงมือของหยุนหลีแล้วเดินไปข้างนอก
หยุนหลีก็ไม่ได้คิดมาก ตามเขาลงไป
เสวี่ยเชียนโฉวสั่งอาหารหลากหลายมาให้นางเต็มโต๊ะ หยุนหลีไม่เกรงใจสักนิด กินอาหารมือหนึ่งอย่างเต็มอิ่ม ลักษณะการกินนั้นดุจดังผีหิวโซ
นางรีบเดินทางมาโดยตลอด เดิมทีไม่มีเวลาแวะกินข้าว กินอาหารแห้งมาตลอด ไม่ง่ายที่จะได้กินข้าวสักมื้อยังโดนคนวางยาแล้ว หยุนหลียากลำบากเสียจริง
เสวี่ยเชียนโฉวไม่ได้รังเกียจแม้แต่น้อย ทว่ายกมุมปากขึ้น ยัยคนนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาไม่เคยเสแสร้ง นิสัยที่ตรงไปตรงมานี้เขาชื่นชอบมาก
กินจนอิ่มหนำสำราญ หยุนหลีถึงคิดขึ้นมาได้แล้วถามว่า “ท่านอา ที่นี่คือที่ใดกัน?”
“เมืองหลวงแห่งแคว้นเทียนจิ่ว!”
“แคว้นเทียนจิ่ว เพราะเหตุใดถึงมาที่นี่ ข้าจะไปหาพี่หญิง?” หยุนหลีไม่เข้าใจ
“พี่หญิงเจ้าก็อยู่ที่นี่ ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ตำหนักรับรองของแคว้นเทียนจิ่ว แต่ว่าคนของข้าเข้าไปดูแล้ว โดยรอบตำหนักรับรองมีหลายคนเฝ้าคุ้มครอง ถ้าบุ่มบ่ามเข้าไปข้ากลัวผู้อื่นจ้องเจ้าเอาไว้ ไม่เป็นผลดีต่อเจ้า ฉะนั้นถึงพักที่โรงเตี๊ยมก่อน!” เสวี่ยเชียนโฉวพูดอธิบาย
“เช่นนั้นพี่หญิงข้าพวกเขามีอันตรายหรือ?” หยุนหลีหายใจลำบากแล้ว
“ไม่ พี่หญิงเจ้าสบายดีมาก เมื่อคืนยังไปเผาตำหนักของเซียวเฟยในพระราชวังด้วย!”
“ฮาๆ แบบนี้ถึงเป็นนิสัยของพี่หญิงข้า เซียวเฟยผู้นั้นต้องไม่ใช่คนดีอะไร คงทำเรื่องชั่วแล้ว พี่หญิงข้าจะไม่ลงมือต่อผู้ใดง่ายๆ สามารถทำให้นางลงมือได้ต้องทำเรื่องน่าเกลียดเป็นแน่” หยุนหลีพูดอย่างแน่ใจยิ่งนัก
เสวี่ยเชียนโฉวหัวเราะอย่างจำใจ ยัยคนนี้ยังเชื่อใจหยุนถิงอย่างไม่มีเงื่อนไขเสียจริง ถึงแม้ความจริงก็เป็นเช่นนี้จริงๆ
“ท่านอา ข้าอยากไปเจอพี่หญิงข้า ข้าคิดถึงนาง!” หยุนหลีเอ่ยปาก
“ข้าจะจัดการเอง ช่วงค่ำจะสะดวกหน่อย” เสวี่ยเชียนโฉวตอบ
“ได้!”
ช่วงกลางดึกผ่านไป เสวี่ยเชียนโฉวกับหยุนหลีทั้งสองคนเปลี่ยนเป็นชุดเดินทางสีดำ มุ่งตรงไปตำหนักรับรอง
ระหว่างทาง เสวี่ยเชียนโฉวพาหยุนหลีหลบคนซึ่งแอบจ้องไว้เหล่านั้น ปรากฏว่าตอนที่อยากปีนข้ามกำแพงของตำหนักรับรองถูกองครักษ์เงามังกรขวางไว้
“ผู้ใดกัน คาดมิถึงกล้าบุกมาตำหนักรับรองยามดึก?” หลงซื่อทำเสียงเย็นชา
หยุนหลีรีบดึงผ้าปิดหน้าสีดำบนใบหน้าลงทันที “หลงซื่อข้าเอง ข้ามาหาพี่หญิง พี่หญิงข้าเป็นเช่นไรบ้าง นางสบายดีหรือไม่?”
“คุณหนูหลี ท่านมาได้เช่นไรขอรับ ซื่อจื่อเฟยสบายดีขอรับ ท่านนี้คือ?” หลงซื่อถาม
“เขาคือท่านอา คนกันเอง เป็นเขาที่พาข้ามา” หยุนหลีอธิบาย
เสวี่ยเชียนโฉวถึงเผยใบหน้าออกมา พอหลงซื่อเห็น ยังแปลกใจพอสมควร “เจ้าอุทยานเสวี่ย?”
“ยินดีที่ได้เจอ!”
“คุณหนูหลีเข้าไปกับข้าก่อนเถิดขอรับ ข้าจะพาท่านไปพบซื่อจื่อเฟย แต่ว่าขอเชิญเจ้าอุทยานเสวี่ยรออยู่ที่นี่ ซื่อจื่อของข้าไม่ชอบให้คนนอกรบกวนขอรับ” หลงซื่อพูดด้วยเสียงเย็นชา
เขายังไม่ลืม คราวก่อนก็เป็นเจ้าอุทยานเสวี่ยที่ลักพาตัวคุณหนูหลีไป คุณหนูคนนี้โง่หรือไร คาดไม่ถึงมาด้วยกันกับคนที่ลักพาตัวตนเอง
“เช่นนั้นท่านอาตอนนี้ท่านรออยู่ที่นี่ก่อนนะ ข้าจะไปดูพี่หญิงเสียหน่อย” หยุนหลีพูดจบ กระโดดลงกำแพงแล้วตามหลงซื่อไป
เสวี่ยเชียนโฉวเห็นหยุนหลีไปอย่างไม่หันหน้ามาเยี่ยงนี้ ในใจอึดอัดอยู่บ้าง กลับไม่ได้พูดอะไร
คนอื่นเขานั้นเป็นถึงพี่สาวแท้ๆ เขาเป็นเพียงคนนอกจริงๆ
หลงซื่อนำทางหยุนหลีเดินมาได้สักระยะหนึ่ง รีบเอ่ยปาก “คุณหนูหลีท่านมาด้วยกันกับเจ้าอุทยานเสวี่ยได้เช่นไรขอรับ ท่านลืมไปแล้วหรือว่าคราวก่อนเขาลักพาตัวท่านไป ท่านอย่าได้แยกแยะถูกผิดพลาดไปเชียวนะขอรับ?”
“วางใจเถิด ท่านอาเป็นคนกันเอง เขายังช่วยข้าไว้ด้วยซ้ำ” หยุนหลีโต้กลับ
หลงซื่อเห็นนางฟังไม่เข้าใจ ก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก ดูแล้วเขาต้องตั้งใจพูดเรื่องนี้กับซื่อจื่อเฟยเสียหน่อย
ในห้อง เด็กทั้งสองนอนหลับแล้ว หยุนถิงกำลังสะลึมสะลือ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูลอยมา
จวินหย่วนโยวสีหน้าเย็นเยือก “มีเรื่องอะไร?”
ดึกปานนี้แล้ว ผู้ใดยังมารบกวนอีก
“เรียนซื่อจื่อขอรับ เป็นคุณหนูหลีมาหาซื่อจื่อเฟยขอรับ” หลงซื่อที่อยู่ด้านนอกตอบ
หยุนถิงที่สะลึมสะลือพอได้ยินว่าหยุนหลีมาแล้ว ก็ตื่นขึ้นฉับพลัน ไม่ได้สนใจคลุมเสื้อด้านนอกไว้ ลุกขึ้นกระโดดลงเตียงวิ่งตรงมาหน้าประตู
วินาทีที่ประตูห้องเปิดออกนั้น หยุนหลีมองเห็นพี่สาว ตื่นเต้นจนน้ำตาไหลพราก “พี่หญิงท่านยังมีชีวิตอยู่ช่างดีเหลือเกิน ในที่สุดข้าได้เจอท่านแล้ว”