จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 660 เจ้ามีคนที่ชอบอยู่แล้ว

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 660 เจ้ามีคนที่ชอบอยู่แล้ว

“แต่ว่าพี่หญิง ข้าไม่อยากแต่งงาน เพียงอยากจะอยู่ใกล้ชิดท่านพ่อ พี่หญิงสามยังมีพี่ใหญ่กับคนอื่นๆ ด้วย พวกเราทั้งครอบครัวอยู่กันสบายดีก็พอแล้ว!” หยุนหลีตอบ

“ยัยเด็กโง่ เจ้าแต่งงานแล้วก็อยู่ใกล้ชิดพวกเราได้เหมือนกัน เหมือนข้ากับพี่เขยซื่อจื่อของเจ้า คิดถึงเมื่อไรก็กลับไปเยี่ยมได้” หยุนถิงเอ่ยปาก

“พูดมาก็ถูก ท่านกับพี่เชยซื่อจื่อรักใคร่กันจนทำให้ผู้อื่นอิจฉาเสียจริง”

“เช่นนั้นเจ้ามีคนที่ชอบหรือยัง?” หยุนถิงมองเข้ามา

เสวี่ยเชียนโฉวที่อยู่ด้านข้างหายใจลำบากแล้ว จ้องหยุนหลีตรงๆ อยากจะรู้คำตอบ กลับหวาดกลัวคำตอบที่จะรู้มาอยู่บ้างอย่างน่าประหลาด ช่างขัดแย้งกันจริง

หยุนหลีครุ่นคิดอย่างจริงจัง “องค์ชายสี่หลายใจเกินไป ฟู่อี้เฉินก็เป็นพวกน่ารำคาญ ซวนอ๋องก็เป็นคนเย็นชา โม่ฉีเฟิงยังถือว่าไม่เลวค่อนข้างมั่นคง เพียงแค่ถ้าแต่งงานกับเขา เช่นนั้นโม่หลานก็ไม่กลายเป็นน้องสะใภ้ข้าแล้วหรือ น้องสะใภ้ที่จัดการยากปานนั้นข้าไม่ต้องการ——”

ได้ยินหยุนหลีสาธยายมารอบหนึ่ง สุดท้ายก็ไม่ได้พูดถึงตนเอง ในแววตาลึกของเสวี่ยเชียนโฉวเผยความสูญเสียนิดๆ

“ใช่แล้ว ยังมีท่านอา ข้าชอบคนเยี่ยงท่านอานี้ เขามั่นคงมีความคิด มีความรู้สึกปลอดภัยมาก ยังช่วยชีวิตข้าไว้ด้วย” หยุนหลีเอ่ยปากขึ้นกะทันหัน

เสวี่ยเชียนโฉวที่เดิมทีอารมณ์ไม่ดี เหมือนมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ฉับพลัน อารมณ์เบิกบานอย่างยิ่ง

“พี่หญิง ความจริงองครักษ์ของตระกูลพี่เขยซื่อจื่อก็ไม่เลวนะ หลิงเฟิง รั่วจิ่ง หลงยีพวกเขานั้น ข้าชอบทั้งหมดเลย” หยุนหลีตอบ

เวลานี้เสวี่ยเชียนโฉวเกือบสำลักน้ำลายของตนเองแล้ว ไอขึ้นมาอย่างหนัก ยัยเด็กแสบคนนี้จะชอบสักกี่คนกันแน่

“ท่านอา เหตุใดท่านไอแล้ว รีบดื่มน้ำเร็วเข้า” หยุนหลีช่วยเทน้ำให้เขาแก้วหนึ่ง ช่วยตบหลังให้เสวี่ยเชียนโฉวอย่างเป็นธรรมชาติมาก

เสวี่ยเชียนโฉวหยิบแก้วชาขึ้นมาดื่มสองสามอึก ถึงรู้สึกดีขึ้นบ้าง “ข้าไม่เป็นไร”

จวินหย่วนโยวมองเห็นทุกอย่างนี้อยู่ในสายตา “เจ้ายัยเด็กคนนี้แม้แต่ชอบคืออะไรคงจะไม่เข้าใจ ความชอบที่เจ้ามีต่อหลิงเฟิงรั่วจิ่งพวกเขานั้นคือระหว่างพี่ชาย ที่พี่หญิงเจ้าหมายถึงคือความชอบระหว่างชายหญิง”

“ไม่เหมือนกันหรือ?” หยุนหลีไม่เข้าใจ

เสวี่ยเชียนโฉวส่ายหน้าอย่างจำใจ ยัยเด็กนี่ปกติดูเฉลียวฉลาด เหตุใดพอพูดเรื่องสำคัญถึงอย่างกับคนโง่

แต่ว่าคำพูดของจวินหย่วนโยวกลับทำให้เสวี่ยเชียนโฉวผ่อนคลายไม่น้อย อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าหยุนหลีไม่ได้ชอบองครักษ์เหล่านั้นจริงๆ

“เอาล่ะ ทุกคนกินข้าวก่อนเถิด เดี๋ยวจะเย็นหมด เจ้าอุทยานเสวี่ยไม่ต้องเกรงใจ” หยุนถิงกล่าว

หยุนหลีหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบหมูแดงชิ้นหนึ่งวางไว้ในจานของเสวี่ยเชียนโฉว “ท่านอา กินเนื้อเยอะๆ จะได้โต”

มุมปากเสวี่ยเชียนโฉวกระตุก เขาอายุปูนนี้แล้ว ไม่โตเพิ่มตั้งนานแล้ว แต่ว่าก็ไม่ปฏิเสธ คีบขึ้นมากินแล้ว

อาหารมื้อนี้ หยุนหลีกินจนเต็มอิ่มอย่างยิ่ง กินอิ่มหนำสำราญก็ไปเล่นด้วยกันกับเสี่ยวเทียนและเสี่ยวเหยียน

เสวี่ยเชียนโฉวเห็นนางกลมเกลียวกับเด็กสองคน บนใบหน้ามีแต่ความอ่อนโยนและความเอ็นดู

หยุนถิงมองเห็นอยู่ในสายตาทั้งสิ้น “น้องหญิงสี่ของข้าเป็นอิสระมาตั้งแต่เด็ก ไม่อยู่ในกฎระเบียบ ทำตามใจ และปัดแข้งปัดขาผู้ใดไม่เป็น ลูกสาวของตระกูลหยุนไม่ร้องขอคนมีตำแหน่งหรืออำนาจสูง ขอเพียงพบเจอคนที่จริงใจต่อนางสักคน ครองคู่กันไปทั้งชีวิตก็พอ”

เสวี่ยเชียนโฉวนึกไม่ถึงว่าหยุนถิงจะพูดเรื่องพวกนี้กับตนเอง เขาย่อมฟังความหมายแฝงของหยุนถิงออกเป็นธรรมดา

ถ้าไม่สามารถทำได้เช่นนี้ ก็อย่าเข้ามาสนิทสนมกับหยุนหลีมากเกินไป มิฉะนั้นเพียงจะเพิ่มความกลัดกลุ้มใจซึ่งกันและกันเปล่าๆ

เสวี่ยเชียนโฉวมองทางหยุนหลีที่อยู่ไม่ไกลโดยจิตใต้สำนึก นางจูงมือเสี่ยวเหยียนไว้ข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งอุ้มเสี่ยวเทียน หัวเราะใสซื่อเหมือนเด็กน้อย

รอยยิ้มบริสุทธิ์ปานนี้ ทำให้หัวใจอันเย็นเยือกขอดวงนั้นของเสวี่ยเชียนโฉวอบอุ่นตามขึ้นมา

“ความหมายของคุณหนูหยุนข้าเข้าใจแล้ว” เสวี่ยเชียนโฉวตอบรับ กลับไม่ได้พูดอะไรอีก

หยุนถิงไม่ได้ถามอีก เสวี่ยเชียนโฉวอยู่ในคุกหลวงแห่งแคว้นต้าเยียนมาหลายปีปานนั้น เขาสามารถรอดชีวิตออกมาได้เห็นชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดา

คนที่สามารถปีนขึ้นจากนรกออกมาได้ อดทนในสิ่งที่คนทั่วไปอดทนไม่ได้ ถ้าให้สัญญาออกมาง่ายๆ หยุนถิงคงไม่เชื่อ

สิ่งที่ตนเองควรพูดก็พูดแล้ว เสวี่ยเชียนโฉวเป็นคนหนึ่งที่ฉลาด เขาน่าจะเข้าใจ

จวินหย่วนโยวไม่ได้พูดอะไร สายตาติดตามดูลูกทั้งสองอยู่ตลอด เห็นลูกชายลูกสาวเล่นอย่างสนุก ฟังเสียงหัวเราะสดใสของพวกเขา จวินหย่วนโยวใจละลายไปทั้งดวงแล้ว

ความรู้สึกที่มีลูกชายลูกสาว ช่างดีเสียจริง

เริ่นเซวียนเอ๋อร์เดินเข้ามาจากด้านนอก “หยุนถิง อีกสามวันเป็นเทศกาลชีซีของพวกเราแคว้นเทียนจิ่วจัดปีละครั้ง เจ้าอยากไปดูหรือไม่?”

นางเพิ่งพูดจบ ก็มองเห็นหยุนหลีกับเสวี่ยเชียนโฉวที่อยู่ในเรือน แปลกใจอยู่บ้าง “หยุนหลี เจ้ามาได้เช่นไร?”

“เซวียนเอ๋อร์ ข้ามาเยี่ยมพี่หญิง สองปีนี้เจ้าสบายดีหรือไม่ คราวก่อนหลังจากเจ้าไปข้ายังเขียนจดหมายหาเจ้าด้วย แต่รู้สึกว่าชวนทะเลาะจึงไม่ได้ให้คนส่งออกไป” หยุนหลีพูดอย่างดีใจ

“สบายดี ข้าสบายดีนักเชียว กลับเป็นเจ้าโตขึ้นไม่น้อย และอ้วนขึ้นด้วย” เริ่นเซวียนเอ๋อร์ตอบ

หยุนหลีทำหน้าตกใจ “มีผู้ใดพูดเยี่ยงเจ้ากันเล่า พอเจอหน้าก็บอกว่าผู้อื่นอ้วน คนอื่นเขาอ้วนตรงไหนกัน”

“ไม่อ้วน กำลังดี”

“เทศกาลชีซีงานนั้นที่เจ้าพูดเมื่อครู่สนุกหรือไม่?” หยุนหลีถามอย่างสงสัย

“สนุกแน่นอนสิ ก็คือชายหญิงวัยหนุ่มสาวส่วนหนึ่งถูกใจกันแล้วสามารถแสดงความรู้สึกต่อกันได้ นำปิ่นดอกไม้ที่ตนเองชอบมอบให้อีกฝ่าย แสดงการบอกรัก

ปกติฝ่ายชายจะส่งของให้เจ้า เจ้าต้องคิดว่าเขาเป็นคนหลงระเริงแน่ แต่ว่าวันนั้นกลับทำลายประเพณีลง ฉะนั้นวันนั้นจะมีคนมีวาสนาต่อกันมากมายสมปรารถนา

หยุนถิงก็มีจวินซื่อจื่อแล้ว พอดีเจ้ายังไม่มีคู่ครอง ถึงตอนนั้นข้าจะเตรียมไว้ให้เจ้ามากหน่อย ถูกใจผู้ใดเจ้ามอบให้เขาไปก็พอ

มอบให้ไปยังไม่แน่ว่าจะได้อยู่ด้วยกัน เพียงแค่แสดงความรู้สึกดี ฉะนั้นไม่ต้องรับผิดชอบ หนำซ้ำคนที่ได้รับปิ่นดอกไม้มากที่สุด ยังมีรางวัลด้วย” เริ่นเซวียนเอ๋อร์อธิบาย

หยุนหลีรักสนุกที่สุด เกิดความสนใจขึ้นมาทันที “ฟังขึ้นมาก็น่าสนุกมาก เช่นนั้นข้าไปด้วยกันกับเจ้า เจ้าเตรียมไว้ให้ข้ามากหน่อย”

“ไม่มีปัญหา นานๆ เจ้าจะมาสักที ไป ข้าจะพาเจ้าออกไปเดินเล่นเสียหน่อย!” เริ่นเซวียนเอ๋อร์แนะนำ

“ได้!” หยุนหลีตอบรับอย่างสบายใจ

“รอเดี๋ยว ข้าช่วยแปลงโฉมให้เจ้าเสียหน่อย” หยุนถิงพูดอยุ่ หยุนหลีจึงรีบตามนางเข้าไปในห้อง

ออกมาอีกที หยุนหลีสวมชุดสีขาวตัวหนึ่ง ม้วนผมขึ้น ปัดคิ้วให้เข้มขึ้น ผิวพรรณค่อนข้างเข้มอยู่หน่อย คล้ายคุณชายน้อยคนหนึ่งชัดๆ

หยุนหลีพอใจยิ่งหนัก “ขอบพระคุณพี่หญิงเจ้าค่ะ ท่านอาท่านไปด้วยกันกับพวกเราเถิด”

เสวี่ยเชียนโฉวไม่สนใจการเที่ยวเล่นของหญิงสาวแม้แต่น้อย แต่ให้เขาอยู่ต่อแล้วเผชิญหน้ากับจวินหย่วนโยวและคนอื่นยิ่งน่าเบื่อ ตามไปยังดีกว่า

“ไปเถิด”

เริ่นเซวียนเอ๋อร์พาหยุนหลีมุ่งตรงไปยังหอชิงหม่านใหญ่ที่สุดของแคว้นเทียนจิ่ว วินาทีนั้นที่เข้าไป เสวี่ยเชียนโฉวหน้าตาหม่นหมองลงมาทันใด

เริ่นเซวียนเอ๋อร์เป็นองค์หญิงสามคาดไม่ถึงพาหยุนหลีมาหอชิงหม่าน เสียแรงที่นางคิดออกมาได้

พอเห็นหยุนหลีอยากรู้อยากเห็นและดีใจอย่างยิ่ง ดูท่าทางรอคอยมาก เสวี่ยเชียนโฉวที่มองอยู่ยิ่งโมโหขึ้นมา

“หยุนหลีข้าจะบอกเจ้าให้ หอชิงหม่านแห่งนี้ของพวกข้าไม่เพียงเป็นแม่หญิงงดงามเป็นเลิศ แม้แต่คุณชายก็สุภาพหล่อเหลาเช่นกัน รอเดี๋ยวเจ้าเห็นแล้วอย่าได้หลงใหลเชียวนะ” เริ่นเซวียนเอ๋อร์พูดเสียงเบาๆ

หยุนหลีถึงตอบสนองกลับมา “ที่เจ้าพาข้ามาคือหอนางโลม ถ้าพี่หญิงข้ารู้เข้า ยังไม่ด่าข้าแย่หรือ แต่ข้าได้ยินมาว่าพี่หญิงก็รู้จักกับพี่เขยซื่อจื่อที่หอชุนเฟิง ไม่แน่ว่าข้าจะบังเอิญเจอสักคนเล่า เร็วเข้า”

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท