จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 664 นังหนูนี่ชอบเจ้าจริงๆ
คำพูดนับหมื่นนับพันคำ สุดท้ายเหลือเพียงแค่คำนี้คำเดียว มันโอบอุ้มความรู้สึกมากมายไว้ในนั้น
โม่เหลิ่งเหยียนยื่นมือออกไปกอดหยุนถิงไว้ รวมถึงเสี่ยเหยียนด้วย
รับรู้ได้ถึงลมหายใจและความอบอุ่นของหยุนถิง วินาทีนี้โม่เหลิ่งเหยียนถึงรู้สึกว่า หัวใจที่เจ็บจนด้านชาเหมือนตายไปแล้วของตนเต้นขยับแล้ว
โม่เหลิ่งเหยียนทนไม่ไหวอีกต่อไป น้ำตาในดวงตาไหลรินราวกับเขื่อนทะลัก
เขาอยากจะพูดอะไร แต่ก็พูดอะไรไม่ออก ตัวสั่นไปทั้งร่าง มือที่กอดหยุนถิงไว้ยิ่งจับไว้มั่น ราวกับกลัวว่าพอตนปล่อยมือ ทั้งหมดนี้จะเป็นแค่ภาพลวงตาหรือความฝันเท่านั้น
หยุนถิงโดนเขาจับจนเริ่มเจ็บ แต่ก็ไม่ได้ผลักไสโม่เหลิ่งเหยียน
แต่นังหนูจวินเสี่ยวเหยียนกลับคิ้วขมวดมุ่น “เจ็บ ท่านแม่ ท่านแม่!”
พอโม่เหลิ่งเหยียนได้ยินคำนี้ รีบปล่อยทันที พลางทำหน้าขออภัย “ขอโทษ ข้าแค่ตื่นเต้นเกินไปที่ได้เห็นเจ้า ถิงเอ๋อร์นังหนูนี่คือ?”
“ซวนอ๋องไม่ต้องขอโทษดอก ได้เจอท่านอีกครั้งข้าเองก็ดีใจนัก นี่คือเสี่ยวเหยียนลูกสาวของข้ากับจวินหย่วนโยว พวกเรายังมีลูกชายอีกคนชื่อว่าเสี่ยวเทียน ซื่อจื่ออุ้มอยู่แหน่ะ ตอนนั้นข้าท้องลูกแฝดชายหญิง” หยุนถิงอธิบาย
โม่เหลิ่งเหยียนมองดูเด็กหญิงในอ้อมกอดหยุนถิงที่หน้าตาคล้ายนางอยู่เจ็ดแปดส่วน คิ้วตางดงาม หยีเล็กลง ใบหน้าเล็กกลมป้อมเหมือนซาลาเปา น่ารักมาก
ที่แท้นี่คือลูกสาวของหยุนถิง
นางยังอยู่ดี คลอดลูกอย่างปลอดภัย มันมีค่ากว่าอะไรทั้งหมด
“หน้าตาเหมือนเจ้ามาก” โม่เหลิ่งเหยียนตอบ
จวินเสี่ยวเหยียนจ้องมองหน้าโม่เหลิ่งเหยียนแล้วพูดว่า “ท่าอา หล่อมาก!”
คำพูดเดียวทำเอาโม่เหลิ่งเหยียนขบขันออกมา “ลูกสาวเจ้าคนนี้ช่างตามีแววนัก”
“ท่านอา อุ้มหน่อย!” จวินเสี่ยวเหยียนเอ่ยปากขึ้นอย่างไม่กลัวคนแปลกหน้า
โม่เหลิ่งเหยียนตกใจมาก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเด็ก อีกทั้งเด็กคนนี้ยังจะให้เขาอุ้มด้วย
หยุนถิงยิ่งประหลาดใจ เสี่ยวเหยียนไม่ชอบคนแปลกหน้าที่สุด คนไม่คุ้นเคยไม่มีทางยอมให้อุ้มเลย นางได้เจอโม่เหลิ่งเหยียนครั้งแรก ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ?”
“เสี่ยวเหยียน เจ้าแน่ใจว่าจะให้ท่านอาอุ้มรึ?” หยุนถิงถามอีกครั้ง
จวินเสี่ยวเหยียนพยักหน้า “อุ้ม อุ้ม!”
โม่เหลิ่งเหยียนทั้งดีและประหลาดใจ เขายื่นมือมา “ได้ อาอุ้ม!” พูดเสร็จ ก้อุ้มนางขึ้นมา
เสี่ยวเหยียนหัวเราะร่วนออกมา ดีใจมาก
หยุนถิงสีหน้าสีหน้าหน่ายใจ “ยัยหนูนี่ชอบท่านจริงๆ ปกติเจอคนแปลกหน้านางไม่ยอมให้เข้าใกล้เลยสักนิด จริงสิซวนอ๋อง ทำไมท่านมาอยู่ที่นี่ได้?”
“ข้ามาหาเจ้า ข้าตามหาเจ้ามาสองปีแล้ว ไปทั่วทั้งสี่แคว้น และยังออกทะเลไป ก่อนหน้านี้ไม่นานได้รับจดหมายจากหมิงจิ่วซาง เลยรีบมาทันที ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเห็นคนพวกนี้ประดังประเดมาทางนี้ พอเห็นเจ้าเกือบโดนคนเบียดล้ม ข้าเลยพุ่งเข้ามาเลย” โม่เหลิ่งเหยียนอธิบาย
“ขอบคุณซวนอ๋องมาก” หยุนถิงซาบซึ้ง
หากมิใช่โม่เหลิ่งเหยียน เธอล้มไปทั้งๆที่อุ้มลูกไว้ ผลลัพธ์แย่มากแน่ๆ เพียงแต่เธอไม่คิดว่าโม่เหลิ่งเหยียนจะหาตนถึงสองปี
พอสบเข้ากับดวงตาทุ้มลึกดุจทะเลของโม่เหลิ่งเหยียน หยุนถิงเกิดไม่รู้จะพูดอะไรขึ้นมาแล้ว
เธอรักจวินหย่วนโยว กำหนดไว้แล้วว่าชาตินี้กับโม่เหลิ่งเหยียนนั้นไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว
“ไม่ต้องเกรงใจข้า หยุนถิงเจ้ามิต้องพูดอพไร ขอเพียงเห็นเจ้ายังอยู่ดี สำหรับข้านั้นเพียงพอแล้ว!”
ผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ไป โม่เหลิ่งเหยียนปลงตกแล้ว หยุนถิงไม่สามารถตอบรับความรู้สึกของตนได้แล้วอย่างไร ขอเพียงเห็นนางยังมีชีวิตอยู่ ขอเพียงสามารถพบนางได้บ่อยๆ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
หยุนถิงถอนหายใจออกมาอย่างลำบากใจ เธอต้องทำยังไงกันแน่ถึงจะทำให้โม่เหลิ่งเหยียนตัดใจได้
“ถิงเอ๋อร์!” เสียงตะโกนเรียกดังขึ้น จวินหย่วนโยวอุ้มจวินเสี่ยวเทียนเข้ามา ยื่นมือมาดึงมือหยุนถิงไว้
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ได้รับบาดเจ็บหรือไม่?”
“ท่านพี่ ข้ามิเป็นไร โชคดีที่ซวนอ๋องมาพอดี ไม่อย่างนั้นข้าเกือบล้มแล้วล่ะ” หยุนถิงอธิบาย
จวินหย่วนโยวถึงถอนหายใจโล่งอก พอหันกลับมาก็เจอโม่เหลิ่งเหยียน และจวินเสี่ยวเหยียนที่เขาอุ้มอยู่ ก็สีหน้าตึงเครียดขึ้นหลายส่วน
“ขอบคุณมาก!”
เพียงแต่จวินหย่วนโยวอดประหลาดใจไม่ได้ เสี่ยวเหยียนยอมให้โม่เหลิ่งเหยียนอุ้ม นางน่าจะได้เจอโม่เหลิ่งเหยียนเป็นครั้งแรก ยัยหนูนี่กลับไม่กลัวเขา
“ไม่ต้องเกรงใจ!” โม่เหลิ่งเหยียนบอก เหล่มองเด็กผู้ชายในอ้อมกอดจวินหย่วนโยว
ราวกับถอดแบบจวินหย่วนโยวออกมา ใบหน้าน้อยเย็นชาตึงเครียด แม้แต่ท่าทางเอียงคอมองสายตาสงสัยยังเหมือนกัน แค่ดูก็รู้ว่าเป็นลูกของจวินหย่วนโยวแน่
“เสี่ยวเหยียนมานี่ พ่ออุ้ม!” จวินหย่วนโยวเอ่ยขึ้น
จวินเสี่ยวเหยียนกลับกอดคอโม่เหลิ่งเหยียนแน่น “ไม่ ให้ท่านอาอุ้ม!”
จวินหย่วนโยวขมวดคิ้ว ยัยหนูใจดำนี่ พึ่งขวบเดียวก็เลือกเข้าข้างคนอื่นแล้ว ต้องการโม่เหลิ่งเหยียนไม่ต้องการตน
โม่เหลิ่งเหยียนมองดูท่าทางเจ็บใจของจวินหย่วนโยว ก็หัวเราะเบาๆ “พอเป็นลูกตนเองก็ทำอะไรไม่ได้!”
“ไม่ต้องมาพูดดี!” จวินหย่วนโยวถลึงตาใส่นาง หันมองหยุนถิง “ถิงเอ๋อร์ พวกเราไปจากที่นี่กันก่อน”
“ได้!” หยุนถิงบอก
จวินหย่วนโยวมือหนึ่งอุ้มจวินเสี่ยวเทียน อีกมือหันไปจูงมือหยุนถิงเดินออกไปข้างนอก
มือโม่เหลิ่งเหยียนที่อุ้มจวินเสี่ยวเหยียนกระชับมั่น หยุนถิงยอมให้ตนอุ้มเด็กหญิงคนนี้ ถือเป็นความเชื่อใจอย่างที่สุด โม่เหลิ่งเหยียนตื้นตันนัก เดินตามไปอย่างปกป้องเสี่ยวเหยียน
เยว่เอ๋อร์กับซูหลินเบียดออกมาจากอีกด้าน “คุณหนูใหญ่มิเป็นไรใช่หรือไม่ เด็กยังดีอยู่ไหม?”
“วางใจเถอะ ไม่เป็นไรกันหมดล่ะ โชคดีที่ซวนอ๋องมาดึงข้าไว้ทัน” หยุนถิงอธิบาย
ซูหลินและเยว่เอ๋อร์เห็นซวนอ๋องมาปรากฏตัวที่นี่ ก็อดสงสัยไม่ได้ แต่ก็รีบขอบคุณทันที
“ถิงเอ๋อร์ พวกเราไปทางนั้นกันเถอะ ได้ยินว่างานปิ่นดอกไม้จะเริ่มแล้วนะ” จวินหย่วนโยวเสนอ
“ได้!” หยุนถิงไม่ต้องอุ้มลูก สบายตัวขึ้นมาก ย่อมต้องไปดูเรื่องสนุกอยู่แล้ว
โม่เหลิ่งเหยียนอุ้มเสี่ยวเหยียน ถึงจะดูเก้อเขินอยู่บ้าง แขนก็เริ่มปวด แต่ในใจเปรมปรีนัก ลูกสาวคนนี้ของจวินหย่วนโยวเก่งกว่าพ่อนางมากนัก
ส่วนอีกด้าน พอหยุนหลีกับเสวี่ยเชียนโฉวกินข้าวเย็นเสร็จ ก็ไม่ได้ตามพวกหยุนถิงออกมาด้วย แต่กลับปีนข้ามกำแพงแปรพระราชฐานออกมา แบบนี้ไม่มีทางโดนพวกหูตาในที่ลับสังเกตเห็นได้ สามารถออกไปเที่ยวได้อย่างสบายอารมณ์แล้ว
เริ่นเซวียนเอ๋อร์รอรับพวกเขาอยู่ด้านนอก ตอนนี้หยุนหลีแบกปิ่นดอกไม้กระสอบใหญ่เดินอย่างสบายอารมณ์ตามท้องถนนกับเริ่นเซวียนเอ๋อร์
ระหว่างทาง หยุนหลีมองเห็นอะไรน่าสนใจมาก ดีใจยิ่งนัก แต่ในมือนางถือถุงกระสอบอยู่ ไม่มีมือถืออย่างอื่นเลย
“ข้าช่วยเจ้าหยิบเอง!” เสวี่ยเชียนโฉวบอก
“ดีเลย ขอบคุณท่านอามาก!” หยุนถิงยื่นกระสอบให้เขาอย่างวางใจ จากนั้นก็ไปเลือกของเล่นพวกนั้นกับเริ่นเซวียนเอ๋อร์
เสวี่ยเชียนโฉวเหล่มองถุงกระสอบ สีหน้าหน่ายใจ หากให้นังหนูนี่มอบออกไปจริงๆแย่สิงานนี้
เขาอาศัยจังหวะหยุนถิงไม่สนใจ ยื่นมือใช้กำลังภายในฉีกก้นถุงกระสอบเป็นรู จากนั้นแบกถุงกระสอบไว้ด้านหลัง แสร้งทำเป็นไม่รู้และเดินตามพวกนางไป
ปิ่นดอกไม้พวกนั้นค่อยๆหล่นจากถุงกระสอบ ลงตามพื้น
มีคนมากมายเข้ามาเก็บ ของฟรีทำไมจะไม่เอาล่ะ
ต่อมามีคนเห็น อยากเข้ามาเตือน แต่ยังไม่รอเขาเอ่ยปาก ก็โดนสายตาเย็นเยียบของเสวี่ยเชียนโฉวทำเอาตกใจ รีบถอยหนีไปทันที