จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 671 ข้าไม่มีวันยอมให้พวกมันสมหวังเด็ดขาด
“พิษนี้ ข้าถอนไม่ได้!” หยุนถิงพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เป็นไปได้อย่างไรกัน ฝีมือการแพทย์เจ้าเก่งกาจมากมิใช่รึ?” เริ่นเซวียนเอ๋อร์อึ้งตะลึงไปเลย
“ข้าเก่งกาจเรื่องถอนพิษ แต่พิษนี้น่าจะไม่ใช่ชนิดเดียว หากข้าเดาไม่ผิด มู่เซียวเซียวน่าจะปรุงขึ้นมาเอง
นางสามารถหนีออกจากตอนหอเทพเซียนโดนฆ่าล้างได้ แสร้งเข้าวังใกล้ชิดเสด็จพ่อเจ้า ดูท่าคงจะลงมือเต็มที่เอาให้ถึงตาย ต้องเป็นพิษที่นางปรุงเองแน่
ดังนั้นหากอยากจะถอนรากถอนโคน ต้องให้นางมาถอนให้ ข้าทำได้แค่ช่วยเจ้าสกัดกั้นพิษไว้ได้ชั่วคราว” หยุนถิงอธิบาย
เริ่นเซวียนเอ๋อร์เข้าใจในทันที น่ากลัวมู่เซียวเซียวจะเอาท่าไม้ตายออกมาใช้แล้วกระมัง หญิงน่าตายผู้นี้ช่างชั่วร้ายยิ่งนัก
“ข้าจะไปจับนางมาตอนนี้เลย!” เริ่นเซวียนเอ๋อร์เดือดดาลนัก หมุนตัวออกไปทันที
หยุนถิงควักเข็มเงินออกมา ทำการฝังเข็มให้ฮ่องเตแห่งแคว้นเทียนจิ่ว โม่เหลิ่งเหยียนยืนอยู่ข้างๆด้วยสีหน้าเคร่งขรึมยิ่งนัก
ไม่นานเริ่นเซวียนเอ๋อร์ก็กลับมา ยังพยุงขันทีคนหนึ่งมาด้วย “หยุนถิง ช่วยหลิ่วกงกงเร็ว!”
“เขาเป็นกระไรรึ?” หยุนถิงรีบจับชีพจรให้เขาทันที พบว่าเขาแค่สลบไป พอลงเข็ม หลิ่วกงกงก็ฟื้นทันที
“หลิ่วกงกง เกิดอะไรขึ้นรึ มู่เซียวเซียวล่ะ นางอยู่ไหน?” เริ่นเซวียนเอ๋อร์ถามอย่างร้อนใจ
“ทูลองค์หญิงสาม ข้าน้อยจับตาดูเซียวเฟยตามที่ท่านบอก ต่อมามีคนชุดดำมาคนหนึ่ง ข้าน้อยกำลังจะร้องเรียกคนให้ช่วย ก็โดนเขาซัดฝ่ามือใส่ที่ท้ายทอย หลังจากนั้นก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย” หลิ่วกงกงตอบ
“มู่เซียวเซียวน่าตายนัก กล้ามีคนมาช่วยนางไป หากให้ข้ารู้ว่าเป็นใคร จะต้งอจับมันมาถลกหนังเลาะกระดูกแน่!” เริ่นเซวียนเอ๋อร์กัดฟันกรอด
“องค์หญิงสามขออภัยด้วย ข้าน้อยผิดเอง ข้าน้อยขวางไว้ไม่ได้ ฝ่าบาทตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?” หลิ่วกงกงรู้สึกผิด
“หยุนถิงช่วยดูให้เสด็จพ่อแล้ว พิษนี้ต้องให้มู่เซียวเซียวถอนเท่านั้น พิษที่นางเป็นคนปรุงเอง คนอื่นถอนให้ไม่ได้!” เริ่นเซวียนเอ๋อร์ถอนหายใจยาว
หลิ่วกงกงหันมองหยุนถิงกับโม่เหลิ่งเหยียน คุกเข่าให้หยุนถิงทันที “ขอซื่อจื่อเฟยช่วยด้วย ช่วยฝ่าบาทด้วยเถอะ ฝ่าบาทโดนเซียวเฟยให้ร้ายถึงเพียงนี้ ขอร้องล่ะซื่อจื่อเฟย!”
เขาพูดพลางโขกศีรษะอย่างแรง ไม่นานหน้าผากก็แดงไปทั้งแถบ
“กงกงลุกขึ้นเถอะ พิษนี้ยากยิ่งนัก ข้าทำได้เพียงแค่สกัดไว้ชั่วคราวเท่านั้น หากอยากให้ฮ่องเต้ของพวกเจ้าฟื้นขึ้นมา มีแต่ต้องตามหามู่เซียวเซียวให้เจอเท่านั้น!” หยุนถิงพยุงเขาลุกขึ้น
หลิ่วกงกงไม่คิดเลยว่าซื่อจื่อเฟยไม่มีมาดเช่นนี้ ทั้งซาบซึ้งและตกใจ ในเวลาเดียวกันยิ่งสงสารฮ่องเต้หนักขึ้นไปอีก
“ตอนนี้ข้าจะไปหาไท่จื่อ ให้เขาออกคำสั่งปิดเมือง ตามหาทีละบ้าน ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะหานางไม่เจอ!” เริ่นเซวียนเอ๋อร์โกรธจัด
หยุนถิงขมวดคิ้ว เธอเดาได้แล้วว่าคนที่ช่วยมู่เซียวเซียวไปคือใคร
แต่เธอไม่ได้พูด เพราะไม่มีหลักฐาน อีกอย่างในเมื่อผิงหนานอ๋องช่วยคนออกไปแล้ว ต้องซ่อนเอาไว้ ไม่ให้คนหาเจอได้ง่ายๆแน่
ตอนนี้ได้แต่ทำให้ทุกคนรู้กันหมด ผิงหนานอ๋องรู้ถึงความสำคัญของเรื่อง ต้องย้ายนางแน่ แบบนี้คนของหยุนถิงจะได้มีโอกาสหาเจอ
“ตอนนี้คงทำได้แค่นี้เท่านั้นเอง!” หลิ่วกงกงถอนหายใจ
………………………
จวนผิงหนานอ๋อง
ผิงหนานอ๋องมองดูมู่เซียวเซียวที่สลบไม่ได้สติด้วยสีหน้าเคร่งขรึมยิ่งนัก
“ท่านอ๋อง ตอนนี้ฝ่าบาทสลบไม่ได้สติ องค์หญิงสามสังเกตเห็นว่าฝ่าบาทถูกพิษแล้ว ตอนนี้ช่วยเซียวเฟยออกมา มิเท่ากับหาเรื่องใส่ตัวรึ?” คนสนิทถาม
“มู่เซียวเซียววางยาพิษฮ่องเต้มาปีกว่า ในเมื่อนางแบกความแค้นที่สำนักโดนทำลายล้างเอาไว้ ดูท่าพิษนี้จะไม่ธรรมดา ข้าจะเก็บนางไว้ควบคุมฮ่องเต้
เพียงแต่ไม่คิดเลยว่า จะโดนเซวียนเอ๋อร์สังเกตเห็นเร็วขนาดนี้ ดูท่าข้าคงต้องเร่งความเร็วแล้ว เจ้าไปบอกคนของเรานะ ให้ลงมือเร็วขึ้น!” ดวงตาดำขลับของผิงหนานอ๋องฉายแววคมปลาบและเหี้ยมเกรียมขึ้น
“ขอรับ!” คนสนิทรีบไปจัดการทันที
คนแก่หลังค่อมคนหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก พลางถวายบังคมอย่างนอบน้อม “ท่านอ๋อง มีอันใดจะสั่งการรึขอรับ?”
“หาหนทางปลุกมู่เซียวเซียว!”
“ขอรับ!” คนแก่รีบเดินเข้ามา ช่วยจับชีพจรให้มู่เซียวเซียวก่อนจากนั้นก็ลงเข็ม
ไม่นานมู่เซียวเซียวก็ฟื้นจริงๆ
“เซียวเฟย เจ้ารู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง?” ผิงหนานอ๋องถาม
มู่เซียวเซียวมองผิงหนานอ๋องด้วยสีหน้าหวาดหวั่นตกใจกลัว “เจ้าเป็นใคร ข้าไม่รู้จักเจ้า ที่นี่คือที่ไหน?”
ผิงหนานอ๋องขมวดคิ้ว “นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
นางมิใช่ดีๆอยู่รึ เหตุใดจู่ๆก็ไม่รู้จักตนขึ้นมาได้
คนแก่รีบตอบทันที “ทูลท่านอ๋อง ชีพจรของเซียวเฟยสับสนยิ่งนัก น่าจะเพราะถูกพิษ ส่วนจะเป็นพิษใดนั้น ข้าน้อยดูไม่ออก!”
“มีหนทางให้นางจำได้หรือไม่?” ผิงหนานอ๋องถาม
คนแก่พูดด้วยสีหน้าตึงเครียดว่า “มีหนทางจริงๆ แต่เป็นวิธีการลงเข็มต้องห้าม เซียวเฟยถูกพิษแล้ว หากฝืนลงวิชาเข็มนี้น่ากลัวจะทำให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส ขั้นเบาก็สลบหลายวัน หนักก็ลดอายุขัย หากไปเกิดการปะทะกับพิษในกายนาง น่ากลัวว่าจะอายุไม่ยืน”
ดวงตาดำขลับของผิงหนานอ๋องหรี่ลงเล็กน้อย เหล่มองมู่เซียวเซียว “นางสามารถแก้แค้นที่สำนักโดนทำลายล้างได้ในตอนที่มีชีวิตอยู่ ตายก็ตายตาหลับแล้ว ใช้เถอะ”
“ขอรับ!” คนแก่ควักเข็มเงินที่พกติดกายออกมาทันที และลงเข็มไปที่จุดชีพจรสำคัญของมู่เซียวเซียว
ผ่านไปราวหนึ่งก้านธูป มู่เซียวเซียวได้สติขึ้นมาจริงๆ พอเห็นผิงหนานอ๋องก็ตกตะลึงยิ่งนัก “ท่านอ๋อง ข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน?”
“เซวียนเอ๋อร์รู้เรื่องที่เจ้าวางยาพิษฮ่องเต้แล้ว คนของข้าช่วยเจ้าออกมาได้ เจ้าโดนพิษแล้ว เมื่อครู่ยังเลอะเลือนไม่รู้จักข้า เจ้ามาจากหอเทพเซียนยังถูกพิษได้ มันทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ!” ผิงหนานอ๋องพูดพลางถอนหายใจ
มู่เซียวเซียวตะลึง รีบจับชีพจรให้ตนเองทันที นางเองยังตกใจสะดุ้งเฮือก
“เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน?”
ทำไมพิษในกายนางเหมือนกับพิษที่ตนวางใส่ลูกของหยุนถิงไปเลย แถมนางถูกพิษลึกขนาดนี้ หรือว่าหยุนถิงรู้ความลับในน้ำตาลปั้น
ตอนนั้นนางเห็นกับตาว่าเด็กสองคนกินลงไปแล้ว ดูท่าพวกเขาจะไม่สบายทำให้หยุนถิงสงสัย ด้วยฝีมือของจวินหย่วนโยวจะสืบรู้ว่าเป็นตนนั้นมิใช่เรื่องยากจริงๆ
“ดูท่าคนมากมายล้วนอยากให้เจ้าตาย!” ผิงหนานอ๋องพูดเสียงเรียบ
“ข้าไม่มีทางยอมให้พวกมันสมหวังแน่” มู่เซียวเซียวแค่นเสียงเย็น หยิบเข็มเงินที่วางไว้ข้างกายออกมาลงเข็มไปที่จุดชีพจรตนเองทันที
เจ็บจนสีหน้านางซีดเผือด คิ้วขมวดมุ่น แต่นางมิได้หยุดมือ ยังคงฝังเข็มต่อไป
หากยอมให้พิษนี้อยู่ในกายต่อไป ไม่นานนางจะเป็นบ้าเสียสติ แค้นของสำนักที่โดนทำลายล้างยังไม่สำเร็จ มู่เซียวเซียวไม่ยอมให้ตนเองเกิดเรื่องขึ้นเด็ดขาด
“เจ้าพักรักษาตัวให้ดี อยากได้ยาอะไรบอกได้เลยตามสบาย!” ผิงหนานอ๋องบอก
“ขอบคุณท่านอ๋องมาก!”
แคว้นเทียนจิ่ว ในวันนี้เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นมากมายนัก
องค์ชายสามเกิดพลัดตกม้าระหว่างทางกลับเมืองหลวงจนขาหัก องค์ชายรองจมน้ำตายเพราะพลัดตกลงไปในสระน้ำของอุทยานหลวงในพระราชวัง องค์ชายห้าไปพนันชนไก่ สุดท้ายกลับโดนไก่ชนจิกตาจนตาบอด
ส่วนไท่จื่อก็โดนคนลอบฆ่า โชคดีที่เริ่นเซวียนเอ๋อร์กับหยุนถิงไปทันเวลา เลยช่วยชีวิตเขาไว้ได้ทัน
พอเฉียนกุ้ยเฟยกลับไป กำลังคิดว่าจะวางแผนให้ลูกชายตนอย่างไรในระหว่างที่ฮ่องเต้ป่วยหนักนั้น พอได้ยินว่าเหล่าองค์ชายเกิดเรื่องขึ้น ก็หวาดหวั่นขึ้นมาทันที รีบให้คนไปตามองค์ชายหกเข้าวังมา
แต่ไม่คิดเลยว่า ม้าขององค์ชายหกเกิดบ้าคลั่งขึ้นมาระหว่างทาง ลากเขาวิ่งพล่านไปบนถนน สุดท้ายองค์ชายหกไม่ทันระวังพลัดตกม้าสลบไสลไม่ได้สติ