จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 684 ย้อนกลับแก้แค้นคนชั่ว
ผิงหนานอ๋องยิ้มเย้ยหยัน “ข้าก่อกบฏ ช่างน่าขำจริงๆ บัลลังก์นี่เดิมทีก็เป็นของข้าอยู่แล้ว!”
น้ำเสียงที่เย็นยะเยือกถากถาง ทำให้ทุกคนตกตะลึง บรรดาขุนนางก็ไม่มีเวลาสนใจความเจ็บปวดแล้ว พากันมองไปทางผิงหนานอ๋อง
“ผิงหนานอ๋องท่านพูดเหลวไหล บัลลังก์นี่เป็นของฝ่าบาท ฝ่าบาทต่างหากที่เป็นคนสืบทอดบัลลังก์ เจ้าถึงกับพูดจาโอหังไร้มารยาทเช่นนี้ ไม่กลัวว่าฝ่าบาทลงโทษหรือ!” ขุนนางคนหนึ่งคำรามด้วยความโกรธ
“ฝ่าบาท ขอฝ่าบาทโปรดลงโทษผิงหนานอ๋องด้วยเถิด เขาวางยาพิษพวกกระหม่อม ยังพูดจาไม่มีกาลเทศะ ขอฝ่าบาทโปรดตัดสินใจเด็ดขาดด้วยเถิด!”
เหล่าขุนนางต่างพากันฝากความหวังเอาไว้ที่ฮ่องเต้ แต่ฮ่องเต้ที่อยู่บนที่นั่งสูงกลับไม่แสดงสีหน้าใดๆ ไม่ตอบคำถามและไม่พูดไม่จา สายตาของคนทั้งคนเซื่องซึมอย่างยิ่ง
“ผิงหนานอ๋อง เจ้าถึงกับควบคุมฝ่าบาท!” โม่เหลิ่งเหยียนที่ปลอมตัวเป็นจวินหย่วนโยวกล่าวออกมาอย่างเย็นชา
เหล่าขุนนางถึงได้สังเกตเห็นความผิดปกติของฝ่าบาท ล้วนรู้สึกตกใจกันหมด
“เขากล้าวางยาพิษเรากับขุนนางใหญ่แล้ว ยังมีอะไรที่ไม่กล้าอีก” หยุนถิงจงใจกล่าวคล้อยตาม
ผิงหนานอ๋องมองไปทางหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวอย่างดูหมิ่น “ทั้งสองท่านกล่าวถูกต้องแล้ว ข้าเป็นคนควบคุมฝ่าบาทเอาไว้เอง พวกเจ้าจะทำอะไรข้าได้?”
“เจ้าทำเช่นนี้ไม่กลัวว่าองค์ชายกับองค์หญิงคนอื่นๆจะเกลียดเจ้าหรือ?” หยุนถิงถามกลับ
“องค์ชาย องค์หญิง พวกเขาถูกข้าฆ่าตายหมดแล้ว เจ้านึกว่าข้าจะเก็บปัญหาเอาไว้ให้ตัวเองหรือ?” ผิงหนานอ๋องกล่าวอย่างเย้ยหยัน
“เสียสติแล้ว ผิงหนานอ๋องเจ้าเสียสติไปแล้ว ถึงกับฆ่าองค์ชายองค์หญิง เจ้านี่มันช่างชั่วร้ายถึงขีดสุด สวรรค์ต้องไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!” ขุนนางคนหนึ่งคำรามด้วยความโกรธ
ผิงหนานอ๋องเดินเข้าไปใกล้ขุนนางใหญ่ท่านนั้น หยิบมีดสั้นที่อยู่ในแขนเสื้อออกมา แล้วปาดคอเขาด้วยมีด
“เจ้า!” ขุนนางใหญ่ยังไม่ทันได้ตอบสนองกลับมา ก็สิ้นลมไปในทันที
ขุนนางคนอื่นๆล้วนตกใจแทบแย่ ผิงหนานอ๋องเห็นคนเป็นผักปลาเช่นนี้ คือต้องการจะฆ่าพวกเขาให้ตายทั้งหมดจริงๆ คนที่เดิมทียังมีคำพูดที่แค้นเคืองและคัดค้าน เวลานี้ล้วนตกใจจนไม่กล้าพูดอะไรอีก
“ยังมีใครกล้าสงสัยในตัวข้าอีก จุดจบก็จะเหมือนกับหลิวซ่างซู ในใจของพวกเจ้าต้องโกรธแค้นที่ข้าโหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้แน่นอน แต่ข้าก็ถูกบีบคั้นเหมือนกัน
ตอนนั้นฮ่องเต้องค์ก่อนทรงประชวรหนัก เดิมทีเขาต้องการจะมอบบัลลังก์ให้ข้า ฮ่องเต้องค์ก่อนสั่งให้คนส่งพิราบสื่อสารให้ข้า เพื่อให้ข้าเร่งเดินทางกลับมาโดยเฉพาะ
ทำอย่างไรได้ระหว่างทางที่ข้ากลับมา ถูกคนลอบสังหารได้รับบาดเจ็บสาหัส ในตอนที่ข้าเร่งเดินทางกลับมาถึง ฮ่องเต้องค์ก่อนก็สิ้นพระชนม์แล้ว ราชโองการที่ทิ้งเอาไว้กลับมอบบัลลังก์ให้กับเริ่นเหลยถิง
ข้าย่อมไม่พอใจอยู่แล้ว แต่เขาถึงกับให้คนวางยาพิษในยาของข้า ทำให้ข้าอ่อนแอหมดสติ เมื่อข้าตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาหนึ่งเดือนหลังจากนั้นแล้ว
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นที่แน่นอนแล้ว ถึงข้าจะไม่เต็มใจก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้นข้าจึงสาบานว่า ช้าเร็วสักวันจะต้องชิงบัลลังก์ของตัวเองกลับมาให้ได้
เริ่นเหลยถิงพระราชทานการแต่งงานให้ข้ากับองค์หญิงใหญ่ ทุกคนล้วนคิดว่าเขาให้ความสำคัญกับข้า แต่มีเพียงข้าเท่านั้นที่รู้ว่า นี่เป็นแผนการของเขากับองค์หญิงใหญ่
เขาสัญญาจะให้อำนาจทางการทหารครึ่งหนึ่งของแคว้นเทียนจิ่วแก่องค์หญิงใหญ่ ให้นางควบคุมข้า และองค์หญิงใหญ่ก็หมายปองกองทัพผิงหนานของข้า นางแต่งงานกับข้าหนึ่งเดือนก็เข้าควบคุมกองทัพผิงหนานของข้า ยึดครองอำนาจทั้งหมดที่ข้ามี
ต่อมาข้าได้ช่วยนางกำนัลที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสโดยบังเอิญ ถึงได้รู้ว่าตอนนั้นองค์หญิงใหญ่กับเริ่นเหลยถิงร่วมมือกันใช้ชีวิตของข้าข่มขู่ให้ฮ่องเต้องค์ก่อนเขียนราชโองการ
หลายปีมานี้ ข้าเก็บซ่อนความสามารถเอาไว้ตลอด เก็บเอาไว้ในใจไม่พูดออกมา ก็เพื่อวันนี้ ตอนนี้องค์ชายกับองค์หญิงล้วนถูกข้าสังหารหมดแล้ว ราชวงศ์ไม่ได้มีทายาท ดังนั้นฮ่องเต้ไม่มีทางเลือกแล้ว”
ทุกคำพูดของผิงหนานอ๋อง โกรธแค้นสุดขีด พูดความแค้นและความไม่เต็มใจที่ฝังลึกอยู่ในใจทั้งหมดตลอดหลายปีออกมา
เหล่าขุนนางตกตะลึง ประหลาดใจ ไม่อยากจะเชื่อ แต่ว่าขุนนางเก่าหลายคนในนั้นหวั่นไหวแล้ว
“กระหม่อมจำได้ว่า ตอนนั้นฮ่องเต้องค์ก่อนมีใจชอบผิงหนานอ๋องมากกว่าจริงๆ” ขุนนางเก่าคนหนึ่งเอ่ยปาก
“ใช่ ข้าก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน”
“ข้าก็ว่าแล้วว่าอยู่ดีๆทำไมฮ่องเต้องค์ก่อนถึงได้ยกบัลลังก์ให้กับฝ่าบาท”
ชั่วขณะหนึ่งขุนนางใหญ่หลายคนเอ่ยปากขึ้นมา ไม่รู้ว่าเพราะรู้เรื่องจริงๆ หรือเพื่อมีชีวิตรอดกันแน่
ผิงหนานอ๋องพึงพอใจอย่างมาก มองดูขุนนางใหญ่ที่ล้มอยู่กับพื้นเหล่านั้นจากที่สูง “หลังจากที่ข้าครองบัลลังก์ ขอเพียงพวกเจ้ายอมอยู่ใต้อำนาจของข้า ภักดีต่อข้า ข้าจะปฏิบัติต่อพวกเจ้าอย่างดีแน่นอน”
“กระหม่อมยินดีเชื่อฟังคำสั่งของผิงหนานอ๋องเพียงผู้เดียว!” ขุนนางเก่าคนหนึ่งกล่าวขึ้นมาทันที
มีคนหนึ่งเป็นผู้นำ คนอื่นๆต่างก็พากันคล้อยตาม อย่างไรเสียใครเป็นฮ่องเต้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขามากนัก เอาชีวิตรอดเอาไว้ก่อนสำคัญกว่า
หยุนถิงกวาดตามองทุกคนครู่หนึ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยการดูแคลน “นกสองหัวที่รักตัวกลัวตายอย่างพวกเจ้า ไม่กลัวว่าฮ่องเต้จะได้สติขึ้นมา ลงโทษพวกเจ้าหรือ?”
ยังไม่ทันที่ขุนนางจะเอ่ยปาก หยุนถิงก็กระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง
ใบหน้าของมู่เซียวเซียวเต็มไปด้วยการดูแคลน “ซื่อจื่อเฟยกำลังจะตายอยู่แล้ว ยังมีอารมณ์ไปสนใจความเป็นความตายของคนอื่นอีก ช่างไม่รู้ที่ตายจริงๆ”
“สนใจหรือไม่ก็ตายอยู่ดี เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าทนดูไม่ได้ย่อมต้องพูดออกมาอยู่แล้ว!”
มู่เซียวเซียวโกรธจัดขึ้นมาทันที หยิบมีดสั้นที่อยู่ในมือของผิงหนานอ๋องมา “หยุนถิง เจ้านี่มันช่างน่ารังเกียจที่สุดจริงๆ โดยเฉพาะใบหน้านี่ ตอนนั้นเจ้าก็ใช้ใบหน้านี้ทำให้จวินหย่วนโยวลุ่มหลงใช่ไหม
วันนี้ข้าจะทำลายใบหน้าของเจ้าซะ ดูสิว่าต่อไปจวินหย่วนโยวจะเผชิญหน้ากับใบหน้าที่อัปลักษณ์ของเจ้าอย่างไร โอ้ ข้าลืมไปเลยว่า ต่อไปพวกเจ้าก็ไปเกลียดหน้ากันและกันที่ปรโลกเถอะ!
ขณะที่มู่เซียวเซียวกล่าวไป ก็เดินไปทางหยุนถิง สีหน้าบิดเบี้ยวเพราะความริษยา ดวงตาคู่สวยมีความเย็นชาโหดเหี้ยมแว๊บผ่านไปเล็กน้อย มีดสั้นที่อยู่ในมือแทงไปทางใบหน้าของหยุนถิง
เพียงแต่ว่ามีดสั้นที่อยู่ในมือของนางยังไม่ทันได้แตะถูกหยุนถิง โม่เหลิ่งเหยียนที่ปลอมตัวเป็นจวินหย่วนโยวก็จับข้อมือของนางเอาไว้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ออกแรงอย่างสุดกำลัง
“แครก!” เสียงกระดูกแตกดังมาพร้อมกับเสียงกรีดร้อง
มู่เซียวเซียวกรีดร้องขึ้นมา ข้อมือของนางถูกบีบจนแหลกไปโดยตรง เจ็บจะตายอยู่แล้ว “ทำไมเจ้าถึง?”
โม่เหลิ่งเหยียนไม่ได้ตอบคำถามเลย มืออีกข้างคว้ามีดสั้นของมู่เซียวเซียวที่หล่นลงมา ผลิกมือกลับมาใช้แรงทั้งหมดที่มีตัดแขนอีกข้างของมู่เซียวเซียว
“อ๊า!” มู่เซียวเซียวรู้สึกแค่เพียงความเจ็บปวดที่ทะลวงใจจู่โจมมา แขนข้างหนึ่งถูกโม่เหลิ่งเหยียนตัดขาดไปโดยตรง เจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ คนทั้งคนของนางก็ล้มลงไปบนพื้น
ล้มลงไปบนพื้นทางฝั่งแขนข้างที่ขาดพอดี มู่เซียวเซียวคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด
ทุกคนล้วนตกใจจนตะลึงงันไปหมด มองดูแขนที่อาบไปด้วยเลือดบนพื้นข้างนั้น ยังมีเลือดสีแดงสดที่ไหลออกมาจากไหล่ของมู่เซียวเซียว เหล่าขุนนางตกใจจนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
นัยน์ตาสีดำของผิงหนานอ๋องกวาดมองมาอย่างเย็นชา “จวินหย่วนโยว เจ้าถูกพิษไม่ใช่หรือ?”
มู่เซียวเซียวที่อยู่บนพื้นถึงได้ตอบสนองกลับมา มองดู “จวินหย่วนโยว” ลุกขึ้นมา ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “เป็นไปได้อย่างไร นี่มันเป็นไปไม่ได้ เจ้าดื่มสุราถ้วยนั้นไปแล้วแท้ๆ?”
“แค่สุราพิษถ้วยเดียวก็คิดจะจัดการข้าแล้ว เจ้าประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้ว อย่างเจ้าก็คู่ควร!” โม่เหลิ่งเหยียนกล่าวอย่างดูหมิ่น
“ไม่ เจ้าไม่ใช่จวินหย่วนโยว พิษของข้าพุ่งเป้าไปที่ร่างกายของเจ้า เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะไม่เป็นไร?” มู่เซียวเซียวไม่สามารถยอมรับข้อเท็จจริงเรื่องนี้ได้
โม่เหลิ่งเหยียนเดินไปทางนางทีละก้าว สายตาเย็นยะเยือกสุดขีด “ทักษะทางการแพทย์ของซื่อจื่อเฟยข้าเลิศล้ำที่สุดในสี่แคว้น ฝีมือปลายแถวอย่างเจ้า ก็กล้าโอหัง ช่างน่าขำจริงๆ”
หยุนถิงที่เดิมทีเจ็บปวดเหลือทนอยู่บนพื้นก็ลุกขึ้นมาเช่นกัน “ร่วมแสดงกับพวกเจ้านานขนาดนี้ ช่างน่าเบื่อมากจริงๆ แต่ว่าในเมื่อเซียวเฟยกับผิงหนานอ๋องล้วนสารภาพเสร็จแล้ว เช่นนั้นก็ควรถึงคราวพวกข้าแล้ว”
“เจ้า เจ้าถึงกับเสแสร้งแกล้งทำ?” คนทั้งคนของมู่เซียวเซียวรู้สึกแย่ไปหมด