จอมนางข้ามพิภพ บทที่691 หรือเจ้าจะอยู่เป็นเพื่อนเขา
หลังจากสิ้นเสียง เหล่าขุนนางทั้งหลายต่างก็ตกตะลึงกันหมด และเริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันด้วยเสียงที่เบาทันที
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หยุนถิงพูดนั้นเป็นความจริง หากพวกเขาเป็นอีกสามแคว้นนั้น ก็คงไม่ปล่อยโอกาสดีๆที่จะโจรตีแคว้นเทียนจิ่วนี้ไปอย่างแน่นอน
พวกเขาล้วนเป็นขุนนางคนสำคัญของแคว้นเทียนจิ่ว ตำแหน่งราชการสูงและเงินเดือนมาก อยู่ดีกินดีชนเคยชินแล้ว หากตกเป็นคนสิ้นแคว้นจริง เช่นนั้นขุนนางพวกเขาเหล่านี้คงต้องถูกสังหารทิ้งเป็นอันดับแรกอย่างแน่นอน
เมื่อนึกถึงเช่นนี้ เหล่าขุนนางชั้นสูงต่างก็มีความคิดของตัวเอง ไม่มีผู้ใดที่ยอมทิ้งชีวิตที่อยู่อย่างเป็นสุขนี้ไป แล้วไปเป็นคนสิ้นแคว้นที่ถูกกดขี่
“ซื่อจื่อเฟยพูดถูกยิ่งนัก กระหม่อมยอมสนับสนุนองค์หญิงสามให้สืบทอดบัลลังก์มังกร!” ขุนนางชั้นสูงคนหนึ่งรีบสนับสนุนทันที
เหล่าขุนนางชั้นสูงต่างก็พูดเห็นด้วย เพราะไม่ว่าใครจะเป็นฝ่าบาทพวกเขาก็ยังเป็นขุนนางชั้นสูงเหมือนเดิม ในเมื่อสามารถหลีกเลี่ยงภัยที่จะทำให้สิ้นแคว้นได้ ทำไมไม่เลือกองค์หญิงสาม แถมเมื่อครู่องค์หญิงสามยังช่วยพวกเขาไว้ หากไม่มีองค์หญิงสามตอนนี้พวกเขาคงกลายเป็นซากศพแล้ว
เมื่อได้ยินการสนับสนุนของทุกคน เริ่นเซวียนเอ๋อร์ก็น้ำตาไหลด้วยความตื่นเต้น
นางไม่ชอบการแย่งชิงและแข่งขันในราชสำนัก เบื่อหน่ายกับอุบายและการปากหวานก้นเปรี้ยวเป็นที่สุด ดังนั้น นางจึงอยู่แต่ในนอกเมืองโดยตลอด ตอนนี้เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เยี่ยงนี้ นางอยากปฏิเสธก็ยังไม่มีเหตุผลเลย
เพราะนางเป็นเพียงสายเลือดเดียวของราชวงศ์แห่งแคว้นเทียนจิ่ว จะทนดูแคว้นเทียนจิ่วสิ้นแคว้นโดยไม่ทำอะไรจริงหรือ
“ขอบคุณทุกการสนับสนุนของเหล่าขุนนาง เพียงแต่ว่าข้ามิเข้าใจเรื่องของทางการ ต่อไปคงต้องให้เหล่าขุนนางทั้งหลายหนักใจแล้ว พวกข้าร่วมผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน!” เริ่นเซวียนเอ๋อร์กล่าว
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะช่วยเจ้าเอง” กู้จิ่วเยวียนพูดปลอบโยน
“มีเซ่อเจิ้งอ๋องคอยช่วยเหลือ แคว้นเทียนจิ่วของพวกข้าจะต้องกลับมารุ่งเรืองเหมือนแต่ก่อนอย่างแน่นอน!” ขุนนางคนหนึ่งกล่าว
“เรื่องสำคัญนี้ก็ต้องรีบทำให้เสร็จ พรุ่งนี้จัดพิธีขึ้นครองราชย์กันเถอะ! แม้ว่าเวลาจะเร่งรีบไปหน่อย แต่แคว้นจะอยู่โดยปราศจากจักรพรรดิมิได้ ขอองค์หญิงสามขึ้นครองบัลลังก์ให้เร็วที่สุด!” เฉิงเซี่ยงเสนอ
“ตามที่ใต้าเท้าเฉิงเซี่ยงกล่าว ฝ่าบาทและองค์ชายหลายท่านเกิดเรื่อง ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการรักษาจิตใจของผู้คนให้มั่นคง และงานจัดพิธีขึ้นครองราชย์ในวันพรุ่งนี้ก็มอบให้เฉิงเซี่ยงเป็นคนจัดการ” กู้จิ่วเยวียนกล่าว
“พ่ะย่ะค่ะ!” เฉิงเซี่ยงและคนอื่นๆ ถอยออกไปอย่างเคารพ และรีบไปเตรียมการทันที
ขุนนางคนอื่นๆ ถอนออกไป เริ่นเซวียนเอ๋อร์ก็ล้มลงกับพื้นทันที มองดูศพที่เต็มอยู่บนพื้น และน้ำตาไหลออกมา
กู้จิ่วเยวียนอยากไปปลอบโยนนาง แต่ถูกหยุนถิงห้ามเอาไว้ “ปล่อยให้นางร้องไห้เถอะ ร้องออกมาถึงจะดีขึ้นหน่อย ไม่ร้องมีแต่จะทำให้อัดอั้นจนป่วย พรุ่งนี้เซวียนเอ๋อร์ขึ้นสู่บัลลังก์ อาจทำให้ทหารในกองทัพไม่พอใจหรือเกิดข้อสงสัย เพราะสตรีขึ้นครองราชย์นั้นเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อน”
“ความกังวลของซื่อจื่อเฟยข้าเข้าใจดี ผู้นำในกองทัพนั้นเคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของข้ามาก่อน ทหารส่วนใหญ่ที่ติดตามข้ามาในอดีตนั้นต่างก็อยู่ในตำแหน่งสำคัญ หากข้าออกหน้า พวกเขาก็จะไม่สงสัยเซวียนเอ๋อร์” กู้จิ่วเยวียนตอบ
“มีเซ่อเจิ้งอ๋องอยู่ กองทัพก็สบายใจ ขั้นตอนต่อไปก็คือประชาชน จักรพรรดิองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ต้องมีนโยบายใหม่ ยืมพู่กัน หมึก กระดาษ และหินหมึกให้ข้าได้หรือไม่”
“ซื่อจื่อเฟยเชิญไปในห้องโถงใหญ่!”
“หยุนหลี เจ้าดูแลเซวียนเอ๋อร์!” หยุนถิงพูดจบและเดินไปที่ห้องโถงใหญ่
โม่เหลิ่งเหยียนก็เดินตามเข้าไป จากนั้นก็ได้ยินหยุนถิงกับกู้จิ่วเยวียนปรึกษาหารือเกี่ยวกับนโยบายการปกครองแคว้น ดวงตาที่มืดทึบของโม่เหลิ่งเหยียนก็ฉายแววประหลาดใจเล็กน้อย
สมกับเป็นหยุนถิงจริงๆเลย อาวุธและกระสุนที่แรงและทรงพลังขนาดนั้น ทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม และแม้กระทั่งเรื่องการปกครองแว่นแคว้นนั้นก็รู้เยอะเช่นนี้ แถมแต่ละคำเฉียบแหลมและครอบคลุม นางเป็นหญิงที่หายากและล้ำค่ายิ่งนัก
โม่เหลิ่งเหยียนเพียงแค่ชื่นชมเท่านั้น คนที่หยุนถิงรักคือจวินหย่วนโยว เขารู้มาตลอด
กู้จิ่วเยวียนก็รู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมากกับคำเสนอแนะของหยุนถิง กลยุทธ์การปกครองแว่นแคว้นที่ดีเช่นนี้แม้ว่าเขาเองก็ไม่อาจคิดออกได้ ต่อให้คิดออกมาก็คงไม่ดีและทั่วถึงเช่นนี้ แต่ซื่อจื่อเฟยกลับสามารถพูดออกมาอย่างง่ายดายเช่นนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ฮ่องเต้แคว้นต้าเยียนถึงได้ให้ความสำคัญกับนางมากขนาดนี้ จวินซื่อจื่อก็ใส่ใจนางมากเช่นนี้ สตรีผู้เฉลียวฉลาดเช่นนี้หาได้ยากนัก
ในขณะนี้ กู้จิ่วเยวียนรู้สึกดีใจมากที่เซวียนเอ๋อร์กับหยุนถิงเป็นมิตรกัน เพียงแค่สิ่งที่หยุนถิงพูดในเมื่อกี้ ก็มีความกล้าหาญที่ทำให้คนน่าตกใจได้แล้ว และช่วยเริ่นเซวียนเอ๋อร์นั่งอยู่บนบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง
หยุนถิงเขียนกลยุทธ์ทั้งหมดที่ตัวเองคิดออกได้ และสุดท้ายก็มอบให้กู้จิ่วเยวียน “พระราชวังกับเซวียนเอ๋อร์ต้องลำบากเซ่อเจิ้งอ๋องแล้ว ข้าก็ออกมานานมาก ต้องกลับไปดูเด็กๆแล้ว”
“ซื่อจื่อเฟยไว้ใจ ข้าจะดูแลเซวียนเอ๋อร์อย่างดีแน่นอน ขอบคุณซื่อจื่อเฟย!” กู้จิ่วเยวียนกล่าวขอบคุณ
“ไม่ต้องเกรงใจ” หยุนถิงหันหลังและจากไป
โม่เหลิ่งเหยียนตามไปทันที เดิมทีหยุนหลีอยากอยู่ต่อ แต่กลับถูกเสวี่ยเชียนโฉวดึงไป
“องค์หญิงสามมีเซ่อเจิ้งอ๋องอยู่เป็นเพื่อนก็พอแล้ว ไม่ต้องการเจ้า”
หยุนหลีนึกดูแล้วก็รู้สึกที่นางพูดนั้นถูก จึงจากไปตาม
โม่ฉือชิงที่กินและดื่มอย่างอิ่มแถมได้ดูละครใหญ่ๆแล้วนั้น เช็ดมือเบาๆ ลุกขึ้นและรีบตาไปทันที “หยุนถิงพวกเจ้าจะไปไหน ไม่อยู่ในพระราชวังหรือ?”
“ที่นี่นองเลือดเกินไป มีคนตายไปเยอะขนาดนี้ข้ากลัวว่าจะทำให้เด็กๆตกใจกลัว ข้าเกรงว่าจะทำให้เด็กๆ กลัว กลับแปรพระราชฐาน” หยุนถิงตอบ
“รอข้าด้วย ข้าจะไปด้วย”
“หรือเจ้าไม่สนฟู่อี้เฉินแล้ว?” องค์หญิงหนานชวนที่เงียบมาตลอดนั้นเอ่ยปากถาม
จากนั้นโม่ฉือชิงจึงค่อยนึกฟู่อี้เฉินได้ “เขาในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง อยู่ที่นี่ก็ได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องให้ข้าอยู่เป็นเพื่อนเขา หรือเจ้าจะอยู่เป็นเพื่อนเขา?”
สีหน้าขององค์หญิงหนานชวนเย็นลง “ไม่มีเวลา” หลังพูดจบก็จากไปโดยตรง
หยุนถิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนหน้านี้องค์หญิงหนานชวนเคยนัวเนียกับฟู่อี้เฉินมาก่อน หรือระหว่างพวกเขาจะเกิดอะไรขึ้น ถึงได้ไม่คุ้นเคยเช่นนี้
แต่หยุนถิงไม่ได้ถามอะไรมากนัก ตอนนี้นางเป็นห่วงเพียงลูกๆกับจวินหย่วนโยว ไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ในมิติเป็นอย่างไรบ้างแล้ว
โม่เหลิ่งเหยียนไปในแปรพระราชฐานกับนางโดยตรง ทุกอย่างในแปรพระราชฐานปกติดี สิ่งของก็มิได้เสียหาย
ทันทีที่หยุนถิงและคนอื่น ๆ พึ่งจากไป คนของผิงหนานอ๋องก็ตามมาข้างหลัง แต่องครักษ์เงามังกรและองครักษ์ลับจากไปนานแล้ว ทั่วทั้งแปรพระราชฐานว่างเปล่า จับใครไม่ได้จึงจากไป
เมื่อกลับมาถึงห้อง หยุนถิงก็ปล่อยจวินหย่วนโยว ซูหลินกับเยว่เอ๋อร์และลูกทั้งสองออกมาทันที
“คุณหนู มิตินี้ของท่านมหัศจรรย์มากเลย ด้านในนี้มีอาหาร เสื้อผ้า และที่พักไว้หมด แถมยังมีสมุนไพรมากมาย เมื่อกี้เด็กๆหิวข้ายังทำของกินให้พวกเขา” เยว่เอ๋อร์พูดอย่างดีใจ
“คุณหนูใหญ่มีมิติที่วิเศษเช่นนี้ ออกไปไหนคงสะดวกมากเลย” ซูหลินพูดอย่างอิจฉา
“ใช่ ข้าเองก็ไม่รู้ว่ามีมิตินี้ได้อย่างไร สะดวกมากจริงๆ พวกเจ้าอยากได้อะไรข้าก็สามารถช่วยพวกเจ้าเอาออกมาจากมิติได้ ข้ากลัวว่านานเกินไป เด็กๆจะซุกซน ลำบากพวกเจ้าแล้ว” หยุนถิงกล่าว
“พวกข้าสบายดีทุกอย่าง เด็กสองคนเล่นจนเหนื่อย และผล็อยหลับไปแล้วเจ้าค่ะ” เยว่เอ๋อร์ตอบ
“พาพวกเขาไปพักผ่อน พวกเจ้าก็ต้องพักผ่อนให้ดีเช่นกัน” หยุนถิงเอ็นดูเป็นอย่างยิ่ง
มีเยว่เอ๋อร์กับเยว่เอ๋อร์อยู่ นางรู้สึกสบายใจมาก
“ให้ข้าดูหน่อย นี่หรือลูกของหยุนถิงกับจวินหย่วนโยว หน้าตาดีมาก” โม่ฉือชิงพูดและกำลังจะวิ่งไป
แต่ถูกโม่เหลิ่งเหยียนห้ามเอาไว้ “เด็ก ๆ กำลังหลับอยู่ อย่าปลุกพวกเขา”
โม่ฉือชิงตัวแข็งเล็กน้อย “ขี้เหนียวจัง ข้าก็แค่เห็นเด็กน้อยทั้งสองแล้วตื่นเต้นไม่ใช่หรือ ไม่สิ จวินหย่วนโยวทำไมเสียงของเจ้าถึงเปลี่ยนไป”
จากนั้นโม่เหลิ่งเหยียนก็ถอดหน้ากากหนังคนออก และทุกคนก็ประหลาดใจมาก
“ซวนอ๋อง เป็นท่านได้อย่างไร?” หยุนหลีพูดด้วยความประหลาดใจ
“พิษกู่ในร่างกายของจวินหย่วนโยวถูกถอนออก และอยู่ในอาการโคม่า ดังนั้นหยุนถิงจึงปลอมตัวข้าให้เป็นเขาเพื่อหลอกผิงหนานอ๋อง!” โม่เหลิ่งเหยียนอธิบาย
“ที่แท้อย่างงี้นี่เอง”
หลิงเฟิงกับรั่วจิ่งและคนอื่นๆ ปรากฏตัวขึ้น “ซื่อจื่อเฟย พวกข้าพบฐานลับมากมายของผิงหนานอ๋อง จะกำจัดทิ้งไปด้วยหรือไม่?”