จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 713 เจ้าช่างร้ายกาจจริงๆ

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 713 เจ้าช่างร้ายกาจจริงๆ

“หากเป็นปกติข้าไม่มีทางอนุญาต แต่การตรวจพลในปีนี้ค่อนข้างสนุก ข้ายอมให้เจ้าเข้าร่วมสักครั้ง” ฮ่องเต้ พูดขึ้นมาอย่างใจดี

“ขอบพระทัยฮ่องเต้ เบี้ยเลี้ยงของข้าน้อยเดือนหนึ่งได้สองตำลึง นี่เป็นเงินที่ข้าน้อยสะสมมาหลายเดือน ข้าน้อยวางเดิมพันห้าตำลึง เดิมพันว่าเฉินอ๋องสามารถทนได้สามวัน” ซูกงกงล้วงเอาเงินออกมาจากในแขนเสื้อ

วางเดิมพันสามวันตามซื่อจื่อเฟย น่าจะไม่แพ้

ทุกคนมองดูเงินห้าตำลึงของเขา แล้วก็หัวเราะออกมา

ซูกงกงพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าค่อนข้างเก้อเขินว่า “ซื่อจื่อเฟยก็พูดแล้ว วางเดิมพันได้ตามสะดวก”

ที่จริงเขาคอยปรนนิบัติรับใช้อยู่ข้างกายฮ่องเต้ เป็นขันทีคนใกล้ชิดของฮ่องเต้ ปกติจะในของประทานจากสนมต่างๆ อย่างมากมายไม่น้อย ไม่ได้มีเงินเพียงเท่านี้แน่

แต่หากตนเองเอาออกมาเยอะเกินไป ฮ่องเต้จะต้องสงสัยว่าเขาคิดคด เล่นพอสนุกก็พอ

“ซูกงกงพูดถูก งั้นข้าก็วางเดิมพันห้าตำลึง” ขุนนางคนหนึ่งพูดขึ้นมา

“งั้นข้าวางเดิมพันแพะย่างหนึ่งตัว”

ทุกคนต่างก็เข้ามามีส่วนร่วม เพราะสิ่งที่วางเดิมพันนั้นตามสะดวก ดังนั้นทุกคนจึงเดิมพันทุกประเภท

รั่วจิ่งเห็นทุกคนต่างวางเดิมพัน ก็พูดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ว่า “ซื่อจื่อเฟย ข้าสามารถวางเดิมพันหนึ่งหมื่นตำลึงได้ไหม แบบนี้จะไม่ค่อยเหมาะสมหรือเปล่า?”

ยังไง หากได้เงินของซื่อจื่อเฟยมา เขาค่อนข้างทำไม่ลง

จวินหย่วนโยวกลอกตามองบน แล้วพูดกับเขาว่า “เงินของซื่อจื่อเฟย ไม่ได้มาง่ายๆ ขนาดนั้นหรอก เจ้าวางเดิมพันได้ตามสบาย ข้าไม่เกี่ยวข้อง”

“ขอบพระทัยซื่อจื่อ” รั่วจิ่งรีบล้วงเอาเงินที่พกติดตัวออกมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ซื่อจื่อเฟย ข้าวางเดิมพันห้าหมื่นตำลึง เดิมพันว่าเฉินอ๋องสามารถอยู่ได้ถึงจนสุดท้าย”

ทุกคนต่างนิ่งอึ้ง องครักษ์ประจำตัวของจวินซื่อจื่อ มีเงินถึงขนาดนี้ นี่แค่พกติดตัวยังไม่ถึงห้าหมื่นตำลึง งั้นจวินซื่อจื่อกับซื่อจื่อเฟยจะมีมากมายขนาดไหน

“ได้ ข้ารับไว้”

ทุกคนวางเดิมพันเสร็จแล้ว หยุนถิงค่อยพูดขึ้นมาว่า “ฮ่องเต้ ข้าอยากเพิ่มกฎขึ้นมาหนึ่งข้อ ก็คือสามารถขอความช่วยเหลือจากด้านนอกได้”

สามารถใช้เงิน อาวุธ ความสัมพันธ์ต่างๆ ขอเพียงเป็นสิ่งของที่พวกเขามีล้วนได้หมด หรือใช้คนก็ได้

หัวหน้าสามารถเลือกให้คนตกรอบเพื่อนแลกกับสิ่งของ ทุกคนล้วนสามารถยอมตกรอบแล้วแลกสิ่งของให้กับคนอื่น

ฮ่องเต้ขมวดคิ้วเล็กน้อย พร้อมพูดขึ้นว่า “แบบนี้ยิ่งเป็นการกระตุ้นความปรารถนาที่จะได้ชัยชนะของผู้คน อนุญาต”

“ขอบพระทัยฮ่องเต้”

ซูกงกงรีบไปประกาศพระราชโองการ ทหารหลายสิบคนรีบเดินทางเข้าไปในป่าไม้ พร้อมตะโกนป่าวประกาศ

ทุกคนที่อยู่ในป่าไม้เมื่อได้ยินข่าวนี้ ล้วนตื่นเต้นอย่างมาก ต่างยื่นเสนอแลกเปลี่ยน

มีบางคนแลกเปลี่ยนเสื้อผ้า มีบางคนแลกเปลี่ยนอาหาร มีบางคนแลกเปลี่ยนอาวุธ…..

เฉินอ๋องได้ยินข่าวดีนี้ ก็ตื่นเต้นแล้วก็รีบไปแลกของมามากมาย มีทั้งของกิน ของใช้ เสื้อผ้า กระโจม อาวุธ ไม่ว่าจำเป็นหรือไม่จำเป็นเขาก็แลกมาหมด

“โม่หลาน เจ้ารีบสวมใส่เสื้อผ้าเยอะหน่อย นี่เป็นเสื้อคลุมที่เขาตั้งใจแลกมาให้เจ้า แล้วก็นี่มีไก่ย่างกินเยอะๆจะได้มีพลัง ตอนกลางคืนเจ้าก็นอนในกระโจมนี้ นี่เป็นสิ่งที่หยุนถิงคิดค้นขึ้นมา เอาไว้ใช้สำหรับพักผ่อนตอนกลางคืนโดยเฉพาะ” โม่ฉือชิงพูดขึ้นมายังเอาใจ

“โม่ฉือชิง เจ้าแลกของมาเยอะแยะขนาดนี้ทำไม พวกเรากำลังสู้รบ ถึงแม้จะเป็นเพียงการตรวจพล แต่ก็เป็นการปฏิบัติจริง สิ่งของเยอะขนาดนี้ มีแต่จะถ่วงเวลาให้ช้าลง” โม่หลานพูดตำหนิ

“กลัวอะไร ข้าแบกไว้ไม่ได้หรือ?”

“งั้นเจ้าแบกเอง คนอื่นรีบเตรียมตัว” โม่หลานพูดสั่ง

“ตอนกลางคืนเจ้าจะไปไหน ให้ทุกคนได้พักผ่อนไม่ดีหรือ” โม่ฉือชิงถามขึ้นมา

“ตอนกลางคืน เป็นช่วงเวลาสะดวกในการแอบโจมตี” โม่หลานก้าวเท้าเดินไป

โม่ฉือชิงไม่มีทางเลือก จำต้องเอาสิ่งของพวกนั้นแบ่งให้กับทุกคน

พวกทหารคนอื่นรีบรับเอามา พร้อมต่างก็พูดขอบคุณ จากนั้นก็กินอย่างคำโต จู่ๆ ก็รู้สึกว่ามีเฉินอ๋องตามมาด้วยก็ไม่เลว

ทุกคนกินอิ่มหนำสำราญแล้ว พวกทหารก็ขอแบ่งอาวุธพวกนั้น ยังช่วยเขาแบกกระโจม ทำให้โม่ฉือชิงรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก

โม่หลานพาทุกคนเดินทางมาทั้งคืน ตอนกลางคืนมีคนตกรอบอีกกว่าร้อยคน จนถึงสว่างแล้วค่อยหยุดพักผ่อน

แต่พวกเขาเพิ่งหยุดลง ก็ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวข้างหน้า สีหน้าโม่หลานระแวดระวังขึ้นมา ส่งสัญญาณให้กับทุกคน ทหารคนอื่นแยกย้ายล้อมโจมตีจากทุกด้านทันที

โม่ฉือชิงคิดได้ว่าตลอดทางตนเองไม่ได้ออกแรงทำอะไรเลย มองเห็นไม่ไกลออกไปมีสองคนอยู่ข้างหลังพวกเขา จึงหยิบดาบเล่มใหญ่ขึ้นมาแล้วพุ่งออกไป พร้อมพูดขึ้นว่า “หลีกไป ข้าลงมือเอง”

แต่โม่ฉือชิงยังไม่ทันเข้าไปใกล้ เสวี่ยเชียนโฉวที่อยู่ไม่ไกล ก็ยกฝ่ามือฟาดเขากระเด็นออกไป

“อ้าก” โม่ฉือชิงกรีดร้องขึ้นมา โชคดีที่โม่หลานดึงเขาไว้ได้อย่างรวดเร็ว

“ท่านอา เกิดอะไรขึ้น?” หยุนหลีที่นอนหลับลุกมาจากอ้อมอกเสวี่ยเชียนโฉว มองดูทุกคนที่ล้อมพวกเขาไว้อย่างตกตะลึง

เสวี่ยเชียนโฉวพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าไม่พอใจว่า “ล้วนเป็นพวกไม่มีตา รบกวนเจ้าพักผ่อน”

“โม่หลาน เฉินอ๋อง เป็นพวกเจ้าได้อย่างไร?” หยุนหลีถามขึ้นมาอย่างตกตะลึง

โม่หลานเห็นว่าเป็นหยุนหลี ก็ค่อยโล่งอก พร้อมพูดขึ้นว่า “ทุกคนไม่ต้องกลัว ล้วนเป็นคนกันเอง”

“คนกันเองอะไร คนกันเองแล้วฟาดตบข้ากระเด็นหรือ?” โม่ฉือชิงแยกเคี้ยวยิงฟันพูดขึ้นมา

“ใครใช้ให้เจ้ารบกวนหยุนหลีพักผ่อน” เสวี่ยเชียนโฉวไม่ไว้หน้าเลย

ในสายตาเขา หยุนหลีสำคัญกว่าทุกอย่าง

“ท่านอา เฉินอ๋องไม่ใช่คนร้าย คนกันเอง” หยุนหลีพูดอธิบาย

เสวี่ยเชียนโฉวค่อยลดความเป็นปรปักษ์ พร้อมพูดขึ้นว่า “ดี”

“หยุนหลี ทำไมพวกเจ้าไม่อยู่กับทีมสาม?” โม่หลานถามขึ้นมา

“ข้าไม่ชอบหลีอ๋อง ยังไงเขาก็เคยกระทำไม่ดีกับพี่ใหญ่ของข้า ตอนนี้คนทีมสามเลือกหลีอ๋องเป็นผู้นำ ดังนั้นข้าจึงออกมากับท่านอาตามลำพัง”

“แต่ในป่านี้กว้างใหญ่มาก ระหว่างทางข้ากับท่านอาก็จัดการคนไปไม่น้อย เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน พวกเราจึงนอนพักอยู่ที่นี่” หยุนหลีพูดอธิบาย แล้วก็จามขึ้นมา

โม่หลานรีบเอาเสื้อคลุมที่โม่ฉือชิงแลกมาก่อนหน้านี้ พร้อมพูดขึ้นว่า “คลุมไว้ อากาศตอนเช้าค่อนข้างเย็น เดี๋ยวจะไม่สบาย หากพวกเจ้าไม่คิดมากสามารถตามพวกเราไปได้”

พวกทหารคนอื่นได้ยินแล้ว สั่งก็ขมวดคิ้ว ยังไงพวกคุณหนูสี่ก็เป็นคนทีมสาม เอาศัตรูสองคนมาไว้ข้างกายไม่ค่อยดีมั้ง

“ได้หรือ?” หยุนหลีถามขึ้นมาอย่างดีใจ

“ได้แน่นอน เจ้าเป็นเพื่อนของข้า ท่านอาของเจ้าก็ถือว่าเป็นคนกันเอง พวกเจ้าสองคนฝีมือไม่เลว ไม่แน่ว่ายังจะสามารถช่วยพวกเราได้

ที่สำคัญคือพวกเจ้าเป็นคนของทีมสาม หากสุดท้ายหลีอ๋องได้ชัยชนะ เจ้าแอบลอบทำร้ายด้านหลังเขา เขาไม่มีทางป้องกันตนเองแน่” โม่หลานพูดขึ้นมา

หยุนหลีกลอกตามองบน พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าช่างชั่วร้ายจริงๆ”

“แบบนี้เรียกว่าศึกไม่หน่ายเล่ห์ เพราะไม่มีใครคิดป้องกันคนจากทีมตนเอง ยังไงเจ้าก็ไม่ชอบขี้หน้าเขา ถือเสียว่าเป็นการแก้แค้นให้กับหยุนถิง”

“ได้ ข้ารับปากเจ้า ข้าอยากที่จะสั่งสอนเขามานานแล้ว” หยุนถิงรีบตอบรับ

ทหารคนอื่นต่างก็อึ้ง อดไม่ได้ที่จะชื่นชมแม่ทัพของพวกเขา คำพูดเพียงไม่กี่คำก็สามารถทำให้คุณหนูสี่มาเป็นพวกได้ เก่งมากจริงๆ

เสวี่ยเชียนโฉวขมวดคิ้วเล็กน้อย พร้อมมองพิจารณาดูโม่หลาน

สวมชุดเครื่องแบบ หาญกล้าน่าเกรงขาม เฉลียวฉลาด ปรับเปลี่ยนสถานการณ์ได้ดี โดยเฉพาะชำนาญเรื่องโน้มน้าวใจคน ถึงว่านางเป็นผู้หญิงคนหนึ่งก็สามารถได้เป็นถึงแม่ทัพ ที่แท้ก็เพราะนางมีดีกว่าคนอื่น

“งั้นต่อจากนี้เราจะทำอะไร จู่โจมหลีอ๋องหรือ?” หยุนหลีถามขึ้นมา

“รอ” โม่หลานพูดตอบ

“รออะไร?”

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท