จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 717 จวินเสี่ยวเทียนหายไป

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 717 จวินเสี่ยวเทียนหายไป

โม่ฉือหานที่หมดสติอยู่บนพื้น ทั้งเนื้อทั้งตัวเหมือนกับหมูที่ตายไปแล้ว ไม่ขยับเขยื้อนแม้เพียงนิด

หยุนเสี่ยวลิ่วเตะจนเหนื่อยแล้วค่อยหยุด พร้อมพูดขึ้นว่า “เสี่ยวอันจื่อ เอายาโอสถของเจ้าให้เขากินหนึ่งเม็ด ถือว่าเป็นการให้หมู เดี๋ยวเขาจะเสียเลือดมากจนเป็นไข้ แล้วตายอยู่ที่นี่จะวุ่นวาย”

“ได้” เสี่ยวอันจื่อรีบเอายาโอสถ ที่หยุนถิงให้ก่อนหน้านี้ออกมา แล้วยัดใส่ปากเขาโม่ฉือหานหนึ่งเม็ด

คืนนี้ พวกหยุนไห่เทียนก็ไม่ได้จากไปแล้ว ใช่ว่าเป็นห่วงโม่ฉือหาน แต่กลัวเขาตาย พวกเขาก็จะไม่สามารถทรมานพวกเขาอีก

จนเมื่อฟ้าสว่าง โม่ฉือหานไม่ได้มีไข้ สีหน้าที่ขาวซีดก็ดีขึ้นมาก พวกหยุนไห่เทียนค่อยถอยไปตรงที่ลับ

เมื่อโม่ฉือหานฟื้นขึ้นมา ก็วันที่สองแล้ว เมื่อเขาลืมตามองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นมีใคร เนื้อตัวปวดเมื่อยอย่างรุนแรง เสื้อผ้าเปื้อนไปด้วยเลือดและฝุ่นดิน ค่อยคิดได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวาน

เขาโกรธโมโหจนยกกำปั้นทุบพื้น บังเอิญไปทุบโดนบนก้อนหิน เจ็บปวดจนโม่ฉือหานขมวดคิ้วแน่น

คนชุดดำที่ลอบทำร้ายเขาเมื่อวานคนนั้นเป็นใครกันแน่ เขาจะต้องสืบให้รู้ชัดเจน แล้วเอาคืนเป็นสิบเท่าร้อยเท่า

โม่ฉือหานไม่ได้โง่ รีบเรียกองครักษ์มาแลกยาโอสถ เสื้อผ้า อาวุธ แล้วก็ของกินให้กับเขา กินอิ่มท้องแล้ว ก็พกอาวุธออกเดินทางต่อ

พวกคนที่ติดตามมาด้วยนั้นไม่เห็นแล้วทั้งหมด เห็นได้ชัดว่าทุกคนที่ลอบทำร้ายนั้นฆ่าตายหมดแล้ว เป็นไปได้ว่าตอนนี้เหลือเพียงเขาตัวคนเดียว แต่เขาไม่ยอมแพ้เด็ดขาด เขาเป็นถึงเทพสงครามของแคว้นต้าเยียน

ส่วนหยุนถิงที่อยู่ด้านนอกป่า ได้ยินว่าคนของทีมสามตกรอบอย่างต่อเนื่อง นับดูจำนวนคนแล้วก็มากพอสมควร

มือข้างหนึ่งของจวินหย่วนโยวโอบกอดหยุนถิงไว้ มืออีกข้างหนึ่งกอดจวินเสี่ยวเทียนไว้ แขนทั้งสองข้างเป็นเหมือนดั่งหมอน

“ถิงเอ๋อร์ เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่?” จวินหย่วนโยวเห็นหยุนถิงเหม่อลอยไม่พูดไม่จา จึงถามขึ้นมา

“ข้ากำลังคิดอยู่ว่า ตอนนี้หลีอ๋องน่าจะอยู่ตัวคนเดียว” หยุนถิงพูดตอบ

“ล้วนเป็นเพราะเขาทำตัวเองทั้งนั้น” จวินหย่วนโยวไม่สงสารเลยสักนิด

“พูดก็ถูก เวลาแบบนี้สามารถเห็นได้ถึงความสามัคคีของทีม ยิ่งสามารถทำให้เห็นว่าสามารถได้ใจคนไหม”

“วันนี้อยากทำอะไร?” จวินหย่วนโยวถามขึ้นมา

“ซื่อจื่อ ที่นี่มีอะไรสนุกไหม?”

“ที่นี่ล้วนเป็นที่ฝึกฝนของค่ายทหาร เป็นป่าไม้กว้างใหญ่ ลักษณะภูมิศาสตร์ซับซ้อน มีนก มีสัตว์ดุร้าย ยังมีแม่น้ำ สามารถย่างไก่ย่างปลาต่างๆ”

หยุนถิงขมวดคิ้วพูดขึ้นว่า “งั้นก็ไม่มีอะไรน่าสนุก เรามันหลอกล่อคนจะดีกว่า สร้างกับดักดีไหม?”

“ดี แล้วแต่เจ้าทุกอย่าง ขอเพียงเจ้ามีความสุขก็พอ” จวินหย่วนโยวพูดขึ้นมาอย่างรักใคร่

“โม่หลานกับเฉินอ๋องเหมาะสมกันจริงๆ แต่สองคนนี้ยังต้องการโอกาส งั้นเราสองคนมาแข่งกัน ใครสามารถทำให้ทั้งสองคนได้ครองคู่กัน ถือว่าเป็นผู้ชนะ เป็นไง?” หยุนถิงพูดเสนอขึ้นมา

จวินหย่วนโยวอยากพูดว่า นอกจากหยุนถิงกับลูกสองคน คนอื่นได้ครองคู่กันหรือไม่นั้นไม่เกี่ยวอะไรกับเขา แต่มองดูท่าทีตื่นเต้นและรอคอยของหยุนถิง เขาก็ปฏิเสธไม่ลง

“ได้ แล้วแต่เจ้า”

“งั้นข้าต้องคิดให้ดี จะช่วยให้พวกเขาสองคนครองคู่กันได้อย่างไร” หยุนถิงเอนพิงแขนของจวินหย่วนโยว แล้วก็ครุ่นคิด

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน จวินหย่วนโยวได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของนาง หว่างคิ้วแฝงไปด้วยความจนใจกับรักใคร่

ดูนางสิ คิดหาวิธีจนหลับไปแล้ว คงเป็นเพราะเมื่อวานเหนื่อยอย่างมาก

จวินเสี่ยวเทียนส่งเสียงต่ำสองที จวินหย่วนโยวยื่นมือไปลูบ เจ้าลูกคนนี้ถึงแม้จะสวมผ้าอ้อมที่แม่ของเขาทำให้ แต่ก็ยังทำให้ผ้าห่มเปียก คงเป็นเพราะเมื่อคืนดื่มน้ำเยอะเกินไป

จวินหย่วนโยวรีบยืนอุ้มเขาขึ้นมา เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขา แล้วก็เปลี่ยนผ้าปูที่นอน

จวินเสี่ยวเทียนก็ถูกเคลื่อนไหวจนตื่นขึ้นมา ตอนนี้เป็นช่วงเช้าแล้ว เจ้าเด็กน้อยก็หิวแล้ว

“พ่อ หิว ท้องท้องหิว” จวินเสี่ยวเทียนพูดขึ้นมา

“ได้ พ่อไปทำของกินให้เจ้า” จวินหย่วนโยวสวมเสื้อผ้าให้ลูกเสร็จ สวมเพียงเสื้อคลุมตัวเดียวให้กับตนเอง แล้วก็อุ้มเขาออกไป

ยังไงลูกก็นอนไม่หลับแล้ว หากปล่อยให้เขาอยู่ที่นี่ กลัวจะรบกวนหยุนถิงพักผ่อน

“ซื่อจื่อ มีรับสั่งอะไร?” หลิงเฟิงที่เฝ้าอยู่ด้านนอกกระโจมถามขึ้นมา

“เสี่ยวเทียนหิวแล้ว ข้าจะพาเขาไปหาของกิน จะได้ไปเดินเล่นด้วยพอดี” จวินหย่วนโยวพูดตอบ

หลิงเฟิงรีบตามไป ทั้งสองคนพาเด็กน้อยไปยังกระโจมที่รับผิดชอบทำกับข้าวโดยเฉพาะ

จวินหย่วนโยวคิดว่าไม่ได้ทำกับข้าวให้หยุนถิงด้วยตนเอง มานานมากแล้ว จึงดึงแขนเสื้อขึ้นมา สั่งให้คนจุดไฟ แล้วก็ลงมือทำกับข้าวด้วยตนเอง

หลิงเฟิงรับผิดชอบดูแลจวินเสี่ยวเทียน จู่ๆเสี่ยวเทียนก็บอกว่าปวดท้อง หลิงเฟิงบอกจวินหย่วนโยว แล้วก็พาเสี่ยวเทียนไปด้านนอกค่าย หาตรงที่ไม่มีคนแล้วก็ให้เขาปลดทุกข์

จวินเสี่ยวเทียนปลดทุกข์เสร็จแล้ว หลิงเฟิงค่อยจำได้ว่าไม่ได้เอากระดาษมาด้วย จึงพูดขึ้นมาว่า “เสี่ยวเทียน เจ้ารออาอยู่ที่นี่ อาจะไปเอากระดาษมาให้เจ้า”

จวินเสี่ยวเทียนผงกหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ได้”

หลิงเฟิงรีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว ตรงไปยังห้องครัว หยิบกระดาษแล้วก็รีบวิ่งกลับมา

แต่เมื่อเขากลับมา กลับพบว่าจวินเสี่ยวเทียนหายไปแล้ว

หลิงเฟิงตกตะลึงขึ้นมาทันที ระยะทางเพียงไม่กี่สิบเมตร ทำไมถึงไร้ร่องรอยของเสี่ยวเทียนอย่างกะทันหัน เขาตกใจแทบตาย ร้องตะโกนไปด้วย วิ่งไปรายงานจวินหย่วนโยวไปด้วย

จวินหย่วนโยวที่กำลังทำกับข้าวอยู่ได้ยินว่าจวินเสี่ยวเทียนหายไป ตะหลิวในมือก็หล่นตกลง หัวใจแทบหลุดมาถึงตา พร้อมรีบวิ่งออกมา

“รีบแจ้งองครักษ์เงามังกรกับองครักษ์ลับทั้งหมด เพียงชั่วพริบตาเดียว ยังไงคนก็ยังอยู่ในละแวกใกล้เคียง รีบสั่งให้ทุกคนไปตามหา จะต้องตามหาเสี่ยวเทียนให้เจอ” สีหน้าจวินหย่วนโยวบึ้งตึง เคร่งเครียดอย่างมาก เป็นกังวลอย่างที่สุด

“ซื่อจื่อ ข้าขอโทษ เป็นเพราะข้าดูแลเสี่ยวเทียนได้ไม่ดี” หลิงเฟิงโทษตนเองอย่างมาก

“ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดแบบนี้ รีบไปแจ้งทุกคน รวมทั้งถิงเอ๋อร์ด้วย” จวินหย่วนโยวก้าวเท้ายาวไปตามหาบริเวณรอบๆ อย่างว่องไว

“ขอรับ” หลิงเฟิงรีบไปแจ้งให้ทุกคนรู้

เขาก็ก่นด่าตนเองอยู่ในใจ ทำไมถึงไม่ระวังขนาดนี้ หากซื่อจื่อน้อยเป็นอะไรไป ต่อให้เขามีสิบหัวก็ไม่เพียงพอที่จะชดใช้

หยุนถิงได้รู้ว่าเสี่ยวเทียนหายไป สีหน้าขาวซีด จนแทบเป็นลม โชคดีที่ซูหลินประคองนางไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “คุณหนูใหญ่”

หยุนถิงยังไม่ทันได้สวมใส่เสื้อคลุม ก็รีบวิ่งออกไปตามหา รีบผิวปากเรียกอินทรีทองไปช่วยตามหา

หลังจากโม่เหลิ่งเหยียนได้ยิน ก็ตกตะลึงเป็นกังวล อุ้มจวินเสี่ยวเหยียนไว้แล้วก็ออกไปตามหา

ฮ่องเต้ยิ่งโกรธโมโหอย่างมาก เด็กตัวเล็กแค่นั้นเองจะหายไปได้อย่างไร ยังอยู่ในค่ายทหารของเขา ใครช่างกล้าบังอาจขนาดนี้ กล้าขโมยคนไปจากภายใต้สายตาของเขา ฮ่องเต้รีบสั่งให้ทุกคนในค่ายทหารออกตามหา

ทันใดนั้น คนทั่วทั้งค่ายต่างก็พากันออกตามหา ค้นหาจนทั่วทั้งนอกค่ายและทั่วทั้งภูเขา

“ถิงเอ๋อร์ ข้าขอโทษ ล้วนเป็นเพราะข้าไม่ดี ไม่ได้ดูแลเสี่ยวเทียนให้ดี” จวินหย่วนโยวพูดตำหนิขึ้นมา

หากเขาเฝ้าดูแลเสี่ยวเทียน หากเขาไม่ได้ไปทำกับข้าว บางทีอาจจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้

“อีกฝ่ายเตรียมความพร้อมมาก่อน พวกเรารีบออกตามหา พวกเขาน่าจะวิ่งหนีไปได้ไม่ไกล” หยุนถิงใจเกร็งไปหมดจนแทบหายใจไม่ออก หวาดกลัวอย่างมาก ในใจภาวนาว่าอย่าให้เกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวเทียน

“ฮ่องเต้ รบกวนท่านให้คนไปสืบดู คนที่มาที่นี่เมื่อวานมีใครหายไป?” โม่เหลิ่งเหยียนรีบพูดขึ้นมา

ฮ่องเต้เข้าใจ รีบสั่งคนไปสืบทันที

ไม่นาน รองนายพลค่ายทหารมารายงานว่า “ฮ่องเต้ หย่าผินหายไป”

ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “เป็นนางได้อย่างไร ตอนที่ข้าออกมาจากวัง หนังดื้อรั้นที่จะตามมา แต่พอเมื่อวานมาถึงที่นี่นางก็บอกว่าสุขภาพไม่ดี ต้องการพักผ่อน ดังนั้นเมื่อวานจึงไม่ได้ออกมาปรากฏตัว รีบส่งคนไปตามหา หากเป็นนางจริงๆ ข้าจะไม่ให้อภัยเด็ดขาด”  

  

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท